พบผลลัพธ์ทั้งหมด 408 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดชิงทรัพย์: ศาลฎีกายกฟ้องจำเลยที่ 1 แม้ไม่ได้ฎีกา
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการสมคบกันชิงทรัพย์ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยเป็นเพียงผู้สนับสนุนโจทก์ฎีกาฝ่ายเดียว ขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด แม้จำเลยไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยและยกฟ้องได้เพราะเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยมิชอบ ข่มขืนใจเอาทรัพย์ และความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 เป็นพลตำรวจสมัครประจำกองตำรวจภูธร ลามากิจธุระ ไม่แต่งเครื่องแบบ แต่มีเข็มขัดตำรวจคาดอยู่ จำเลยที่ 1 บอกผู้เสียหายซึ่งจับปลาในลำน้ำชีอันเป็นที่สาธารณะในฤดูปลามีไข่ อันเป็นความผิดต่อกฎหมายว่า ถ้าไม่ให้จับก็ให้ให้ปลาแก่จำเลยที่ 1 เสีย ผู้เสียหายกลัว จึงยอมให้ปลาแก่จำเลยที่ 1 เช่นนี้ แม้ในทางปฏิบัติกรมตำรวจได้วางระเบียบไว้ว่า พลตำรวจภูธรประจำกองตำรวจภูธรจะสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดในเขตจังหวัดนั้น จะต้องมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ชั้นผู้บังคับกองขึ้นไปก็ดี แต่เมื่อมีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยไว้ว่า พลตำรวจภูธรไปปรากฏตัว ณ ที่ใดแม้จะเป็นนอกเขตอำนาจของพลตำรวจผู้นั้น ถ้าปรากฏว่ามีผู้กระทำผิดซึ่งหน้าพลตำรวจภูธรผู้นั้นก็มีอำนาจจับได้ ดังนี้ย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมอบปลาให้เป็นประโยชน์แก่ตน
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นครูประชาบาลมายังที่เกิดเหตุพร้อมกับจำเลยที่ 1 และในขณะที่จำเลยที่ 1 พูดกับผู้เสียหายว่า ถ้าจะไม่ให้จับ ก็ให้ให้ปลาเสียนั้น จำเลยที่ 2 ก็ได้พูดกับผู้เสียหายต่อเนื่องกันไปว่า ทำผิดกฎหมายแล้ว เอาปลาให้ตำรวจเสีย จะได้ไม่ถูกจับ และในที่สุดเมื่อผู้เสียหายยอมให้ปลาแล้ว จำเลยที่ 1 หิ้วถังปลาไปจำเลยที่ 2 ก็เดินตามไปพร้อม ๆ กันด้วย พฤติการณ์เช่นนี้ เข้าลักษณะที่ว่าเป็นการช่วยเหลือในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดในขณะกระทำความผิดอันเป็นลักษณะของผู้สนับสนุน ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นความผิดแล้ว
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นครูประชาบาลมายังที่เกิดเหตุพร้อมกับจำเลยที่ 1 และในขณะที่จำเลยที่ 1 พูดกับผู้เสียหายว่า ถ้าจะไม่ให้จับ ก็ให้ให้ปลาเสียนั้น จำเลยที่ 2 ก็ได้พูดกับผู้เสียหายต่อเนื่องกันไปว่า ทำผิดกฎหมายแล้ว เอาปลาให้ตำรวจเสีย จะได้ไม่ถูกจับ และในที่สุดเมื่อผู้เสียหายยอมให้ปลาแล้ว จำเลยที่ 1 หิ้วถังปลาไปจำเลยที่ 2 ก็เดินตามไปพร้อม ๆ กันด้วย พฤติการณ์เช่นนี้ เข้าลักษณะที่ว่าเป็นการช่วยเหลือในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดในขณะกระทำความผิดอันเป็นลักษณะของผู้สนับสนุน ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นความผิดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยมิชอบ ข่มขืนใจเอาทรัพย์สิน และความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 เป็นพลตำรวจสมัครประจำกองตำรวจภูธร ลามากิจธุระ ไม่แต่งเครื่องแบบ แต่มีเข็มขัดตำรวจคาดอยู่ จำเลยที่ 1 บอกผู้เสียหายซึ่งจับปลาในลำน้ำชีอันเป็นที่สาธารณะในฤดูปลามีไข่ อันเป็นความผิดต่อกฎหมายว่าถ้าไม่ให้จับ ก็ให้ให้ปลาแก่จำเลยที่ 1 เสีย ผู้เสียหายกลัว จึงยอมให้ปลาแก่จำเลยที่ 1 เช่นนี้แม้ในทางปฏิบัติกรมตำรวจได้วางระเบียบไว้ว่า พลตำรวจภูธรประจำกองตำรวจภูธรจะสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดในเขตจังหวัดนั้น จะต้องมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ชั้นผู้บังคับกองขึ้นไปก็ดี แต่เมื่อมีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยไว้ว่า พลตำรวจภูธรไปปรากฏตัว ณ ที่ใดแม้จะเป็นที่นอกเขตอำนาจของพลตำรวจผู้นั้น ถ้าปรากฏว่ามีผู้กระทำผิดซึ่งหน้าพลตำรวจภูธรผู้นั้นก็มีอำนาจจับได้ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำของเจ้าพนักงานผู้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจให้ผู้เสียหายมอบปลาให้เป็นประโยชน์แก่ตน
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นครูประชาบาลมายังที่เกิดเหตุพร้อมกับจำเลยที่ 1และในขณะที่จำเลยที่ 1 พูดกับผู้เสียหายว่า ถ้าจะไม่ให้จับ ก็ให้ให้ปลาเสียนั้นจำเลยที่ 2 ก็ได้พูดกับผู้เสียหายต่อเนื่องกันไปว่าทำผิดกฎหมายแล้ว เอาปลาให้ตำรวจเสีย จะได้ไม่ถูกจับและในที่สุดเมื่อผู้เสียหายยอมให้ปลาแล้ว จำเลยที่ 1 หิ้วถังปลาไปจำเลยที่ 2 ก็เดินตามไปพร้อมๆ กันด้วยพฤติการณ์เช่นนี้เข้าลักษณะที่ว่าเป็นการช่วยเหลือในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดในขณะกระทำความผิดอันเป็นลักษณะของผู้สนับสนุนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นความผิดแล้ว
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นครูประชาบาลมายังที่เกิดเหตุพร้อมกับจำเลยที่ 1และในขณะที่จำเลยที่ 1 พูดกับผู้เสียหายว่า ถ้าจะไม่ให้จับ ก็ให้ให้ปลาเสียนั้นจำเลยที่ 2 ก็ได้พูดกับผู้เสียหายต่อเนื่องกันไปว่าทำผิดกฎหมายแล้ว เอาปลาให้ตำรวจเสีย จะได้ไม่ถูกจับและในที่สุดเมื่อผู้เสียหายยอมให้ปลาแล้ว จำเลยที่ 1 หิ้วถังปลาไปจำเลยที่ 2 ก็เดินตามไปพร้อมๆ กันด้วยพฤติการณ์เช่นนี้เข้าลักษณะที่ว่าเป็นการช่วยเหลือในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดในขณะกระทำความผิดอันเป็นลักษณะของผู้สนับสนุนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นความผิดแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรู้ร่วมคิดต้องมีการกระทำสนับสนุนก่อนหรือขณะเกิดเหตุ ศาลฎีกาตัดสินว่าการร้องห้ามไม่ได้เป็นการสนับสนุน
