คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลงโทษ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,439 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3286/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารราชการปลอมเพื่อฉ้อโกงประกันภัย ศาลลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมและพยายามฉ้อโกง
การที่จำเลยที่ 1 ใช้เอกสารราชการปลอมไปแสดงต่อโจทก์ร่วมว่า พนักงานสอบสวนไม่มีความขัดข้องในการที่จำเลยที่ 1 จะไปขอรับเงินค่าทดแทนความเสียหายจากบริษัทประกันภัยในการที่เกิดเพลิงไหม้อาคารของจำเลยที่ 1 นั้น เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเพื่อฉ้อโกงเงินค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในการที่อาคารที่จำเลยที่ 1 เอาประกันอัคคีภัยไว้กับโจทก์ร่วมเกิดเพลิงไหม้เสียหาย การกระทำความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมและความผิดฐานพยายามฉ้อโกงของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งต้องลงโทษบทหนักตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิง: ศาลลงโทษตามข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณา แม้มีข้อแตกต่างในรายละเอียด
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปีในคืนวันที่ 11 ธันวาคม2533 เวลากลางคืนหลังเที่ยง เวลาเกิดเหตุดังกล่าวแตกต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง ซึ่งกล่าวว่าเหตุเกิดวันที่ 11 ธันวาคม 2533 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง เป็นเพียงข้อแตกต่างในรายละเอียดซึ่งมิใช่ข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยนำสืบสู้คดีเพียงว่าวันที่ 2 ธันวาคม 2533 ผู้เสียหายไปนอนค้างที่กระท่อมของจำเลย และเห็นจำเลยร่วมเพศกับมารดาผู้เสียหาย เช้าวันรุ่งขึ้นผู้เสียหายจึงกลับไปอยู่บ้านยายแล้วไม่มาที่กระท่อมของจำเลยอีกเลย ข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบเป็นการกล่าวอ้างถึงเวลาก่อนเกิดเหตุหลายวันไม่เกี่ยวข้องกับเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง แสดงว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ จึงลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 31/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อแตกต่างรายละเอียดวันเวลากระทำผิดไม่กระทบสาระสำคัญ ศาลฎีกาใช้ข้อเท็จจริงจากการพิจารณาเพื่อลงโทษจำเลยได้
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิดฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปีในคืนวันที่ 11 ธันวาคม 2533 เวลากลางคืนหลังเที่ยง เวลาเกิดเหตุดังกล่าวแตกต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง ซึ่งกล่าวว่าเหตุเกิดวันที่ 11 ธันวาคม 2533 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงเป็นเพียงข้อแตกต่างในรายละเอียดซึ่งมิใช่ข้อสาระสำคัญทั้งจำเลยนำสืบสู้คดีเพียงว่าวันที่ 2 ธันวาคม 2533ผู้เสียหายไปนอนค้างที่กระท่อมของจำเลย และเห็นจำเลยร่วมเพศกับมารดาผู้เสียหาย เช้าวันรุ่งขึ้นผู้เสียหายจึงกลับไปอยู่บ้านย้าย แล้วไม่มาที่กระท่อมของจำเลยอีกเลยข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบเป็นการกล่าวอ้างถึงเวลาก่อนเกิดเหตุหลายวันไม่เกี่ยวข้องกับเวลาเกิดเหตุตามฟ้องแสดงว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ จึงลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงวิธีการกระทำความผิดในคำฟ้อง ศาลลงโทษได้หากไม่เป็นสาระสำคัญและจำเลยไม่หลงต่อสู้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเป็นการพยายามฆ่าผู้เสียหายโดยได้บรรยายคำฟ้องไว้ด้วยว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงประทุษร้ายผู้เสียหายกระสุนถูกบริเวณศีรษะ 2 แผล ได้รับอันตรายสาหัสตามรายงานแพทย์ท้ายฟ้อง พอถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำประทุษร้ายและสภาพความบาดเจ็บของผู้เสียหายไว้แล้วแสดงถึงเจตนาประสงค์ให้ศาลลงโทษ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาว่าจำเลยใช้อาวุธปืนตีทำร้ายผู้เสียหายก็มิใช่ข้อแตกต่างในสาระสำคัญเพราะเป็นเพียงข้อแตกต่างในวิธีการประทุษร้าย อาวุธและตำแหน่งที่ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บก็ตรงตามฟ้อง และจำเลยมิได้หลงต่อสู้จึงลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัสได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในคำฟ้อง: ศาลลงโทษตามข้อเท็จจริงที่ได้ความหากไม่เป็นสาระสำคัญและจำเลยไม่หลงต่อสู้
