คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิดอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 671 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในข้อเท็จจริง ป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่เป็นความผิดอาญา
จำเลยได้ยินเสียงคนร้องทางฝั่งคลองตรงข้าม เข้าใจว่ามีเรื่องทะเลาะกัน จึงเดินลุยน้ำข้ามไปดู พอถึงก็ถูกคนตีที่แสกหน้าล้มลง เห็นคนตีวิ่งหนีไปทางทิศเหนือ แล้วมีคนวิ่งมาจากทางทิศเหนืออีก ซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะเข้ามาทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้มีดดาบฟันคนที่วิ่งเข้ามานั้น 1 ทีถูกศีรษะกลับปรากฏว่าเป็นนายดินผู้ตายซึ่งเป็นญาติกัน ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง กระทำป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว หากผู้กระทำเริ่มลงมือทำร้ายก่อน
ผู้ตายพูดโต้ตอบกับจำเลยด้วยเรื่องที่ผู้ตายพาผู้ใหญ่บ้านกับพวกมานับต้นสาคู จำเลยโกรธจึงแทงผู้ตายก่อนแล้วผู้ตายหยิบไม้ตีและเข้ากอดปล้ำกันจนเกิดบาดแผลด้วยกันทั้งสองฝ่าย ผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกแทง ดังนี้ กรณีหาใช่เป็นการที่จำเลยกระทำโดยป้องกันตัวไม่ เพราะเรื่องเกิดขึ้นโดยจำเลยเริ่มลงมือทำร้ายก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 977/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องพรากผู้เยาว์ แม้ไม่ได้ระบุเจตนาผู้เยาว์
ฟ้องว่า จำเลยพรากผู้เยาว์โดยมีเจตนาเพื่อหากำไร แม้ไม่ได้บรรยายไว้ด้วยว่า (จำเลยพราก) โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ก็ถือว่าเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายด้วยอาวุธมีคม โดยมีเจตนาฆ่า ถือเป็นความผิดฐานฆ่าคนตาย
จำเลยกับผู้ตายวิวาทชกต่อยกันในเวลากลางคืนหน้าปั๊มน้ำมันซึ่งมีแสงไฟส่องสว่าง ผู้ตายไม่มีอาวุธ แล้วจำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว 1 คืบแทงผู้ตายถูกที่สำคัญที่ทรวงอกทะลุปอด 2 แผล และที่หน้าท้อง 1 แผล ทะลุเข้าช่องท้องถูกกระเพาะอาหารและถูกตับอ่อนเส้นเลือดขาด ผู้ตายถึงแก่ความตายใน 3 ชั่วโมงต่อมา เช่นนี้จำเลยกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2514)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731-1732/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมเพื่อยักยอกทรัพย์และเบียดบังเอาเงินไปเป็นของตนเอง
จำเลยได้รับมอบหมายจากโจทก์ร่วมเพื่อไปซื้อที่ดินให้โจทก์ร่วมแล้วจำเลยได้นำเอาบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวม เป็นสำเนาตามแบบพิมพ์ ท.ด.70 ซึ่งจำเลยรู้ว่าเป็นเอกสารที่ผู้อื่นทำปลอมขึ้นไปแสดงต่อโจทก์ร่วมเพื่อให้เชื่อว่ามีต้นฉบับเช่นนั้น และเพื่อลวงให้โจทก์ร่วมเชื่อว่าโจทก์ร่วมมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่กับเจ้าของที่ดินตามบันทึกข้อตกลงนั้นเช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการใช้เอกสารปลอม
สำเนาบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมซึ่งพิมพ์ลงในแบบพิมพ์ ท.ด.70 มีข้อความแสดงว่า โจทก์ร่วมมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่เป็นจำนวนเท่าใด โดยไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่า เอกสารฉบับนี้เป็นเอกสารที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ ดังนี้ ย่อมไม่เป็นเอกสารราชการ แต่เป็นเอกสารสิทธิ์ตามนัยมาตรา 1(9) แห่งประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงตอบโต้หลังถูกทำร้ายไม่ถือเป็นการป้องกันตัว หากภยันตรายพ้นไปแล้ว และอาจเข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยถูกยิง แล้วเห็นคนที่ยิงวิ่งออกไปจากใต้ถุนเลี้ยวไปทางทิศใต้แล้วเลี้ยวไปทางทิศตะวันตก จำได้ว่าเป็นโจทก์ร่วม จำเลยจึงได้ยิงตามไปถูกโจทก์ร่วมเช่นนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันสิทธิตามกฎหมาย เพราะภยันตรายที่จำเลยได้รับนั้นผ่านพ้นไปแล้ว พฤติการณ์เห็นได้ว่า จำเลยได้ยิงโจทก์ร่วมตอบไปนั้นก็เพราะบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72ปัญหานี้ แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
