พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,077 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667-1668/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบพาหนะกรณีขนส่งของต้องห้าม ผู้ขับไม่รู้เห็น การริบต้องมีเจตนาใช้พาหนะนั้นขนส่งโดยตรง
พาหนะที่จะริบได้นั้นต้องปรากฏว่าได้ใช้พาหนะนั้นบรรทุกสินค้า อันต้องห้าม รถยนต์ที่ใช้บรรทุกคนโดยสารซึ่งผู้ขับใช้บรรทุกคนโดยสารโดยไม่รู้ว่ามีการบรรทุกของต้องห้ามไปด้วย จะริบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1652/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์: การขายของแทนแล้วนำเงินไปเป็นของตนเองโดยทุจริต
จำเลยได้รับมอบเข็มขัดนาคของ บ. เพื่อไปจัดการขายแทนโดยกำหนดราคาให้ขาย จำเลยเอาไปขายต่ำกว่าราคาที่กำหนดแล้วกล่าวเท็จกับ บ. ว่ายังไม่ได้ขาย ขอผัดไปอีกสุดท้ายปฏิเสธว่าได้ขายและเอาเงินให้ บ. แล้ว ดังนี้จำเลยย่อมมีผิดฐานยักยอกเข็มขัดของ บ. ตามที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1647/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาทต่อสู้ถึงตาย: ศาลลงโทษตามมาตรา 253 มิได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำร้าย ช.และส.ฝ่ายเดียวขอให้ลงโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249,256 ทางพิจารณาได้ความว่า เป็นกรณีวิวาทต่อสู้กันถึงตาย ดังนี้ จะลงโทษจำเลยตามมาตรา 253 ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 1232/2481,และฎีกาที่ 740/2482)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินก่อนตายและความเจตนาของผู้ตาย: ทรัพย์สินตกเป็นของจำเลย
ผู้ตายกับจำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ตายได้มอบสังหาริมทรัพย์ของผู้ตายซึ่งจำเลยยึดถืออยู่แล้ว ให้แก่จำเลยก่อนตายทรัพย์ต่าง ๆ จึงตกเป็นของจำเลยตามเจตนาของผู้ตาย โจทก์จะฟ้องเรียกเอาว่าเป็นทรัพย์มฤดกของผู้ตายอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินก่อนตายโดยความเจตนาของผู้ตาย: ทรัพย์สินตกเป็นของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้อง
ผู้ตายกับจำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้ตายได้มอบสังหาริมทรัพย์ของผู้ตายซึ่งจำเลยยึดถืออยู่แล้ว ให้แก่จำเลยก่อนตายทรัพย์ต่างๆ จึงตกเป็นของจำเลยตามเจตนาของผู้ตาย โจทก์จะฟ้องเรียกเอาว่าเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณา 'เคหะ' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ต้องดูเจตนาคู่สัญญาและเหตุแวดล้อมอื่นประกอบ ผู้เช่ามีหน้าที่นำสืบ
การพิจารณาว่าสิ่งปลูกสร้างใดเป็นเคหะตามความหมายแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯหรือไม่นั้นจะดูแต่เพียงผู้เช่าอาศัยอยู่ในสิ่งปลูกสร้างนั้นหรือไม่แต่อย่างเดียวยังหาเพียงพอกับความประสงค์ของกฎหมายไม่ แต่จะต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีในเวลาทำสัญญากัน ประกอบกับเหตุผลแวดล้อมอื่น ๆ เช่นสภาพของสิ่งปลูกสร้าง อัตราค่าเช่า ทำเลที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างและการปฏิบัติของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายประกอบกันว่า การเช่าสิ่งปลูกสร้างนั้น เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือไม่
(อ้างฎีกาที่ 1099-1147/2491)
