คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รอการลงโทษ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 620 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5115/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษคดีเก่าที่รอการลงโทษไว้ กับคดีใหม่ที่กระทำภายในกำหนดเวลา และข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน
ผู้ที่จะได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ พ.ศ. 2530มาตรา 4 หมายถึงผู้ที่ได้กระทำผิดก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคมพ.ศ. 2530 ซึ่งได้รับโทษและพ้นโทษไปแล้ว ดังนั้น การที่จำเลยได้กระทำผิดก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 แต่ศาลก็ได้รอการลงโทษไว้ จึงยังถือไม่ได้ว่า จำเลยได้รับโทษและพ้นโทษแล้ว ไม่เข้าหลักเกณฑ์อันเป็นองค์ประกอบที่จะได้รับประโยชน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เมื่อจำเลยได้มากระทำผิดในคดีนี้ภายในกำหนดเวลาที่ศาลให้รอการลงโทษไว้ จึงต้องนำโทษในคดีก่อนมาบวกกับโทษในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3311/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษคดีอาญาที่รอการลงโทษและการตีความ 'ผู้ต้องโทษ' ตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน
ขณะที่จำเลยกับผู้ตายโต้เถียง กันอยู่นั้น จำเลยได้ใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ที ส่วนที่ผู้ตายใช้เหล็กตีศีรษะจำเลยนั้น ตีหลังจากที่จำเลยแทงผู้ตายแล้ว ดังนั้นขณะที่จำเลยแทงผู้ตายไม่มีภยันตรายที่จำเลยจะต้องป้องกัน การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย พ.ร.บ. ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา60 พรรษาฯ มาตรา 4 บัญญัติว่า "ให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคมพ.ศ. 2530 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหรือซึ่งได้พ้นโทษไปโดยผลแห่งพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2530 โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ" และมาตรา 3 ได้ให้ความหมายของคำว่า"ผู้ต้องโทษ" ไว้ว่า "หมายความว่า ผู้ต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ลงโทษหรือให้กักกัน..." ศาลพิพากษาให้รอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี โดยพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2528 การที่ศาลกำหนดโทษจำคุกแต่รอการลงโทษไว้เท่ากับจำเลยยังมิได้รับโทษจำคุกมาก่อน จำเลยจึงมิใช่ "ผู้ต้องโทษ" ตามความหมายของมาตรา 3,4แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และไม่ได้รับผลตามพระราชบัญญัตินี้ศาลจึงนำโทษจำคุกที่รอไว้มาบวกกับโทษในคดีนี้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3311-3312/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โทษจำคุกรอการลงโทษไม่ถือเป็นผู้ต้องโทษตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน ทำให้สามารถนำโทษเดิมมาบวกกับโทษใหม่ได้
คดีเดิมศาลพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ การที่ศาลกำหนดโทษจำคุกแต่รอการลงโทษไว้ เท่ากับจำเลยยังมิได้รับโทษจำคุกมาก่อน จำเลยจึงมิใช่ "ผู้ต้องโทษ" ตามความหมายของมาตรา 3, 4แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษาพ.ศ. 2530 และไม่ได้รับผลตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงนำโทษจำคุกที่รอไว้มาบวกกับโทษจำคุกในคดีนี้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3292/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้เถียงดุลพินิจศาลในข้อเท็จจริง และการขอรอการลงโทษในความผิดที่มีโทษจำคุกเกินห้าปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดในข้อหาปลอมเอกสารตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 265 ให้จำคุก 2 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 จำคุก 1 ปี เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์มิได้แก้ บทมาตราแห่งความผิด เพียงแต่ ปรับบทกฎหมายที่ลงโทษให้ถูกต้อง และยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อหาปลอมเอกสารตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า คำพยานโจทก์ไม่น่าเชื่อ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดข้อหานี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ หรือลงโทษสถานเบาในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาต เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อความผิดข้อหานี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตาม ศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3091/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในชั้นศาล การพิจารณาประเด็นส่วนควบ และการรอการลงโทษ
การฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยทั้งสองเบิกความเท็จหาจำต้องรอให้ศาลพิพากษาคดีที่จำเลยเบิกความเท็จเสียก่อนไม่ เพราะความผิดเกิดตั้งแต่จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลในคดีนั้นแล้ว เมื่อจำเลยทั้งสองแถลงหมดพยานบุคคล และขอให้ศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบบ้านพิพาท โจทก์แถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่มีความจำเป็น แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงให้ทนายของคู่ความถ่ายภาพบ้านพิพาททั้งสองหลังส่งศาล แสดงว่าจำเลยทั้งสองพอใจคำสั่ง ศาลชั้นต้น และไม่ติดใจขอให้ศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบบ้านพิพาท การที่ศาลจะไปเดินเผชิญสืบหรือไม่เป็นดุลพินิจ ของศาล การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2แสดงว่า บ้านพิพาทไม่ได้เป็นส่วนควบกับบ้านเลขที่ 75 อยู่ในตัวถือได้ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นเรื่องส่วนควบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการรอการลงโทษ พิจารณาจากพฤติการณ์ผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นโดย ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 69 ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปีศาลอุทธรณ์ลงโทษไม่เกินกำหนดดังกล่าว โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ผู้ตายและผู้เสียหายดื่ม สุรามึนเมาแล้วเข้าไปในบ้านจำเลยซึ่ง แม้จะไม่มีอาวุธติด ตัว แต่ ก็ได้ ใช้ มือและเท้าทำร้ายหลานจำเลย จำเลยจึงใช้ อาวุธ ปืนสั้นยิงผู้ตายทางด้านหลัง 2 นัด และยิงผู้เสียหายอีก 1 นัด ผู้ตายกับผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดย เข้าไปคุกคาม จำเลยถึง ในบ้านเป็นการกระทำเยี่ยงอันธพาลทั้ง ผู้ตายและผู้เสียหายยังอยู่ในวัยหนุ่ม ส่วนจำเลยอยู่ในวัยชรา มีอายุ 62 ปีแล้วหากไม่ใช้ อาวุธปืน อาจไม่มีความว่องไวพอที่จะ ยับยั้งการคุกคามของผู้ตายและผู้เสียหายให้ทันการได้ หลังเกิดเหตุ จำเลยมอบเงิน ให้บิดาผู้ตายเป็นการบรรเทาความเสียหายถึง ความรับผิดชอบในการกระทำของตน จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะ รอการลงโทษให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษคดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย: ดุลพินิจศาลในการรอการลงโทษและการบรรเทาผลร้าย
จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายบางคนได้รับอันตรายแก่กาย และทรัพย์สินของผู้อื่นคือรถยนต์และรถจักรยานยนต์เสียหาย ซึ่งตามสภาพความผิดเป็นการประมาทอย่างร้ายแรงอันเป็นภัยต่อสาธารณชน แต่จำเลยเป็นพนักงานการสื่อสารแห่งประเทศไทยตำแหน่งนายไปรษณีย์โทรเลขระดับ 4 โดยได้รับราชการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจมาเป็นเวลารวม 15 ปี กับมีหนังสือรับรองของบุคคลที่เคยรู้จักกับจำเลยรับรองว่า จำเลยเป็นผู้ที่มีความประพฤติเรียบร้อย ไม่เคยได้รับโทษจำคุก อีกทั้งปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ จำเลยได้นำเงิน 100,000 บาทมาวางต่อศาลชั้นต้นเพื่อเป็นค่าเสียหายแก่ภริยาผู้ตายซึ่งเป็นการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิด ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกจำเลย 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ จึงเหมาะสมกับสภาพความผิดและพฤติการณ์ต่าง ๆ แห่งคดีนี้แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการดำเนินคดีแทนโจทก์ร่วมผู้ตาย และการรอการลงโทษหลังชดใช้ค่าเสียหาย
พี่ชายของโจทก์ร่วมผู้ตายเกิดจากบิดามารดาเดียวกันและเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ร่วมผู้ตาย มิใช่บุคคลตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 ที่จะขอเข้าดำเนินคดีต่างโจทก์ร่วมผู้ตายได้ จึงไม่มีสิทธิถอนคำร้องทุกข์หรือมีคำขออื่นใดแทนโจทก์ร่วมผู้ตายได้
เช็คพิพาทสั่งจ่ายเงิน 500,000 บาท ก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาจำเลยชำระเงินให้โจทก์ร่วม 20,000 บาท และระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระเงินที่เหลือในเช็คพิพาทแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งการกระทำความผิด จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการดำเนินคดีของผู้จัดการมรดกแทนโจทก์ร่วม และเหตุรอการลงโทษจากชดใช้ค่าเสียหาย
พี่ชายของโจทก์ร่วมผู้ตายเกิดจากบิดามารดาเดียวกัน และเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ร่วมผู้ตาย มิใช่บุคคลตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 ที่จะขอเข้าดำเนินคดีต่างโจทก์ร่วมผู้ตายได้ จึงไม่มีสิทธิถอนคำร้องทุกข์หรือมีคำขออื่นใดแทนโจทก์ร่วมผู้ตายได้ เช็คพิพาทสั่งจ่ายเงิน 500,000 บาท ก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาจำเลยชำระเงินให้โจทก์ร่วม 20,000 บาท และระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระเงินที่เหลือในเช็คพิพาทแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งการกระทำความผิด จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2183/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษจำคุกสำหรับผู้กระทำผิดครั้งแรก สารภาพผิด และไม่ใช่การพนันรายใหญ่
จำเลยเป็นหญิง ไม่ปรากฏว่าเคยได้ รับโทษจำคุกมาก่อน และได้ รับ สารภาพมาตั้งแต่ ชั้นจับกุมและสอบสวน ทั้งการกระทำผิดของจำเลยก็ไม่ใช่การพนันรายใหญ่ ดังนี้ มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยได้ ตาม ป.อ. มาตรา 56.
of 62