คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,449 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7277/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเรียกเงินค่าหนี้: การยอมรับหนี้บางส่วน และประเด็นการไม่ฟ้องซ้ำ
คดีเดิมโจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยทั้งหมด 150,000 บาทตามบันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารท้ายฟ้อง อ้างว่าจำเลยผิดนัดไม่ได้ชำระเงินตามที่ตกลงผ่อนชำระเลย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยผ่อนชำระหนี้ตั้งแต่งวดแรกบางส่วนแล้ว ถือว่าจำเลยไม่ได้ผิดนัด แต่คดีนี้โจทก์ยอมรับว่าได้รับเงินจากจำเลยบางส่วนแล้วเป็นเงิน 38,000 บาท ตามที่จำเลยให้การไว้ในคดีเดิมพ้นกำหนดเวลา 60 เดือน แล้ว จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ที่เหลืออีก 112,000 บาทจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยยังไม่ผิดนัด กลับต่อสู้ว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดตามบันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารท้ายฟ้องเพราะเหตุอื่น จึงไม่มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกับคดีเดิม ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 148ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์หนี้จากพยานบุคคลและเอกสารประกอบ การรับรองความถูกต้องของบัญชีหนี้โดยผู้เขียน
ภ. เป็นบุตรของโจทก์พักอยู่บ้านเดียวกับโจทก์มีอาชีพค้าขายน่าจะทราบเกี่ยวกับกิจการค้าขายของโจทก์เป็นอย่างดีคำเบิกความของ ภ. เกี่ยวกับกิจการค้าขายของโจทก์จึงเป็นประจักษ์พยานไม่ใช่พยานบอกเล่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องต้องระบุองค์ประกอบความผิดครบถ้วน การออกเช็คชำระหนี้ต้องมีหนี้จริงและบังคับได้
องค์ประกอบของความผิดทุกข้อที่กฎหมายบัญญัติไว้สำหรับความผิดแต่ละฐานเป็นสาระสำคัญที่โจทก์ต้องบรรยายในคำฟ้อง จึงจะขอให้ลงโทษจำเลยได้ คำฟ้องที่ขาดองค์ประกอบของความผิดเป็นคำฟ้องที่มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5)
ปัญหาว่าคำฟ้องได้บรรยายครบองค์ประกอบของความผิดหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นมาต่อสู้ในศาลชั้นต้น จำเลยก็มีสิทธิที่จะยกขึ้นมาว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ได้
การออกเช็คเพื่อชำระหนี้อันจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 จะต้องเป็นการชำระหนี้ที่มีอยู่แล้วในขณะออกเช็ค และหนี้นั้นจะต้องเป็นหนี้ที่บังคับกันได้ตามกฎหมาย โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ โดยมิได้บรรยายให้เห็นว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงหรือไม่ หากเป็นหนี้ที่มิได้มีอยู่จริงขณะออกเช็คหรือเป็นหนี้ที่ไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย การออกเช็คเพื่อชำระหนี้เช่นนั้นก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7103/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันหนี้ตามเช็ค: รายงานประจำวันเป็นหลักฐานแสดงเจตนาค้ำประกัน
ข้อความในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีระบุถึงการที่โจทก์ประสงค์จะขอถอนคำร้องทุกข์คดีอาญา เนื่องจากไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 อีกต่อไป เพราะตกลงกันได้โดยจำเลยที่ 1 ได้ออกเช็คพิพาท 3 ฉบับ สั่งจ่ายเงินรวม 410,000 บาท เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ และมีจำเลยที่ 2 ยืนยันว่าหากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสามฉบับ จำเลยที่ 2 ยินยอมรับชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งให้แก่โจทก์นั้น ย่อมแสดงให้เข้าใจได้ชัดเจนว่าถ้าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยที่ 2 จะยอมชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์นั่นเอง ทั้งจำเลยที่ 2 ก็ลงลายมือชื่อท้ายเอกสารดังกล่าวในช่องที่ระบุว่าผู้ค้ำประกัน รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานเป็นหนังสือที่จำเลยที่ 2 ยอมตนเข้าค้ำประกันการชำระเงินตามเช็คที่จำเลยที่ 1 ออกให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7029/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมเงินจากใบรับเงินและการมีหนี้โดยปริยาย
ใบรับเงินพิมพ์เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษทั้งหมด มีชื่อบริษัทโจทก์ที่หัวกระดาษ ถัดลงมาเป็นช่องจ่ายให้แก่ใคร ซึ่งได้กรอกชื่อจำเลย ถัดลงมาเป็นช่องCREDIT A/C CODE ... DATE 4-12-92 ถัดลงมาเป็นช่องกรอกรายการและจำนวนเงิน มีกรอกรายการเป็นอักษรภาษาไทยว่า "ได้รับเงินแล้วจำนวน" และกรอกจำนวนเงินเป็นตัวอักษรและตัวเลขว่า "สามแสนบาทถ้วน" และ "300,000"มุมล่างด้านขวามือมีช่องสำหรับลงชื่อผู้รับเงิน มีลายเซ็นผู้รับเงินปรากฏอยู่ในช่องดังกล่าว ซึ่งคำฟ้องระบุว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อรับเงิน จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธในข้อนี้ ข้อความในเอกสารดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานว่า จำเลยได้รับเงินไปจากโจทก์จำนวน 300,000 บาท โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินจำนวนนี้ไปจากโจทก์จำเลยให้การแต่เพียงว่าจำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ โดยไม่ปรากฏข้อต่อสู้ว่าเหตุใดจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินดังกล่าวคืนโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยมีหนี้ที่จะต้องชำระเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้โจทก์ จึงถือได้ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7029/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารรับเงินพร้อมลายมือชื่อ ถือเป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ หากจำเลยไม่โต้แย้งการรับเงินและไม่มีเหตุไม่ต้องรับผิด