หมายเหตุ คดีนี้มีจำเลยหลายคน จำเลยในที่นี้หมายถึงจำเลยที่ 1 (ดูข้อเท็จจริง)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ตายเมาสุราโมโหคนในรถที่จำเลยกับพวกที่นั่งมากดแตรเพื่อไม่ให้ผู้ตายกระแทกข้างรถ พอพวกของจำเลยคนหนึ่งเดินมาที่รถผู้ตายก็เข้าไปต่อว่าแล้วเกิดเป็นปากเสียงกันขึ้น เมื่อจำเลยเข้าไปจะดึงพวกของจำเลยขึ้นรถ ผู้ตายยกมือขึ้นทำท่าจะชกต่อยจำเลยจำเลยจึงชกต่อยผู้ตายไป 1 ที ถูกผู้ตายล้มศีรษะฟาดพื้นถนนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เพราะสมองได้รับความกระเทือนดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ: การแจ้งข้อกล่าวหาตามคำเล่าลือ ไม่ถือเป็นความเท็จ หากไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริง
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยแจ้งหรือร้องเรียนเท็จ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่าคำร้องเรียนที่โจทก์กล่าวหาไม่ใช่ความเท็จดังโจทก์ฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าข้อความที่จำเลยร้องเรียนเป็นเท็จ ดังนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำร้องเรียนที่มีข้อความว่า "อนึ่ง ได้ทราบจากคำเล่าลือและคำบอกเล่าว่าพระภิกษุ สุวรรณ์จารุโภ มีอาวุธปืนเถื่อนและลูกระเบิดมือไว้ในความครอบครองเมื่อเจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการตามหน้าที่ขอได้โปรดระวังอันตรายในสิ่งเหล่านี้ด้วย" คำกล่าวเช่นนี้ มิได้กล่าวยืนยันว่าโจทก์กระทำผิดมีอาวุธปืนเถื่อนหรือลูกระเบิดมือ เพียงแต่กล่าวอ้างว่าได้ทราบมาเช่นนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังอันตราย จึงไม่ใช่คำแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ: การแจ้งข้อความตามคำเล่าลือโดยมิได้ยืนยันข้อเท็จจริง ไม่ถือเป็นความเท็จตามกฎหมาย
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยแจ้งหรือร้องเรียนเท็จ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่า คำร้องเรียนที่โจทก์กล่าวหา ไม่ใช่ความเท็จดังโจทก์ฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าข้อความที่จำเลยร้องเรียนเป็นเท็จ ดังนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำร้องเรียนที่มีข้อความว่า 'อนึ่ง ได้ทราบจากคำเล่าลือและคำบอกเล่าว่าพระภิกษุ สุวรรณ์จารุโภ มีอาวุธปืนเถื่อนและลูกระเบิดมือไว้ในความครอบครองเมื่อเจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการตามหน้าที่ขอได้โปรดระวังอันตรายในสิ่งเหล่านี้ด้วย' คำกล่าวเช่นนี้ มิได้กล่าวยืนยันว่าโจทก์กระทำผิดมีอาวุธปืนเถื่อนหรือลูกระเบิดมือ เพียงแต่กล่าวอ้างว่าได้ทราบมาเช่นนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังอันตราย จึงไม่ใช่คำแจ้งความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จเป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อและพิพากษาคดีแพ่งผิดพลาด ถือเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ
ธนาคารฟ้องขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินตามตั๋วแลกเงิน โจทก์ได้ให้การต่อสู้คดีว่า นายมานิตย์ได้ชำระเงินตามตั๋วแลกเงินให้ธนาคารฯ แทนโจทก์ตามเช็คเลขที่ เค.0343109 แล้ว ข้อที่ว่าธนาคารได้รับเช็คชำระเงินตามตั๋วแลกเงินแล้วหรือไม่ จึงเป็นข้อสำคัญในคดี ฉะนั้น ที่จำเลยเบิกความในฐานะผู้จัดการธนาคารฯ ว่าได้รับแต่ตั๋วแลกเงินจากโจทก์ ไม่มีเช็คกำกับด้วย อันเป็นความเท็จ ถือได้ว่าจำเลยได้เบิกความเท็จอันเป็นข้อสำคัญในคดีการกระทำของจำเลยจึงมีมูลเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
วันเวลาเกิดเหตุในฟ้องคดีอาญาเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องหาใช่ข้อสารสำคัญไม่ และเมื่อการพิจารณาเป็นเพียงชั้นไต่สวนมูลฟ้องซึ่งจำเลยยังมิได้ให้การ ยังไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้จึงยกเอาเหตุข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องขึ้น ยกฟ้องในชั้นนี้ยังไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 93/2513)
of 68