พบผลลัพธ์ทั้งหมด 431 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416-1417/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งกระบือจำนำคืน ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ หากไม่มีเจตนาทุจริต
จำเลยได้จำนำกระบือไว้กับผู้เสียหาย จำเลยได้นำเงินไปขอไถ่กระบือคืนผู้เสียหายไม่ยอมให้ไถ่ จำเลยได้เอาเงินค่าไถ่กระบือวางไว้ให้ แล้วจำเลยต้อนกระบือของจำเลยที่จำนำไว้นั้นไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่มีผิดฐานลักทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงในข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงในข้อหาฐานทำร้ายร่างกาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริต-การปลอมหนังสือ: ปัญหาข้อเท็จจริง-ไม่มีความผิด
การกระทำของจำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกับศาลชั้นต้น แต่แก้กำหนดโทษจาก 2 ปีเหลือ 1 ปี ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่าจำเลยไม่มีความผิดโจทก์จะฎีกาในข้อนี้ไม่ได้
คนขายสุราของบริษัทเอาน้ำสุราไปขายที่อื่นแล้ว ทำบิลว่านำสุราส่งไปขายให้แก่ร้านค้าปลีกของบริษัท ถือว่าเป็นการทำหนังสือเท็จ ไม่เป็นความผิด ฐานปลอมหนังสือ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกับศาลชั้นต้น แต่แก้กำหนดโทษจาก 2 ปีเหลือ 1 ปี ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่าจำเลยไม่มีความผิดโจทก์จะฎีกาในข้อนี้ไม่ได้
คนขายสุราของบริษัทเอาน้ำสุราไปขายที่อื่นแล้ว ทำบิลว่านำสุราส่งไปขายให้แก่ร้านค้าปลีกของบริษัท ถือว่าเป็นการทำหนังสือเท็จ ไม่เป็นความผิด ฐานปลอมหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เทศมนตรีลักทรัพย์ของเทศบาล แม้คืนเงินก็ยังเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
เทศมนตรีไปที่โรงเก็บของของเทศบาล บอกแก่ผู้เก็บรักษาว่าจะเอาไปซ่อม แล้วเอาของนั้นไปโดนเจตนาทุจจริตนั้น เป็นผิดฐานลักทรัพย์
เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปขายโดยเจตนาทุจจริต แม้จะเอาเงินมา+ให้เจ้าของบ้าง ก็คงเป็นผิดฐานลักทรัพย์
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเทศมนตรีเอาทรัพย์ของเทศบาลไปขายโดยเจตนาทุจจริต อันเป็นผิดตามมาตรา 132 นั้น ถ้ามิได้ระบุว่าจำเลยมีหน้าที่เกี่ยวกับของนั้นอย่างไรแล้ว จะลงโทษตาม ม.132ไม่ได้
ในการกระทำอันเดียวกัน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และฐานเจ้าพนักงานทุจจริตต่อหน้าที่ ศาลชั้นต้นยกข้อหาฐานลักทรัพย์ แต่ให้ลงโทษฐานทุจจริตต่อหน้าที่ จำเลยอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียว เมื่อศาลสูงเห็นว่าการกระทำนั้น ไม่เป็นผิดฐานทุจจริตต่อหน้าที่ แต่เป็นผิดฐานลักทรัพย์ ดังนี้ย่อมลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้
เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปขายโดยเจตนาทุจจริต แม้จะเอาเงินมา+ให้เจ้าของบ้าง ก็คงเป็นผิดฐานลักทรัพย์
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเทศมนตรีเอาทรัพย์ของเทศบาลไปขายโดยเจตนาทุจจริต อันเป็นผิดตามมาตรา 132 นั้น ถ้ามิได้ระบุว่าจำเลยมีหน้าที่เกี่ยวกับของนั้นอย่างไรแล้ว จะลงโทษตาม ม.132ไม่ได้
ในการกระทำอันเดียวกัน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และฐานเจ้าพนักงานทุจจริตต่อหน้าที่ ศาลชั้นต้นยกข้อหาฐานลักทรัพย์ แต่ให้ลงโทษฐานทุจจริตต่อหน้าที่ จำเลยอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียว เมื่อศาลสูงเห็นว่าการกระทำนั้น ไม่เป็นผิดฐานทุจจริตต่อหน้าที่ แต่เป็นผิดฐานลักทรัพย์ ดังนี้ย่อมลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เทศมนตรีลักทรัพย์ของเทศบาล แม้คืนเงินก็ยังผิดฐานลักทรัพย์ ศาลพิพากษาแก้โทษจากทุจริตเป็นลักทรัพย์