การเช่าจะอยู่ในความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของผู้เช่าจะต้องนำสืบแสดงเมื่อตามฟ้องคำให้การและคำแถลงรับรองของคู่ความไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าทรัพย์รายนี้เป็นเคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าเมื่อผู้เช่าไม่ติดใจสืบพะยาน ผู้เช่าก็ต้องแพ้คดี
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือน ๆ ละ 100 บาท คดีได้ความว่าจำเลยเช่าตึกรายนี้มีค่าเช่าเดือนละ 80 บาท ฉะนั้นเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยโดยชอบแล้วจำเลยไม่ยอมออกไป โจทก์ย่อมต้องเสียหาย ศาลก็เห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายให้เดือนละ 80 บาทได้
(อ้างฎีกาที่ 1099-1147/2491)
การเช่าจะอยู่ในความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของผู้เช่าจะต้องนำสืบแสดงเมื่อตามฟ้องคำให้การและคำแถลงรับรองของคู่ความไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าทรัพย์รายนี้เป็นเคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าเมื่อผู้เช่าไม่ติดใจสืบพะยาน ผู้เช่าก็ต้องแพ้คดี
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือน ๆ ละ 100 บาท คดีได้ความว่าจำเลยเช่าตึกรายนี้มีค่าเช่าเดือนละ 80 บาท ฉะนั้นเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยโดยชอบแล้วจำเลยไม่ยอมออกไป โจทก์ย่อมต้องเสียหาย ศาลก็เห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายให้เดือนละ 80 บาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณา 'เคหะ' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ต้องดูเจตนาคู่สัญญาและเหตุแวดล้อมอื่นประกอบ ผู้เช่าต้องนำสืบ
การพิจารณาว่าสิ่งปลูกสร้างใดเป็นเคหะตามความหมายแห่งพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ หรือไม่นั้นจะดูแต่เพียงผู้เช่าอาศัยอยู่ในสิ่งปลูกสร้างนั้นหรือไม่แต่อย่างเดียวยังหาเพียงพอกับความประสงค์ของกฎหมายไม่ แต่จะต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีในเวลาทำสัญญากัน ประกอบกับเหตุผลแวดล้อมอื่นๆเช่นสภาพของสิ่งปลูกสร้าง อัตราค่าเช่า ทำเลที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างและการปฏิบัติของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายประกอบกันว่า การเช่าสิ่งปลูกสร้างนั้น เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือไม่(อ้างฎีกาที่ 1099-1147/2491)
การเช่าจะอยู่ในความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของผู้เช่าจะต้องนำสืบแสดงเมื่อตามฟ้องคำให้การและคำแถลงรับของคู่ความไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าทรัพย์รายนี้เป็นเคหะตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าเมื่อผู้เช่าไม่ติดใจสืบพยาน ผู้เช่าก็ต้องแพ้คดี
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือนๆ ละ 100 บาทคดีได้ความว่าจำเลยเช่าตึกรายนี้จำเลยมีค่าเช่าเดือนละ 80 บาท ฉะนั้นเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยโดยชอบแล้วจำเลยไม่ยอมออกไป โจทก์ย่อมต้องเสียหาย ศาลก็เห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายให้เดือนละ 80 บาทได้
การเช่าจะอยู่ในความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของผู้เช่าจะต้องนำสืบแสดงเมื่อตามฟ้องคำให้การและคำแถลงรับของคู่ความไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าทรัพย์รายนี้เป็นเคหะตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าเมื่อผู้เช่าไม่ติดใจสืบพยาน ผู้เช่าก็ต้องแพ้คดี
