พบผลลัพธ์ทั้งหมด 412 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างฐานประมาทเลินเล่อจนเกิดความเสียหายร้ายแรง และขอบเขตอำนาจศาลแรงงานในคดีละเมิด
โจทก์เป็นลูกจ้างโรงงานกระสอบซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของขณะโจทก์ดำรงตำแหน่งสมุห์บัญชีได้ลงชื่อและประทับตราโรงงานฯรับทราบการโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งห้างหุ้นส่วนจำกัด จ. และห้างหุ้นส่วนจำกัดบ. โอนสิทธิการรับเงินค่าปอจากโรงงานฯ ให้แก่บริษัท ท. อันมีผลผูกพันตามกฎหมายที่โรงงานฯจะ ต้องจ่ายเงินให้แก่บริษัท ท. เท่านั้น เช่นนี้ การที่ โจทก์ปฏิบัติหน้าที่โดยจ่ายเงินให้แก่ห้างทั้งสองแทนที่จะจ่าย ให้แก่บริษัท ท. เป็นเหตุให้บริษัท ท. มีหนังสือทวงถาม จากจำเลย จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อและก่อให้เกิดความเสียหาย อย่างร้ายแรงแก่จำเลย จำเลยจึงมีสิทธิใช้อำนาจ ตามระเบียบเลิกจ้างโจทก์ โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าได้ และถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าได้ลงโทษเลิกจ้างโจทก์โดยใช้อำนาจตามระเบียบที่วางไว้ เพราะโจทก์ปฏิบัติหน้าที่ประมาทเลินเล่อทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่จำเลยการที่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อ จึงเป็นการวินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาท คำฟ้องของโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยปิดประกาศคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ทั่วไปที่สำนักงานใหญ่และที่โรงงานเป็นการละเมิดต่อ โจทก์ ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย มิใช่เป็นคดีอันเกิดจากมูลละเมิดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างสืบเนื่องจากข้อพิพาทแรงงานโจทก์จึงไม่มีสิทธิเสนอคำฟ้องข้อหานี้ต่อศาลแรงงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงาน: ต้องวินิจฉัยสถานะลูกจ้างก่อนพิจารณาข้อพิพาทสัญญาจ้าง
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นพนักงานขายของบริษัทซึ่งประกอบกิจการค้าเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อหนึ่งและโจทก์อาจไปขาย เครื่องถ่ายเอกสารอีกยี่ห้อหนึ่งให้แก่จำเลยได้เป็นครั้งคราวโดยได้รับ ค่าคอมมิชชั่นจากจำเลยแล้ววินิจฉัยไปเลยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลย ตกลงให้โจทก์ทำงานครั้งที่โจทก์ฟ้องนี้โดยจะจ่ายค่าคอมมิชชั่น ให้โจทก์โดยมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยหรือไม่ ซึ่งประเด็นข้อนี้เป็นประเด็นสำคัญแห่งคดีเพราะถ้าโจทก์ ไม่เป็นลูกจ้างจำเลยคดีนี้ย่อมไม่เป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ ตามสัญญาจ้างแรงงาน หรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ.2522 มาตรา8(1) อันศาลแรงงานกลางจะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้สมควรให้ ศาลแรงงานกลาง วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้เป็นยุติก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มติคณะรัฐมนตรีเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง รัฐวิสาหกิจต้องปฏิบัติตาม โจทก์มีสิทธิฟ้องต่อศาลแรงงานได้
จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจ ต้องมีหน้าที่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีลงมติสั่งให้รัฐวิสาหกิจจ่ายค่าครองชีพแก่พนักงาน จึงมีผลให้จำเลยต้องยอมรับและปฏิบัติตาม ดังนั้นการที่จำเลยไม่ยอมจ่ายค่าครองชีพแก่โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานอันเป็นการฝ่าฝืนมติดังกล่าวและโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่าย จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิและหน้าที่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ฯ มาตรา 8 (1) โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มติคณะรัฐมนตรีเป็นข้อตกลงสภาพการจ้าง ศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณาคดีได้
จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจ ต้องมีหน้าที่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีลงมติสั่งให้รัฐวิสาหกิจจ่ายค่าครองชีพแก่พนักงาน จึงมีผลให้จำเลยต้องยอมรับและปฏิบัติตาม ดังนั้นการที่จำเลยไม่ยอมจ่ายค่าครองชีพแก่โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานอันเป็นการฝ่าฝืนมติดังกล่าวและโจทก์ ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่าย จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วยสิทธิและหน้าที่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 8(1) โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 675/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในการอายัดเงินที่ลูกหนี้วางศาล แม้เป็นคดีแรงงาน
เงินที่จำเลยนำมาวางต่อศาลแรงงานกลางเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาย่อมถือได้ว่าเป็นเงินของโจทก์ผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของบริษัทซึ่งได้ฟ้องโจทก์ที่ศาลแพ่งดังนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลแพ่งในฐานเป็นเจ้าพนักงานของศาลแพ่งและผู้แทนของบริษัทดังกล่าวจึงมีสิทธิที่จะขออายัดเงินที่จำเลยนำมาวางต่อศาลแรงงานกลางได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3041/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับคำให้การทางวาจาและการยื่นคำให้การเป็นหนังสือ ศาลต้องรับคำให้การใหม่หากยังไม่ได้มีคำสั่งรับคำให้การเดิม
ในวันนัดพิจารณาศาลแรงงานได้บันทึกคำให้การของจำเลยและกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้แล้ว ต่อมาจำเลยยื่นคำให้การเป็นหนังสือ ศาลแรงงานสั่งว่า "จำเลยเคยให้การด้วยวาจาไว้แล้ว รวมสำนวนไว้ สำเนาให้โจทก์" ดังนี้ ไม่เป็นการแสดงว่าศาลแรงงานได้มีคำสั่งรับคำให้การเป็นหนังสือไว้แทนคำให้การที่บันทึกไว้เดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2758/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งจ่ายค่าเสียหายระหว่างถูกเลิกจ้าง แม้มาตรา 49 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ มิได้กล่าวถึง
แม้พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 49 จะมิได้กล่าวถึงค่าจ้างหรือค่าเสียหายในระหว่างที่ถูกเลิกจ้างของลูกจ้างที่ศาลสั่งให้นายจ้างรับกลับเข้าทำงานก็ตามแต่ก็มิได้มีกฎหมายห้ามไว้ ดังนั้นเมื่อศาลสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน ศาลมีอำนาจที่จะให้นายจ้างจ่ายค่าเสียหายในระหว่างที่ถูกเลิกจ้างให้แก่ลูกจ้างผู้ต้องเสียหายได้
คำฟ้องที่เสนอศาลโจทก์ได้ขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยด้วย แต่มิได้ทำสำเนาคำฟ้องให้ตรงกับต้นฉบับ คำขอเรื่องดอกเบี้ยจึงขาดไปในสำเนาคำฟ้อง กรณีนี้พึงถือได้ว่าโจทก์มีคำขอเรื่องดอกเบี้ยแล้ว การทำสำเนาคำฟ้องขาดตกบกพร่องไม่ทำให้ต้นฉบับคำฟ้องเสียไป
คำฟ้องที่เสนอศาลโจทก์ได้ขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยด้วย แต่มิได้ทำสำเนาคำฟ้องให้ตรงกับต้นฉบับ คำขอเรื่องดอกเบี้ยจึงขาดไปในสำเนาคำฟ้อง กรณีนี้พึงถือได้ว่าโจทก์มีคำขอเรื่องดอกเบี้ยแล้ว การทำสำเนาคำฟ้องขาดตกบกพร่องไม่ทำให้ต้นฉบับคำฟ้องเสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2626/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับรองการฝึกอบรมและเบี้ยปรับ เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสภาพการจ้าง ศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณา
ธนาคารโจทก์มีระเบียบว่าผู้สอบคัดเลือกได้จะต้องเข้ารับการฝึกอบรมก่อนบรรจุแต่งตั้ง จำเลยสอบคัดเลือกได้ โจทก์จึงรับจำเลยเข้าทำการฝึกอบรมและให้จำเลยทำหนังสือรับรองว่า ในกรณีที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งแล้วถ้าจำเลยลาออกจากงานภายใน 18 เดือน นับแต่วันเริ่มเข้ารับการฝึกอบรมยอมชำระเบี้ยปรับแก่ โจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์ให้จำเลยทำหนังสือรับรองดังกล่าวแสดงว่า เป็นความประสงค์ของโจทก์ที่จะให้มีข้อตกลงอันเกี่ยวกับเงื่อนไขการจ้างหรือการทำงาน หรือประโยชน์ของโจทก์เกี่ยวกับการจ้างหรือการทำงานด้วยหาใช่เป็นการแสดงเจตนาของจำเลยฝ่ายเดียวไม่ หนังสือรับรองดังกล่าวจึงเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามหนังสือรับรอง จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ศาลแรงงานกลางมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2601/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจศาลแรงงานในการพิพากษาเกินคำขอ, สิทธิโบนัส, และการจ่ายค่าน้ำมันรถเป็นค่าจ้าง
ศาลแรงงานพิพากษาไปตามคำขอบังคับของโจทก์เป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายบังคับแล้ว ส่วนการพิพากษาเกินคำขอนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 52 มิได้บังคับให้ศาลแรงงานจำต้องปฏิบัติแต่ให้อยู่ในดุลพินิจที่จะกระทำได้เมื่อเห็นสมควรเท่านั้น
ค่าน้ำมันรถที่ลูกจ้างจะเบิกได้ต้องมีใบเสร็จไปแสดงและเบิกได้ไม่เกินที่นายจ้างกำหนดไว้ เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงาน หาใช่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานไม่ ค่าน้ำมันรถจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
ระเบียบของนายจ้างกำหนดว่า 'การจ่ายเงินโบนัสจะทำการจ่ายในเดือนธันวาคมของทุก ๆ ปีปฏิทิน ' แสดงว่าลูกจ้างผู้มีสิทธิรับเงินโบนัสจะต้องมีตัวอยู่ในเดือนธันวาคมซึ่งมีการจ่ายโบนัสด้วยโจทก์ถูกเลิกจ้างก่อนเดือนธันวาคมจึงไม่มีสิทธิรับเงินโบนัส
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้อง ศาลแรงงานกลางสั่งว่า 'สำเนาให้จำเลยสั่งในวันนัด' แต่จนกระทั่งมีคำพิพากษาศาลแรงงานกลางก็มิได้มีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้อง ทั้งคู่ความก็มิได้แถลงประการใดต่อศาล ดังนี้ จึงมีผลเท่ากับศาลแรงงานกลางมิได้อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้อง
ค่าน้ำมันรถที่ลูกจ้างจะเบิกได้ต้องมีใบเสร็จไปแสดงและเบิกได้ไม่เกินที่นายจ้างกำหนดไว้ เป็นค่าใช้จ่ายในการทำงาน หาใช่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานไม่ ค่าน้ำมันรถจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
ระเบียบของนายจ้างกำหนดว่า 'การจ่ายเงินโบนัสจะทำการจ่ายในเดือนธันวาคมของทุก ๆ ปีปฏิทิน ' แสดงว่าลูกจ้างผู้มีสิทธิรับเงินโบนัสจะต้องมีตัวอยู่ในเดือนธันวาคมซึ่งมีการจ่ายโบนัสด้วยโจทก์ถูกเลิกจ้างก่อนเดือนธันวาคมจึงไม่มีสิทธิรับเงินโบนัส
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้อง ศาลแรงงานกลางสั่งว่า 'สำเนาให้จำเลยสั่งในวันนัด' แต่จนกระทั่งมีคำพิพากษาศาลแรงงานกลางก็มิได้มีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้อง ทั้งคู่ความก็มิได้แถลงประการใดต่อศาล ดังนี้ จึงมีผลเท่ากับศาลแรงงานกลางมิได้อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงในคดีแรงงาน: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตามมาตรา 54 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงาน
ในคดีชั้นร้องขัดทรัพย์ ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นทรัพย์สินของจำเลย การที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าทรัพย์สิน ตามคำร้องเป็นทรัพย์สินที่บริษัทจำเลยได้ขายให้แก่ บริษัท ร. ซึ่งมีผู้ร้องเป็นกรรมการผู้จัดการนั้นเป็นอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริง จุดประสงค์เพื่อเป็นข้ออ้างนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่ผู้ร้องอุทธรณ์ ขึ้นมาเท่านั้น จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54