พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจกรรมการถอนฟ้องคดี: แม้ผู้ถือหุ้นมีมติปลด แต่หากยังไม่ได้จดทะเบียน ถือว่ายังเป็นกรรมการและมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้
บริษัทโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ส่งรถคืน ต่อมาที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นมีมติให้ พ.กับท. พ้นจากตำแหน่งกรรมการของโจทก์ หลังจากนั้น พ.กับท. อ้างว่าเป็นกรรมการร่วมกันลงชื่อ และประทับตราสำคัญของโจทก์ ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีนี้ศาลอนุญาต ดังนี้ เมื่อหนังสือรับรองของโจทก์ท้ายฟ้องปรากฏมีชื่อพ.กับท. เป็นกรรมการของโจทก์ โดยไม่มีการจดทะเบียนถอนชื่อ พ.กับท. ออกจากการเป็นกรรมการ จึงต้องถือว่าพ.กับท. ยังไม่ได้พ้นจากการเป็นกรรมการของโจทก์ ทั้งข้อบังคับของโจทก์ก็มิได้มีข้อห้ามหรือข้อจำกัดอำนาจกรรมการในเรื่องนี้ ถือว่า พ.กับท. ได้ขอถอนฟ้องแทนโจทก์แล้วโจทก์จะกลับมาขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอนุญาตหาได้ไม่ แม้จำเลยจะเป็นบุตรของ พ.และเป็นน้องภรรยาของท. ก็ตามแต่การที่ พ.กับท. ขอถอนฟ้องในนามของโจทก์จะถือว่าประโยชน์ทางได้ทางเสียของโจทก์กับของ พ.กับท. เป็นปฏิปักษ์แก่กันตาม ป.พ.พ. มาตรา 80 หาได้ไม่เพราะการขอถอนฟ้องจะเป็นผลดีและผลเสียต่อโจทก์ ผลนั้นย่อมตกแก่ พ.กับท. ในฐานะกรรมการของโจทก์ด้วยในลักษณะอย่างเดียวกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจกรรมการถอนฟ้องคดี: แม้พ้นจากตำแหน่ง แต่ยังเป็นกรรมการตามหนังสือรับรอง ย่อมมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ได้
บริษัทโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ส่งรถคืน ต่อมาที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นมีมติให้ พ.กับท. พ้นจากตำแหน่งกรรมการของโจทก์หลังจากนั้น พ.กับท. อ้างว่าเป็นกรรมการร่วมกันลงชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลอนุญาต ดังนี้เมื่อหนังสือรับรองของโจทก์มีชื่อ พ.กับท. เป็นกรรมการโดยไม่มีการจดทะเบียนถอนชื่อ ออกจากการเป็นกรรมการ ต้องถือว่า พ.กับท. ไม่ได้พ้นจากการเป็นกรรมการจึงถือได้ว่าพ.กับท. ได้ขอถอนฟ้องแทนโจทก์แล้วโจทก์จะกลับมาขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอนุญาตหาได้ไม่ จำเลยเป็นบุตรของ พ.และเป็นน้องภรรยาของท. แต่การที่พ.กับท. ขอถอนฟ้องในนามของโจทก์จะถือว่าประโยชน์ทางได้ทางเสียของโจทก์กับของ พ.กับท. เป็นปฏิปักษ์แก่กันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 80 ไม่ได้ เพราะการขอถอนฟ้องจะเป็นผลดีและผลเสียต่อโจทก์ ผลนั้นย่อมตกแก่ พ.กับท.ในฐานะกรรมการของโจทก์ด้วยในลักษณะอย่างเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนคดีและงดสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์ต้องโต้แย้งทันทีจึงมีสิทธิอุทธรณ์
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและงดสืบพยานโจทก์จำเลย และอยู่ในระหว่างนัดฟังคำพิพากษา เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งก่อนศาลนั้นได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 และมิใช่คำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามมาตรา 24 และมาตรา 227 เพราะที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ประเด็นข้อพิพาทมีว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ภาระการ พิสูจน์ตกโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ฟังได้ตามคำฟ้อง โจทก์จึงต้องแพ้คดีนั้นเป็นการวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ ตามฟ้อง มิได้วินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายที่พิพาทกันในคดีแต่ อย่างใด ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2531 เวลา 9.45 นาฬิกาซึ่งทนายโจทก์ก็มาศาลใน วันดังกล่าว และศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาในวันที่ 2 ธันวาคม 2531 เวลา 10 นาฬิกาโจทก์ย่อมมีเวลาเพียงพอที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นได้ แต่มิได้โต้แย้ง จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 115/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญา: ผลกระทบต่อสิทธิฟ้องของโจทก์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้แทนบริษัทโจทก์ยักยอกทรัพย์ของโจทก์ ป.