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า โดยเรียกค่าเสียหายเป็นรายเดือนๆ ละ 100 บาทคดีได้ความว่าจำเลยเช่าตึกรายนี้จำเลยมีค่าเช่าเดือนละ 80 บาท ฉะนั้นเมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าต่อจำเลยโดยชอบแล้วจำเลยไม่ยอมออกไป โจทก์ย่อมต้องเสียหาย ศาลก็เห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายให้เดือนละ 80 บาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความพินัยกรรม: เจตนาผู้ทำพินัยกรรมและความถูกต้องของเลขที่ดิน
ข้อความในพินัยกรรม์ ซึ่งแปลได้ว่า ได้ระบุนามผู้รับมฤดกแล้ว
ในพินัยกรรม์ได้ระบุที่ดินโฉนดที่ 118 เป็นทรัพย์มฤดกแต่ที่ดินรายพิพาทปรากฎว่าเป็นโฉนดที่ 1133 จำเลยจะขอสืบพะยานว่าเลขในโฉนดใบพินัยกรรม์เขียนผิด ผู้ตายมีที่นาฉะเพาะแปลงพิพาทแปลงเดียว ดังนี้จำเลยย่อมนำสืบได้ เพราะเป็นการสืบตีความในเอกสารพินัยกรรม์ว่าผู้ตายมีเจตนากล่าวถึงที่ดินแปลงไหน
ในพินัยกรรม์ได้ระบุที่ดินโฉนดที่ 118 เป็นทรัพย์มฤดกแต่ที่ดินรายพิพาทปรากฎว่าเป็นโฉนดที่ 1133 จำเลยจะขอสืบพะยานว่าเลขในโฉนดใบพินัยกรรม์เขียนผิด ผู้ตายมีที่นาฉะเพาะแปลงพิพาทแปลงเดียว ดังนี้จำเลยย่อมนำสืบได้ เพราะเป็นการสืบตีความในเอกสารพินัยกรรม์ว่าผู้ตายมีเจตนากล่าวถึงที่ดินแปลงไหน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความพินัยกรรม: เจตนาผู้ทำพินัยกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ระบุในพินัยกรรม
ข้อความในพินัยกรรมซึ่งแปลได้ว่า ได้ระบุนามผู้รับมรดกแล้ว
ในพินัยกรรมได้ระบุที่ดินโฉนดที่ 118 เป็นทรัพย์มรดกแต่ที่ดินรายพิพาทปรากฏว่าเป็นโฉนดที่ 1133 จำเลยจะขอสืบพยานว่าเลขในโฉนดใบพินัยกรรมเขียนผิด ผู้ตายมีที่นาเฉพาะแปลงพิพาทแปลงเดียว ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบได้เพราะเป็นการสืบตีความในเอกสารพินัยกรรมว่าผู้ตายมีเจตนากล่าวถึงที่ดินแปลงไหน
ในพินัยกรรมได้ระบุที่ดินโฉนดที่ 118 เป็นทรัพย์มรดกแต่ที่ดินรายพิพาทปรากฏว่าเป็นโฉนดที่ 1133 จำเลยจะขอสืบพยานว่าเลขในโฉนดใบพินัยกรรมเขียนผิด ผู้ตายมีที่นาเฉพาะแปลงพิพาทแปลงเดียว ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบได้เพราะเป็นการสืบตีความในเอกสารพินัยกรรมว่าผู้ตายมีเจตนากล่าวถึงที่ดินแปลงไหน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรม: การตีความเจตนาผู้ทำพินัยกรรม แม้ไม่มีคำว่า 'ยกให้' และผลของการแก้ไขเพิ่มเติม
เอกสารเป็นคำสั่งแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สิน อันจะบังเกิดผลบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อตายไปแล้ว แม้จะไม่มีคำว่า ยกให้เมื่อตาย แต่ก็มีข้อความและถ้อยคำแสดงอยู่ในตัวแล้วว่าเป็นพินัยกรรม์ยกทรัพย์ให้แก่ผู้รับเมื่อผู้ทำพินัยกรรมตายแล้ว จึงถือว่าเป็นพินัยกรรม์ตามกฎหมาย
ถ้าการตกเดิมพินัยกรรมมิได้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการทำพินัยกรรม ข้อตกเติมก็ไม่สมบูรณ์ในฉะเพาะส่วนนั้น แต่ตัวพินัยกรรมที่เคยสมบูรณ์ ยังสมบูรณ์อยู่ตามเดิม หาทำให้พินัยกรรม์ดีพลอยเสียไปเพราะการตกเติมแก้ไขไม่
ถ้าการตกเดิมพินัยกรรมมิได้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการทำพินัยกรรม ข้อตกเติมก็ไม่สมบูรณ์ในฉะเพาะส่วนนั้น แต่ตัวพินัยกรรมที่เคยสมบูรณ์ ยังสมบูรณ์อยู่ตามเดิม หาทำให้พินัยกรรม์ดีพลอยเสียไปเพราะการตกเติมแก้ไขไม่