คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญาเช่าซื้อ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 486 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานนอกสัญญาเช่าซื้อเพื่อพิสูจน์ข้อตกลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้าที่ติดตั้งอุปกรณ์เสริมไม่ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
แม้ในสัญญาเช่าซื้อเครื่องปรับอากาศมิได้ระบุว่าผู้ขายมีหน้าที่ต้องติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้แก่ผู้ซื้อด้วย การที่ผู้ซื้อจะนำสืบพยานบุคคลและพยานหลักฐานอื่นอธิบายให้เห็นว่าข้อตกลงในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ตามสัญญาเช่าซื้อได้รวมถึงการที่ผู้ขายจะต้องทำการติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้ด้วย หาใช่เป็นการนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมจากสัญญาเช่าซื้ออันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงนอกสัญญาเช่าซื้อ: ศาลอนุญาตให้จำเลยนำสืบพยานได้หากพิสูจน์ได้ว่าข้อตกลงครอบคลุมการติดตั้งพัดลมดูดอากาศ
แม้ในสัญญาเช่าซื้อเครื่องปรับอากาศมิได้ระบุว่าผู้ขายมีหน้าที่ต้องติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้แก่ผู้ซื้อด้วย การที่ผู้ซื้อจะนำสืบพยานบุคคลและพยานหลักฐานอื่นอธิบายให้เห็นว่าข้อตกลงในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศตามสัญญาเช่าซื้อได้รวมถึงการที่ผู้ขายจะต้องทำการติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้ด้วย หาใช่เป็นการนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมจากสัญญาเช่าซื้ออันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ: ผู้ให้เช่าซื้อมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ทันทีเมื่อรับชำระค่าที่ดินครบถ้วน หากผิดนัดมีสิทธิปรับ
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า เมื่อผู้เช่าซื้อชำระราคาที่ดินครบถ้วนแล้วผู้ให้เช่าซื้อจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้เช่าซื้อทันที หากบิดพลิ้วให้ปรับเป็นสองเท่า ดังนี้ เมื่อโจทก์ชำระค่าที่ดินครบถ้วนแล้วจำเลยไม่อาจโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ทันทีได้ จึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกเบี้ยปรับได้ ข้ออ้างที่ว่าทางราชการแบ่งแยกที่ดินไม่เสร็จจึงไม่สามารถโอนให้โจทก์ได้นั้น เมื่อได้ความว่าจำเลยขอแบ่งแยกที่ดินหลังจากโจทก์ชำระราคาครบถ้วนแล้ว เช่นนี้ ไม่เป็นเหตุที่จำเลยจะยกขึ้นอ้างให้ตนพ้นความรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1576/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง สัญญาเช่าซื้อระงับเมื่อรถหาย, ผู้เช่าซื้อต้องชดใช้ราคาตามสัญญา
แม้ความประสงค์เดิมของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต้องการกู้เงินโดยนำรถยนต์ไปเป็นประกัน แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยินยอมทำนิติกรรมตามความประสงค์ของโจทก์ คือจำเลยที่ 2 โอนขายรถยนต์ให้โจทก์ และจำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากโจทก์ เพื่อจำเลยที่ 2 จะได้เงินตามที่ต้องการ อันเป็นวิธีการทางการค้าของโจทก์ก็แสดงว่าจำเลยทั้งสองเปลี่ยนเจตนาเดิมมายินยอมผูกพันตน ตามสัญญาเช่าซื้อโดยสมัครใจสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 จึงมิใช่นิติกรรมอำพราง
สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาเช่าทรัพย์ประเภทหนึ่ง จึงนำบทบัญญัติลักษณะเช่ามาใช้บังคับด้วยเมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหาย สัญญาเช่าซื้อย่อมระงับลงตั้งแต่วันที่รถยนต์สูญหายไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567 จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ชำระค่าเช่าซื้อเฉพาะงวดที่รถยนต์ยังไม่สูญหาย และไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายที่โจทก์อาจนำรถยนต์คันนี้ไปแสวงหาประโยชน์ได้อีก แต่เมื่อสัญญาเช่าซื้อระบุว่าหากเกิดการเสียหายขึ้นแก่รถยนต์ไม่ว่าด้วยประการใดๆ ผู้เช่าซื้อยินยอมชดใช้ค่าหรือราคารถยนต์ให้เจ้าของ จำเลยที่ 1จึงต้องรับผิดชดใช้ราคารถยนต์แก่โจทก์
ส่วนราคารถยนต์นั้นสมควรกำหนดตามราคาที่จำเลยที่ 1 จะต้องชดใช้โดยให้หักค่าเช่าซื้อที่ได้ชำระไปแล้วออก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1576/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพรางสัญญาเช่าซื้อ, สัญญาเช่าซื้อระงับเมื่อรถยนต์สูญหาย, ความรับผิดชดใช้ราคารถยนต์
แม้ความประสงค์เดิมของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต้องการกู้เงินโดยนำรถยนต์ไปเป็นประกันแต่เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2ยินยอมทำนิติกรรมตามความประสงค์ของโจทก์ คือจำเลยที่ 2โอนขายรถยนต์ให้โจทก์ และจำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากโจทก์ เพื่อจำเลยที่ 2 จะได้เงินตามที่ต้องการอันเป็นวิธีการทางการค้าของโจทก์ก็แสดงว่าจำเลยทั้งสองเปลี่ยนเจตนาเดิมมายินยอมผูกพันตนตามสัญญาเช่าซื้อโดยสมัครใจสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1จึงมิใช่นิติกรรมอำพราง
สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาเช่าทรัพย์ประเภทหนึ่ง จึงนำบทบัญญัติลักษณะเช่ามาใช้บังคับด้วยเมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อสูญหาย สัญญาเช่าซื้อย่อมระงับลงตั้งแต่วันที่รถยนต์สูญหายไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567 จำเลยที่ 1จึงมีหน้าที่ชำระค่าเช่าซื้อเฉพาะงวดที่รถยนต์ยังไม่สูญหายและไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายที่โจทก์อาจนำรถยนต์คันนี้ไปแสวงหาประโยชน์ได้อีก แต่เมื่อสัญญาเช่าซื้อระบุว่าหากเกิดการเสียหายขึ้นแก่รถยนต์ไม่ว่าด้วยประการใดๆ ผู้เช่าซื้อยินยอมชดใช้ค่าหรือราคารถยนต์ให้เจ้าของ จำเลยที่ 1จึงต้องรับผิดชดใช้ราคารถยนต์แก่โจทก์ ส่วนราคารถยนต์นั้นสมควรกำหนดตามราคาที่จำเลยที่ 1 จะต้องชดใช้โดยให้หักค่าเช่าซื้อที่ได้ชำระไปแล้วออก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรมตำรวจมีหน้าที่รับผิดตามสัญญาเช่าซื้อที่ดินที่กองสวัสดิการในสังกัดทำแทน แม้จะอ้างว่าเกินอำนาจ
กองสวัสดิการ กรมตำรวจ ด้วยการรู้เห็นยินยอมของกรมตำรวจเคยจัดสรรที่ดินให้ประชาชนโดยทั่วๆ ไปเช่าซื้อ เมื่อ ผู้เช่าซื้อชำระราคาครบถ้วนแล้วก็ทำการโอนกรรมสิทธิ์ให้ สำหรับที่ดินรายพิพาทนี้ ก่อนที่จะนำออกจัดสรรได้ประกาศโฆษณาให้ประชาชนได้ทราบโดยเปิดเผย โจทก์เชื่อ โดยสุจริตว่ากองสวัสดิการมีอำนาจหน้าที่ในการจัดสรรที่ดิน ให้เช่าซื้อได้ จึงได้ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินพิพาทกับ กองสวัสดิการ และได้ชำระเงินโดยครบถ้วน แต่ทาง กองสวัสดิการไม่สามารถโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์ได้เพราะ เจ้าหน้าที่ทุจริต กรมตำรวจจึงได้มีคำสั่งให้รีบดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์และผู้เช่าซื้อที่ชำระราคาที่ดินครบถ้วน ดังนี้ต่อมากรมตำรวจจะปฏิเสธความรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อโดยอ้างว่าไม่รู้และยินยอมให้กองสวัสดิการเชิดตัวเองออกแทนกรมตำรวจในการทำสัญญาเช่าซื้อหาได้ไม่
