คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลักทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,595 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2138/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ในเคหสถาน ต้องเข้าทั้งตัว ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของร่างกาย
การลักทรัพย์ในเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)นั้น หมายถึงผู้กระทำจะต้องเข้าไปในเคหสถานทั้งตัว มิใช่เพียงแต่ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของผู้กระทำล่วงล้ำเข้าไปในเคหสถาน จำเลยเพียงแต่ยื่นมือผ่านบานเลื่อนไม้เข้าไปในห้องพักของผู้เสียหายแล้วทุบกระต่ายออมสินของผู้เสียหายลักเอาเงินไป โดยจำเลยมิได้เข้าไปในห้องพักของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2127/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดชิงทรัพย์ vs. ลักทรัพย์ และอำนาจแก้ไขศาลอุทธรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยชิงทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยใช้กำลังประทุษร้ายด้วยการใช้มือบีบและกดคอของผู้เสียหาย แล้วกระชากสร้อยคอของผู้เสียหายโดยแรงจนสร้อยคอขาดแล้วพาวิ่งหลบหนีไปซึ่งหน้า โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยฉกฉวยเอาสร้อยคอของผู้เสียหายพาหนีไปซึ่งหน้าอันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ และคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานวิ่งราวทรัพย์คงลงโทษจำเลยได้ในข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 335 (1)วรรคสอง ซึ่งเป็นความผิดที่ประกอบเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย เท่านั้น แม้จำเลยไม่อุทธรณ์ข้อนี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2127/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษฐานลักทรัพย์แทนวิ่งราวทรัพย์ แม้โจทก์มิได้ขอโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยชิงทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยใช้กำลังประทุษร้ายด้วยการใช้มือบีบและกดคอของผู้เสียหาย แล้วกระชากสร้อยคอของผู้เสียหายโดยแรงจนสร้อยคอขาดแล้วพาวิ่งหลบหนีไปซึ่งหน้าโดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยฉกฉวยเอาสร้อยคอของผู้เสียหายพาหนีไปซึ่งหน้าอันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์และคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานวิ่งราวทรัพย์คงลงโทษจำเลยได้ในข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)วรรคสอง ซึ่งเป็นความผิดที่ประกอบเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคท้าย เท่านั้น แม้จำเลยไม่อุทธรณ์ข้อนี้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานชิงทรัพย์เปลี่ยนเป็นลักทรัพย์: ศาลลงโทษตามความผิดที่เกิดขึ้นจริง แม้ฟ้องฐานชิงทรัพย์
ความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นความผิดที่รวมการกระทำผิดฐานลักทรัพย์อยู่ด้วย แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์แต่เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ศาลย่อมลงโทษฐานลักทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์: พยานหลักฐานไม่เพียงพอพิสูจน์จำนวนและราคาทรัพย์ ศาลจำกัดการบังคับชดใช้เฉพาะทางแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามลักทรัพย์โจทก์ร่วมไปหลายรายการขอให้ลงโทษและขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงินจำนวน 664,945บาท แก่โจทก์ร่วม แม้ศาลฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3ลักทรัพย์โจทก์ร่วมไปบางรายการ แต่พยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมายังไม่อาจฟังเป็นยุติว่า สินค้าที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ลักไปมีจำนวนและราคาเท่าใด จึงไม่อาจบังคับให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 คืนทรัพย์หรือใช้ราคาให้แก่โจทก์ร่วมได้ ชอบที่โจทก์ร่วมจะไปว่ากล่าวเอาทางแพ่งแก่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์แม้ยังไม่ได้เคลื่อนย้าย ถือเป็นความพยายามลักทรัพย์
จำเลยมีเจตนาลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย แต่จำเลยเพียงแต่นั่งคร่อม ยังไม่ได้เอารถออก จึงเป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว หากแต่กระทำไปไม่ตลอดเพราะผู้เสียหายเข้ามากอดเอวไว้ ทำให้จำเลยเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปไม่ได้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามลักทรัพย์: การกระทำความผิดสำเร็จหรือไม่เมื่อผู้เสียหายขัดขวาง
จำเลยมีเจตนาลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย แต่จำเลยเพียงแต่นั่งคร่อม ยังไม่ได้เอารถออก จึงเป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว หากแต่กระทำไปไม่ตลอดเพราะผู้เสียหายเข้ามากอดเอาไว้ ทำให้จำเลยเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปไม่ได้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์นั่งคร่อมรถและบิดกุญแจถือเป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว แม้จะยังไม่ได้เคลื่อนย้ายรถออกไป
จำเลยเพียงแต่นั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ยังไม่ได้เอารถออกเป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว เมื่อกระทำไปไม่ตลอดเพราะผู้เสียหายเข้ามากอด เอาไว้ทำให้จำเลยเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปไม่ได้ เป็นความผิดฐานพยายามลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลในคดีความผิดต่อเนื่อง: ลักทรัพย์และรับของโจร
เมื่อการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์เกิดที่อำเภอไทรโยคจังหวัดกาญจนบุรี แม้ความผิดฐานรับของโจรจะเกิดที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ก็เป็นความผิดที่ได้กระทำต่อเนื่องกัน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอไทรโยคจึงมีอำนาจสอบสวนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในข้อหารับของโจรได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19 และเมื่อพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอไทรโยค ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดกาญจนบุรีโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม เนื่องจากเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงในความผิดฐานใช้ผู้อื่นลักทรัพย์และปลอมแปลงเอกสาร
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีในความผิดฐานใช้ผู้อื่นให้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,84 ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารกับใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,268,83 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารปลอม 2 กระทงจำคุกกระทงละ 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม 4 กระทง แต่ยังคงจำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อยโดยลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี การที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 วรรคแรก
of 160