เทศมนตรีไปที่โรงเก็บของของเทศบาลบอกแก่ผู้เก็บรักษาว่าจะเอาไปซ่อม แล้วเอาของนั้นไปโดยเจตนาทุจริตนั้นเป็นผิดฐานลักทรัพย์
เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปขายโดยเจตนาทุจริต แม้จะเอาเงินมาคืนให้เจ้าของบ้าง ก็คงเป็นผิดฐานลักทรัพย์
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเทศมนตรีเอาทรัพย์ของเทศบาลไปขายโดยเจตนาทุจริตอันเป็นผิดตามมาตรา 132 นั้น ถ้ามิได้ระบุว่าจำเลยมีหน้าที่เกี่ยวกับของนั้นอย่างไรแล้ว จะลงโทษตาม มาตรา132 ไม่ได้
ในการกระทำอันเดียวกัน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ศาลชั้นต้นยกข้อหาฐานลักทรัพย์แต่ให้ลงโทษฐานทุจริตต่อหน้าที่จำเลยอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียวเมื่อศาลสูงเห็นว่าการกระทำนั้นไม่เป็นผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ แต่เป็นผิดฐานลักทรัพย์ดังนี้ ก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้
เอาทรัพย์ของผู้อื่นไปขายโดยเจตนาทุจริต แม้จะเอาเงินมาคืนให้เจ้าของบ้าง ก็คงเป็นผิดฐานลักทรัพย์
ฟ้องว่าจำเลยเป็นเทศมนตรีเอาทรัพย์ของเทศบาลไปขายโดยเจตนาทุจริตอันเป็นผิดตามมาตรา 132 นั้น ถ้ามิได้ระบุว่าจำเลยมีหน้าที่เกี่ยวกับของนั้นอย่างไรแล้ว จะลงโทษตาม มาตรา132 ไม่ได้
ในการกระทำอันเดียวกัน โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์และฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ศาลชั้นต้นยกข้อหาฐานลักทรัพย์แต่ให้ลงโทษฐานทุจริตต่อหน้าที่จำเลยอุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาฝ่ายเดียวเมื่อศาลสูงเห็นว่าการกระทำนั้นไม่เป็นผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ แต่เป็นผิดฐานลักทรัพย์ดังนี้ ก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องลักทรัพย์: การระบุเจตนาทุจริตโดยปริยายจากคำว่า 'ลักทรัพย์'
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจลักทรัพย์ไป การลักทรัพย์ย่อมมีความหมายว่า บังอาจเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยการทุจจริตอยู่ในตัวแล้ว ดังนี้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตหรือโดยการทุจจริต
การอุทธรณ์ฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์นั้น แม้มิได้ยกขึ้นโต้เถียงในศาลชั้นต้น ก็ยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาได้
การอุทธรณ์ฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์นั้น แม้มิได้ยกขึ้นโต้เถียงในศาลชั้นต้น ก็ยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความหมายของการลักทรัพย์และการระบุเจตนาทุจริตในฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจลักทรัพย์ไป การลักทรัพย์ย่อมมีความหมายว่า บังอาจเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยการทุจริตอยู่ในตัวแล้ว ดังนี้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหรือโดยการทุจริต
การอุทธรณ์ฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์นั้น แม้มิได้ยกขึ้นโต้เถียงในศาลชั้นต้น ก็ยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาได้