การที่จะให้ฟังว่า จำเลยกระทำผิดฐานสมรู้ จะต้องได้ความว่าจำเลยได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในเวลาแต่ก่อนหรือเมื่อขณะความผิดนั้นได้เกิดขึ้น อันเป็นอุปการะแก่การกระทำผิดนั้น
การที่คนหนึ่งทำร้ายผู้ตายซึ่งเป็นกรรมกรสามล้อถึงตายโดยจำเลยไม่ได้สมคบด้วย เป็นการกระทำของคนนั้นโดยพลการ จำเลยเป็นแต่เข้าช่วยคนนั้นชกต่อยพวกสามล้ออื่นซึ่งเกิดวิวาทกันในตอนแรกเท่านั้น และการที่จำเลยร้องห้ามไม่ให้ใครเข้ามาเพื่อขู่ไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายคนนั้นหรือเข้ามาทำร้ายจำเลยเอง และทั้งขณะที่จำเลยร้องห้าม ก็ไม่ได้ความว่าจำเลยได้ทราบถึงการที่คนอื่นนั้นทำร้ายผู้ตายแล้วหรือไม่ ดังนี้การกระทำของจำเลยไม่เป็นการอุปการะแก่การกระทำผิด อันจะเป็นผิดฐานสมรู้
การที่คนหนึ่งทำร้ายผู้ตายซึ่งเป็นกรรมกรสามล้อถึงตายโดยจำเลยไม่ได้สมคบด้วย เป็นการกระทำของคนนั้นโดยพลการ จำเลยเป็นแต่เข้าช่วยคนนั้นชกต่อยพวกสามล้ออื่นซึ่งเกิดวิวาทกันในตอนแรกเท่านั้น และการที่จำเลยร้องห้ามไม่ให้ใครเข้ามาเพื่อขู่ไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายคนนั้นหรือเข้ามาทำร้ายจำเลยเอง และทั้งขณะที่จำเลยร้องห้าม ก็ไม่ได้ความว่าจำเลยได้ทราบถึงการที่คนอื่นนั้นทำร้ายผู้ตายแล้วหรือไม่ ดังนี้การกระทำของจำเลยไม่เป็นการอุปการะแก่การกระทำผิด อันจะเป็นผิดฐานสมรู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบคิดร่วมกันทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า โดยมีพฤติการณ์สนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยทั้งสามกับพวกได้เข้าไปในส่วนผู้มีชื่อพร้อมกัน ขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากไม่ใช่เวลาที่จำเลยกับพวกจะไปปรากฏตัวอยู่,ได้ก่อเหตุระรานผู้เสียหายกล่าวคือพวกของจำเลยคนหนึ่งตีผู้เสียหายอีกคนหนึ่ง ยิงผู้เสียหาย-อีกคนหนึ่งต่อหน้าต่อตาจำเลยทั้งสาม แต่จำเลยทั้งสามไม่มีใครห้ามปรามเลย กลับยังอยู่เป็นกำลังใจให้พรรคพวก แล้วพวกของตนก็ยิงกระหน่ำเข้าไปในใต้ถุนเรือนซึ่งมีผู้เสียหายซ่อนอยู่อีก 6 นัด เมื่อชาวบ้านมาร้องขอ จำเลยทั้งสามกับพวกจึงพากันออกจากบ้านผู้มีชื่อไปพร้อมกันพฤติการณ์เช่นนี้แสดงชัดว่าจำเลยทั้งสามได้สมคบกันกับพวกของจำเลยไปกระทำความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันพยายามฆ่าและก่อเหตุรุนแรง: พฤติการณ์สนับสนุนการสมคบเพื่อกระทำผิด