กรมตำรวจรู้และยินยอมให้กองสวัสดิการซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์แทน และได้รับ ผลประโยชน์ตอบแทนด้วย ดังนี้จะปฏิเสธความรับผิดชดใช้ ค่าเสียหายแก่โจทก์เพราะเหตุกองสวัสดิการผิดสัญญา โดยอ้าง ว่าเป็นเรื่องนอกวัตถุประสงค์และนอกเหนืออำนาจหน้าที่ ของกรมตำรวจหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3456/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเลิกสัญญาสัญญาเช่าซื้อ: การรับชำระหนี้ต่อเนื่องแม้ผิดนัด ถือเป็นการระงับข้อผูกพันเดิม
การที่ผู้ให้เช่าซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อเมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญา แต่ยังคงรับชำระหนี้ค่าเช่าซื้อต่อมา ถือได้ว่าผู้ให้เช่าซื้อและผู้เช่าซื้อต่างมีเจตนามุ่งหมายระงับข้อผูกพันเดิม โดยไม่ถือว่าการไม่ชำระหนี้ตามกำหนดในสัญญาเป็นการผิดสัญญา ฉะนั้นการที่ผู้เช่าซื้อไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดกัน จึงถือไม่ได้ว่าผู้เช่าซื้อผิดสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้แทนและการนำสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์การชำระหนี้ในสัญญาเช่าซื้อ
การชำระเงินตามสัญญาเช่าซื้อไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดง โจทก์มีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของตนได้ว่า ความจริงโจทก์เป็นผู้ชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ แทนจำเลย แต่ใบเสร็จรับเงินลงชื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อตามระเบียบ ของห้างผู้ให้เช่าซื้อ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้แทนและการนำสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์การชำระหนี้ในสัญญาเช่าซื้อ
การชำระเงินตามสัญญาเช่าซื้อไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดง โจทก์มีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของตนได้ว่า ความจริงโจทก์เป็นผู้ชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อแทนจำเลย แต่ใบเสร็จรับเงินลงชื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อตามระเบียบ ของห้างผู้ให้เช่าซื้อ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามทุนทรัพย์ และการใช้สัญญาเช่าซื้อเป็นพยานหลักฐานที่ไม่ถูกต้อง
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์อันดับ 1 ซึ่งมีราคา 30,000 บาทเป็นของผู้ร้องที่ 1 และอันดับที่ 2 ถึงที่ 9 รวมราคา 28,680 บาท เป็นของผู้ร้องที่ 2 แม้ผู้ร้องจะตีราคารวมกันมาในคำร้องเป็นจำนวนเงิน 58,680 บาท ก็ถือว่าคดีสำหรับผู้ร้องที่ 1 เป็นคดีมีทุนทรัพย์เพียง 30,000 บาท คดีสำหรับผู้ร้องที่ 2 มีทุนทรัพย์เพียง 28,680 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้ผู้ร้องทั้งสองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
เอกสารสัญญาเช่าซื้อแม้ผู้ร้องจะมิได้อ้างเป็นพยานหลักฐานเพื่อบังคับการตามสัญญาเช่าซื้อหากแต่อ้างมาประกอบพยานบุคคลว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดมาเพื่อการบังคับคดีเป็นของผู้ร้องโดยเช่าซื้อมานั้นก็จะต้องพิจารณาวินิจฉัยว่าผู้ร้องได้เช่าซื้อทรัพย์ดังกล่าวมาจริงหรือไม่ ซึ่งต้องพิเคราะห์จากสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ร้องอ้างมา สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวจึงเป็นพยานหลักฐานโดยตรงในคดี เมื่อไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย จึงใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
of 49