โจทก์ได้บรรยายคำฟ้องไว้ด้วยว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงถูกผู้เสียหายบริเวณศีรษะ ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสและทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา จนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง พอถือได้ว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำประทุษร้ายและสภาพความบาดเจ็บของผู้เสียหายไว้แล้ว แม้ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาว่าจำเลยใช้อาวุธปืนตีทำร้ายผู้เสียหายแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงศีรษะผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าแต่ข้อแตกต่างนั้นมิใช่ข้อสาระสำคัญ เพราะเป็นเพียงข้อแตกต่างในวิธีประทุษร้ายของจำเลย เมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ จึงลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัสได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2667/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเอกสารราชการ แสตมป์ และเครื่องมือปลอมแปลง ศาลตัดสินลงโทษเฉพาะความผิดฐานปลอมแปลงแสตมป์
แบบใบอนุญาตขับรถเป็นเอกสารราชการซึ่งเจ้าพนักงานได้จัดทำขึ้นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(8) ผู้ใดจะทำขึ้นเองไม่ได้การที่จำเลยพิมพ์แบบใบอนุญาตขับรถขึ้นเอง โดยปรากฏข้อความบางส่วนให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าเป็นแบบใบอนุญาตของทางราชการที่แท้จริง แม้ยังไม่กรอกข้อความอื่นลงไปก็เป็นการปลอมข้อความบางส่วนลงไปแล้วจึงเป็นการปลอมเอกสารราชการ จำเลยปลอมแสตมป์ที่ใช้สำหรับการภาษีอากรอันเป็นความผิดตามมาตรา 254 และจำเลยมีเครื่องมือหรือวัตถุเพื่อใช้ในการปลอมอันเป็นความผิดตามมาตรา 261 ด้วย จึงลงโทษจำเลยตามมาตรา 254 ได้เพียงกระทงเดียวตามมาตรา 263 แม้คู่ความจะมิได้ฎีกาในปัญหานี้แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง,225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานบุกรุกเมื่อฟ้องพยายามลักทรัพย์: ศาลไม่ถือว่าเป็นการลงโทษนอกคำขอ
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามลักทรัพย์ และฐานบุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,335,362,364,365ทั้งสองกระทงความผิดเมื่อได้ความตามทางพิจารณาว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์แต่กระทำผิดฐานบุกรุกเท่านั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกได้ไม่เป็นการลงโทษนอกคำขอของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2530/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดระหว่างการพิจารณาคดี ศาลลงโทษตามฐานความผิดที่พิสูจน์ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นตัวการ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นแต่เพียงผู้สนับสนุน ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ กรณีมิใช่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ตามป.วิ.อ. มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250-251/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ อาวุธปืน: ศาลฎีกาพิจารณาความถูกต้องของการปรับบทและข้อจำกัดการฎีกา
ฟ้องว่าจำเลยมีและใช้อาวุธปืนปล้นทรัพย์ แต่ไม่ระบุว่าเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ อันจะทำให้ต้องรับโทษหนักขึ้น ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 78 วรรคสามดังนี้ จึงลงโทษจำเลยหนักขึ้นไม่ได้ เพราะไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษหนักขึ้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานพาอาวุธปืนโดยผิดกฎหมายไม่เกิน5 ปี การที่จำเลยฎีกาว่ามิได้พาอาวุธปืน ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 และในกรณีศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ แต่จำเลยกลับฎีกาโต้แย้งว่ามิได้มีอาวุธปืนสั้นซึ่งมีนายทะเบียนของบุคคลอื่นไว้ในครอบครองดังนี้ถือว่าฎีกาที่ไม่โต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทเลินเล่อจากการส่งปืนให้ผู้อื่นทำให้ถึงแก่ความตาย แม้ฟ้องว่าเจตนาฆ่า ศาลลงโทษฐานประมาทได้
จำเลยส่งอาวุธเป็นซึ่งบรรจุกระสุนปืนพร้อมจะยิงได้ให้ ผู้ตายโดยหันปากกระบอกปืนไปทางผู้ตายและไม่ระมัดระวังเป็นเหตุให้ปืนลั่นขึ้นทำให้กระสุนปืนถูกผู้ตายที่กกหูถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง จึงมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้ตาย ปรากฏในการพิจารณาว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายแต่บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม ได้บัญญัติไว้ว่า ข้อแตกต่างกันระหว่างการกระทำผิดโดยเจตนากับประมาทเป็นข้อแตกต่างกันเพียงรายละเอียด ดังนั้นศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ ทั้งจำเลยก็ยอมรับว่าได้ส่งอาวุธปืนให้ผู้ตาย แล้วปืนเกิดลั่นขึ้นทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงไม่ได้หลงต่อสู้
of 144