ผู้ถือหุ้นของโจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องคดีอาญาหรือแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ เมื่อป.ได้แจ้งความร้องทุกขฺ์แล้วต่อมาได้ถอนคำร้องทุกข์ไม่ว่า ป.จะดำเนินการในฐานะกระทำการแทนโจทก์หรือในฐานะผู้ถือหุ้นก็ตาม สิทธิที่โจทก์จะนำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ.มาตรา39 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องร่วมกันในคดีละเมิด และความชัดเจนของคำฟ้องเกี่ยวกับค่าเสียหายของโจทก์แต่ละคน
โจทก์ทั้งสี่ฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดจากมูลละเมิดที่เกิดขึ้นในคราวเดียวกัน โจทก์ทั้งสี่ย่อมมีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี จึงฟ้องคดีร่วมกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59 แม้มูลหนี้เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ในคราวเดียวกันแต่ความเสียหายที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์แต่ละคนย่อมต้องแล้วแต่ผลแห่งละเมิดที่โจทก์แต่ละคนได้รับจากมูลละเมิดนั้นในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเสียหาย โจทก์จึงมิได้เป็นเจ้าหนี้จำเลยทั้งสองร่วมกัน ดังนั้นโจทก์จึงต้องบรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่าโจทก์แต่ละคนมีสิทธิจะได้ค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองเท่าใดการที่โจทก์บรรยายฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดรวมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ถือได้ว่าเป็นการบรรยายคำขอบังคับไม่แจ้งชัดคำฟ้องของโจทก์จึงเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 935/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้สัตยาบันสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงิน แม้การซื้อขายนั้นกระทำโดยผู้ไม่มีอำนาจ
ก. ซึ่งเป็นผู้จัดการสาขาของธนาคารโจทก์กระทำนอกอำนาจรับซื้อลดตั๋วเงินจากจำเลยไว้แทนโจทก์ แต่การที่โจทก์มอบอำนาจให้ก. ฟ้องคดีแทน เพื่อบังคับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เกี่ยวกับตั๋วเงินดังกล่าว ถือว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันแก่การซื้อขายลดตั๋วเงินนั้นแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6104/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบุคคลภายนอกจากสัญญาประนีประนอม สัญญาฉบับหลังไม่ผูกพันโจทก์
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และนายอรุณทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงเลิกห้างจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้สิทธิในทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 กับต้องชำระหนี้ภาษีอากรของจำเลยที่ 1 ทั้งหมดรวมทั้งหนี้ภาษีอากรในคดีนี้ สัญญาฉบับแรกนี้จึงเป็นสัญญาเพื่อบุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 โจทก์มีสิทธิเรียกชำระหนี้ภาษีอากรจากจำเลยที่ 3 โดยตรงได้ เมื่อโจทก์ได้มีหนังสือเรียกชำระหนี้จากจำเลยที่ 3 จึงเป็นการแสดงเจตนาว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นแล้ว