จำเลยทั้งสามกับพวกได้เข้าไปในบ้านผู้มีชื่อพร้อมกันขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากไม่ใช่เวลาที่จำเลยกับพวกจะไปปรากฏตัวอยู่ได้ก่อเหตุระรานผู้เสียหายกล่าวคือพวกของจำเลยคนหนึ่งตีผู้เสียหายอีกคนหนึ่งยิงผู้เสียหายอีกคนหนึ่งต่อหน้าต่อตาจำเลยทั้งสามแต่จำเลยทั้งสามไม่มีใครห้ามปรามเลย กลับยังอยู่เป็นกำลังใจให้พรรคพวก แล้วพวกของตนก็ยิงกระหน่ำเข้าไปในใต้ถุนเรือนซึ่งมีผู้เสียหายซ่อนอยู่อีก 6 นัดเมื่อชาวบ้านมาร้องขอจำเลยทั้งสามกับพวกจึงพากันออกจากบ้านผู้มีชื่อไปพร้อมกันพฤติการณ์เช่นนี้แสดงชัดว่าจำเลยทั้งสามได้สมคบกันกับพวกของจำเลยไปกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันพยายามฆ่า: การกระทำร่วมกันของพี่น้องที่อยู่ในเหตุการณ์และสนับสนุนการยิงผู้เสียหาย
เมื่อคดีได้ความว่าจำเลยทั้ง 2 มีสาเหตุกับผู้เสียหายวันเกิดเหตุจำเลยทั้ง 2 ซึ่งเป็นพี่น้องกันอยู่ที่เกิดเหตุก่อนผู้เสียหายมาถึงเมื่อจำเลยที่ 2 ใช้กระสุนยิงผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 ก็ไม่ห้ามครั้นผู้เสียหายเข้าไปถามว่ายิงเรื่องอะไรจำเลยกลับพูดว่าวันนี้กูเอามึงแน่อ้ายทัด (ชื่อผู้เสียหาย) ทั้งจำเลยที่ 2 รู้และเห็นจำเลยที่ 1 มีปืนมาในขณะนั้นดังนี้แสดงว่าจำเลยทั้ง 2 มีเจตนาร่วมกันในอันที่จะกระทำแก่ผู้เสียหายจำเลยที่ 2 ยิงด้วยลูกกระสุนก่อนแล้วจำเลยที่ 1 ก็ยิงด้วยปืนภายในระยะเวลากระชั้นชิดติดต่อกันจำเลยต้องมีผิดฐานสมคบกันพยายามฆ่าคนโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมรู้ร่วมคิดปล้นทรัพย์: การกระทำสนับสนุนและการไม่ถึงขั้นเป็นตัวการ
จำเลย 2 คน ได้ร่วมรู่กับคนร้าย ไปในการปล้นทรัพย์ แต่ไม่ได้ไปลงมือทำการปล้นด้วยเป็นการแต่นั่งรอยู่ในรถ ยนต์ ซึ่งคนร้ายใช้เป็นพาหนะไปปล้น จอดอยู่ห่างที่เกิดเหตุราว 20 เส้น เมื่อคนร้ายปล้นได้ทรัพย์แล้ว ก็มาขึ้นรถ จำเลยทั้งสิงก็กลับมารถพร้อมกัน จำเลยคนหนึ่งเป็นคุณขับรถยนต์นั้น ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยทั้ง 2 ได้กระทำการ อุดหนุนแก่ผู้กระทำผิดในการปล้นทรัพย์ มีผิดฐานสมรู้ ยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวการ./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไม่ถือเป็นกฎหมายโดยอัตโนมัติ ต้องได้รับการสนับสนุนจากกฎหมายจึงมีผลผูกพัน
ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น ตามนิตินัยไม่ใช่ว่าประกาศใดที่ออกในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะต้องถือว่าเป็นกฎหมายอันรู้ถึงประชาชน ทั้งนี้ต้องแล้วแต่ว่าประกาศที่ออกแล้วนั้น จะได้รับการสนับสนุนให้มีผลใช้ได้ในกฎหมายเพียงใด
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้.
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ใช่กฎหมายอันรู้ถึงประชาชนเสมอไป ต้องได้รับการสนับสนุนจากกฎหมายจึงมีผล
ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้นตามนิตินัยมิใช่ว่าประกาศใดที่ออกในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะต้องถือว่าเป็นกฎหมายอันรู้ถึงประชาชน ทั้งนี้ต้องแล้วแต่ว่าประกาศที่ออกแล้วนั้น จะได้รับการสนับสนุนให้มีผลใช้ได้ในกฎหมายเพียงใด
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้