การอุทธรณ์ฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์นั้น แม้มิได้ยกขึ้นโต้เถียงในศาลชั้นต้น ก็ยกขึ้นอุทธรณ์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดจำนวนฝิ่นเกินจริงและการแก้ไขบัญชี การพิสูจน์เจตนาทุจริตเป็นสาระสำคัญ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จดจำนวนฝิ่นที่ร้านค้าต้องการซื้อจากรัฐบาล ลงในแบบ ฝ.1/23 โจทก์หาว่าจำเลยจดจำนวนฝิ่นเป็นความเท็จลงในแบบ ฝ.1/23 เกินจากจำนวนที่ร้านค้าประสงค์จะซื้อแต่โจทก์ไม่ได้นำสืบถึงจำนวนฝิ่นที่ร้านค้าประสงค์จะซื้อ จึงลงโทษจำเลยฐานนี้ไม่ได้
การที่จำเลยเขียนตัวเลขในบัญชีแบบ ฝ.1/2 ซึ่งจำเลยมีหน้าที่เป็นผู้ลงบัญชี โจทก์หาว่าจำเลยปลอมโดยแก้ไขข้อความ 2 แห่งคือขีดฆ่าเลข 8 เขียนทับเป็นเลข 16 แห่งหนึ่ง และอีกแห่งหนึ่งขีดฆ่าเลข 7 ออก เขียนเลข 15 ลงไปแทน การกระทำทั้งนี้ อาจเป็นความผิดฐานปลอมหนังสือก็ได้ ถ้าการขีดฆ่าแก้ไขอยู่ในอำนาจของจำเลยที่จะกระทำลงไป และการกระทำลงไปโดยเจตนาปลอมให้ผู้อื่นหลงว่าเป็นของแท้ ถ้าการขีดฆ่าแก้ไขอยู่ในอำนาจของจำเลยที่จะกระทำลงไป จำเลยไม่เจตนาปลอม แล้ว การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นการปลอมหนังสือ การนำสืบไม่ปรากฏว่า การขีดฆ่าไม่อยู่ในอำนาจของจำเลย กลับปรากฏว่า การขีดฆ่าทำหยาบๆ ไม่เจตนาพลางใคร การกระทำของจำเลย จึงไม่มีผิดฐานปลอมหนังสือ
การที่จำเลยเขียนตัวเลขในบัญชีแบบ ฝ.1/2 ซึ่งจำเลยมีหน้าที่เป็นผู้ลงบัญชี โจทก์หาว่าจำเลยปลอมโดยแก้ไขข้อความ 2 แห่งคือขีดฆ่าเลข 8 เขียนทับเป็นเลข 16 แห่งหนึ่ง และอีกแห่งหนึ่งขีดฆ่าเลข 7 ออก เขียนเลข 15 ลงไปแทน การกระทำทั้งนี้ อาจเป็นความผิดฐานปลอมหนังสือก็ได้ ถ้าการขีดฆ่าแก้ไขอยู่ในอำนาจของจำเลยที่จะกระทำลงไป และการกระทำลงไปโดยเจตนาปลอมให้ผู้อื่นหลงว่าเป็นของแท้ ถ้าการขีดฆ่าแก้ไขอยู่ในอำนาจของจำเลยที่จะกระทำลงไป จำเลยไม่เจตนาปลอม แล้ว การกระทำเช่นนั้นไม่เป็นการปลอมหนังสือ การนำสืบไม่ปรากฏว่า การขีดฆ่าไม่อยู่ในอำนาจของจำเลย กลับปรากฏว่า การขีดฆ่าทำหยาบๆ ไม่เจตนาพลางใคร การกระทำของจำเลย จึงไม่มีผิดฐานปลอมหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกหุ้นส่วน-แบ่งทรัพย์สิน: เจตนาทุจริตเบียดบังทรัพย์สินอาจเข้าข่ายยักยอก
ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงเลิกหุ้นส่วนแบ่งทุนและกำไรกัน ทรัพย์สินที่ใช้ในกิจการของหุ้นส่วนก็เอามาตีราคาแบ่งกันแล้ว แม้ผู้เป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งจะยังคงครอบครองทรัพย์สินนั้นไว้ต่อไปอีก ถ้าหากมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาทรัพย์นั้น ก็อาจมีความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการลักทรัพย์: การเก็บทรัพย์สินที่หล่นหายโดยไม่มีเจตนาเอาไปเป็นของตนเอง ไม่ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยเก็บปืนที่ตกไว้ เมื่อเจ้าของตาม ก็รับว่าได้เก็บไว้แล้วเช่นนี้ ถ้าไม่มีเจตนาทุจจริตในการเอาทรัพย์นั้นไป ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
เพียงแต่การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยไม่มีใครอนุญาตนั้นจะถือว่าเป็นการทุจจริตยังไม่ได้.
เพียงแต่การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยไม่มีใครอนุญาตนั้นจะถือว่าเป็นการทุจจริตยังไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเก็บทรัพย์ที่ตกหล่นโดยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยเก็บปืนที่ตกไว้ เมื่อเจ้าของตามก็รับว่าได้เก็บไว้แล้วเช่นนี้ถ้าไม่มีเจตนาทุจริตในการเอาทรัพย์นั้นไป ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
เพียงแต่การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยไม่มีใครอนุญาตนั้นจะถือว่าเป็นการทุจริตยังไม่ได้
เพียงแต่การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยไม่มีใครอนุญาตนั้นจะถือว่าเป็นการทุจริตยังไม่ได้