สิทธิของบุคคลภายนอกจะถูกเปลี่ยนแปลงหรือระงับได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 375นั้น จะต้องกระทำโดยคู่สัญญาทุกฝ่าย แต่สัญญาฉบับหลังที่จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและนายอาภรณ์ผู้ชำระบัญชีฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 3 อีกฝ่ายหนึ่งได้ทำขึ้นเพื่อยกเลิกสัญญาฉบับแรกนั้น จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวและนายอรุณมิได้เป็นคู่สัญญาในสัญญาฉบับหลัง สัญญาฉบับหลังจึงไม่กระทบถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งได้เกิดมีขึ้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 แล้ว
สิทธิของบุคคลภายนอกจะถูกเปลี่ยนแปลงหรือระงับได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 375นั้น จะต้องกระทำโดยคู่สัญญาทุกฝ่าย แต่สัญญาฉบับหลังที่จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและนายอาภรณ์ผู้ชำระบัญชีฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 3 อีกฝ่ายหนึ่งได้ทำขึ้นเพื่อยกเลิกสัญญาฉบับแรกนั้น จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวและนายอรุณมิได้เป็นคู่สัญญาในสัญญาฉบับหลัง สัญญาฉบับหลังจึงไม่กระทบถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งได้เกิดมีขึ้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 374 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6003/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการงดสืบพยาน โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล
วันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก โจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างเหตุตัวโจทก์ป่วย ในวันนัดที่สองคู่ความขอเลื่อนอ้างว่าคดีมีทางตกลงกันได้ ศาลอนุญาตโดยมีคำสั่งกำชับว่านัดหน้าหากตกลงกันไม่ได้ให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบ และโจทก์ไม่ได้แถลงต่อศาลว่าโจทก์มีนัดอยู่ก่อนแล้วไม่อาจมาศาลในวันนัดได้ เมื่อถึงวันนัดโจทก์ขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่ามีกิจธุระซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว ทั้งไม่นำพยานปากอื่นมาสืบ แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่นำพาต่อคำสั่งศาลดังกล่าว พฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์ประวิงคดี ศาลมีอำนาจงดสืบพยานโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6003/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการงดสืบพยาน: ศาลมีอำนาจงดสืบพยานโจทก์เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและมีพฤติการณ์ประวิงคดี
วันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก โจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างเหตุตัวโจทก์ป่วย ในวันนัดที่สองคู่ความขอเลื่อนอ้างว่าคดีมีทางตกลงกันได้ศาลอนุญาตโดยมีคำสั่งกำชับว่านัดหน้าหากตกลงกันไม่ได้ให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบ และโจทก์ไม่ได้แถลงต่อศาลว่าโจทก์มีนัดอยู่ก่อนแล้วไม่อาจมาศาลในวันนัดได้ เมื่อถึงวันนัดโจทก์ ขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่ามีกิจธุระซึ่งนัดไว้ก่อนแล้ว ทั้งไม่นำ พยาน ปาก อื่นมาสืบ แสดงให้เห็นว่าโจทก์ไม่นำพาต่อคำสั่งศาล ดังกล่าว พฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์ประวิงคดี ศาลมีอำนาจงดสืบพยาน โจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5564/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่โจทก์ในการนำพยานสืบ และผลของการไม่มาศาลตามนัด
วันนัดสืบพยานโจทก์แม้จะมิใช่นัดแรก โจทก์ก็ยังคงมีหน้าที่นำพยานเข้าสืบตามกำหนดนัด หากไม่ติดใจสืบพยานอีกก็ต้องแถลงให้ศาลทราบเพื่อจะได้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป การที่ทนายโจทก์แถลงไว้ในนัดก่อนว่า หากนัดหน้าไม่สามารถติดตาม ส. มาเบิกความได้ก็ให้ถือว่าทนายโจทก์ไม่ติดใจสืบ ส. อีกก็หาได้มีความหมายถึงกรณีที่โจทก์ไม่มาศาลด้วยไม่ เมื่อโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะยกฟ้องเสียได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 166 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 181.