ใบรับเงินพิมพ์เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษทั้งหมดมีชื่อบริษัทโจทก์ที่หัวกระดาษถัดลงมาเป็นช่องจ่ายให้แก่ใครซึ่งได้กรอกชื่อจำเลยถัดลงมาเป็นช่องCREDITA/CCODEDATE4-12-92ถัดลงมาเป็นช่องกรอกรายการและจำนวนเงินมีกรอกรายการเป็นอักษรภาษาไทยว่า"ได้รับเงินแล้วจำนวน"และกรอกจำนวนเงินเป็นตัวอักษรและตัวเลขว่า"สามแสนบาทถ้วน"และ"300,000"มุมล่างด้านขวามือมีช่องสำหรับลงชื่อผู้รับเงินมีลายเซ็นผู้รับเงินปรากฎอยู่ในช่องดังกล่าวซึ่งคำฟ้องระบุว่าจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อรับเงินจำเลยมิได้ให้การปฏิเสธในข้อนี้ข้อความในเอกสารดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานว่าจำเลยได้รับเงินไปจากโจทก์จำนวน300,000บาทโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินจำนวนนี้ไปจากโจทก์จำเลยให้การแต่เพียงว่าจำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์โดยไม่ปรากฎข้อต่อสู้ว่าเหตุใดจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระเงินดังกล่าวคืนโจทก์ถือได้ว่าจำเลยมีหนี้ที่จะต้องชำระเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้โจทก์จึงถือได้ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6842/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดเช็ค: เพียงระบุหนี้ค่าซื้อขายก็พอ ไม่จำเป็นต้องอ้างอิงถ้อยคำตามกฎหมาย
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าอิฐแดง ย่อมพอฟังข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ค่าซื้ออิฐแดงแก่โจทก์นั่นเอง อันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายอยู่ในตัว เข้าองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 แล้ว โจทก์หาจำต้องบรรยายฟ้องให้ปรากฏข้อความว่า "จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย" อันเป็นถ้อยคำตามตัวบทกฎหมายดังที่จำเลยยกขึ้นอ้างในฎีกาไม่ และปัญหาตามที่จำเลยยกขึ้นฎีกานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จำเลยก็ยกขึ้นฎีกาในชั้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6842/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ องค์ประกอบความผิดเช็ค – การบรรยายฟ้องหนี้ค่าซื้อขาย – ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลล่าง
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าอิฐแดงย่อมพอฟังข้อเท็จจริงได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ค่าซื้ออิฐแดงแก่โจทก์นั่นเองอันเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายอยู่ในตัวเข้าองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534มาตรา4แล้วโจทก์หาจำต้องบรรยายฟ้องให้ปรากฏข้อความว่า"จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย"อันเป็นถ้อยคำตามตัวบทกฎหมายดังที่จำเลยยกขึ้นอ้างในฎีกาไม่และปัญหาตามที่จำเลยยกขึ้นฎีกานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จำเลยก็ยกขึ้นฎีกาในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบด้วยมาตรา225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6638/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้ตามคำพิพากษา
จำเลยที่ 2 ทราบว่าจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์มาก่อนที่โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีแพ่งต่อศาลชั้นต้น ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินของตนพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่จำเลยที่ 2 นั้น จำเลยที่ 2 ย่อมทราบแล้วว่าจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ และปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มีที่ดินเพียงแปลงเดียวดังกล่าวจำเลยที่ 1 จึงไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาได้ การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนขายที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 237
ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2เพราะขณะยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 อยู่ต่างประเทศนั้น เป็นเรื่องเฉพาะตัวจำเลยที่ 2โดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้มาต่อสู้คดีนี้ ศาลจึงไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6605/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาบังคับคดีและการฟ้องล้มละลาย: เมื่อโจทก์ไม่ดำเนินการบังคับคดีภายใน 10 ปี ย่อมหมดสิทธิฟ้องล้มละลาย
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 แม้ว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีและยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้บางส่วนแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงขั้นตอนของการดำเนินการบังคับคดี เมื่อทรัพย์ดังกล่าวไม่พอชำระหนี้และหนี้ที่เหลืออยู่โจทก์ก็มิได้ดำเนินการบังคับคดีเสียภายใน 10 ปี นับแต่ศาลมีคำพิพากษา โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 แล้ว จึงไม่อาจนำหนี้ที่พ้นกำหนดเวลาบังคับคดีดังกล่าวมาฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ล้มละลายได้
of 145