คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำให้การ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ประเด็นนอกเหนือจากคำให้การเดิม แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุด
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกจ้างให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ผู้เป็นนายจ้าง จำเลยที่ 2 ไม่ได้ให้การต่อสู้คดีว่าคำฟ้องโจทก์เกี่ยวกับค่าเสียหายเคลือบคลุม และคดีโจทก์ขาดอายุความดังเช่นจำเลยที่ 1 ดังนี้จำเลยที่ 2 จึงไม่มีสิทธิที่จะยกประเด็นดังกล่าวขึ้นอุทธรณ์ เพราะนอกเหนือจากคำให้การของตน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2225/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การ: หลักฐานรายงานเจ้าพนักงานศาลมีน้ำหนักกว่าคำกล่าวอ้างของจำเลยที่ไม่โต้แย้งความถูกต้อง
การที่จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายหลังวันที่เจ้าพนักงานศาลผู้ส่งหมายระบุไว้ในรายงาน โดยมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือให้เหตุผลว่ารายงานดังกล่าวขัดต่อความเป็นจริงหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใดนั้นเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ปราศจากเหตุผลอ้างอิงที่อาจจะหักล้างหลักฐานรายงานของเจ้าพนักงานศาลได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเพื่อรับคำให้การไว้พิจารณาต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1872/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกที่ภูมิลำเนาที่ไม่ถูกต้อง และผลต่อการขาดนัดยื่นคำให้การ
โจทก์ฟ้องระบุภูมิลำเนาของจำเลย ตามที่ตั้งสำนักงานที่จดทะเบียนพาณิชย์ แม้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 74(2) จะบัญญัติให้ส่งคำคู่ความ ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความได้ แต่ก็ปรากฏว่าจำเลยไม่ได้อยู่ ณ สำนักทำการงานของจำเลยตั้งแต่ก่อนฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นให้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ณ สำนักทำการงานของจำเลย จึงน่าเชื่อว่า จำเลยไม่ทราบว่าถูกฟ้อง การที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การและไม่มาศาลในวันสืบพยานโจทก์ มิได้เป็นการขาดนัดโดยจงใจ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการปฏิบัติตามหน้าที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่จำเลยซึ่งมิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตให้ยื่นคำให้การและศาลสั่งไต่สวนคำร้องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องระหว่างศาลกับจำเลย และมิใช่เหตุที่จะทำให้โจทก์ได้รับยกเว้นหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ในอันที่จะต้องมีคำขอต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งโจทก์จะถือว่าระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลงในวันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการปฏิบัติตามหน้าที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่จำเลยซึ่งมิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตให้ยื่นคำให้การและศาลสั่งไต่สวนคำร้องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องระหว่างศาลกับจำเลย และมิใช่เหตุที่จะทำให้โจทก์ได้รับยกเว้นหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ในอันที่จะต้องมีคำขอต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งโจทก์จะถือว่าระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลงในวันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำให้การต้องใช้แบบพิมพ์ตามที่ราชการกำหนด และการยื่นคำให้การในเรือนจำไม่ใช่การยื่นต่อศาล
คำให้การของจำเลยจะต้องใช้กระดาษแบบพิมพ์คำให้การตามที่ทางราชการจัดไว้ จะใช้กระดาษแบบพิมพ์อย่างอื่นอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67 ไม่ได้
การยื่นคำให้การในคดีแพ่งต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้ไม่ได้ จำเลยซึ่งต้องขังอยู่ในเรือนจำยื่นคำให้การในคดีแพ่งต่อผู้บัญชาการเรือนจำหรือพัศดีภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 177 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ยื่นคำให้การต่อศาลภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำให้การต้องใช้แบบพิมพ์ที่กำหนด และการยื่นผ่านเรือนจำไม่ถือเป็นการยื่นต่อศาล
คำให้การของจำเลยจะต้องใช้กระดาษแบบพิมพ์คำให้การตามที่ทางราชการจัดไว้ จะใช้กระดาษแบบพิมพ์อย่างอื่นอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67 ไม่ได้.
การยื่นคำให้การในคดีแพ่งต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้ไม่ได้ จำเลยซึ่งต้องขังอยู่ในเรือนจำยื่นคำให้การในคดีแพ่งต่อผู้บัญชาการเรือนจำหรือพัศดีภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 177 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ยื่นคำให้การต่อศาลภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1506/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีอาญา: การเปลี่ยนแปลงคำให้การ และข้อต่อสู้เรื่องป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผล
จำเลยต้องหาว่าพยายามฆ่าผู้อื่น ชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบว่าจำเลยถูกผู้เสียหายกับพวกทำร้ายก่อนจึงต้องแทงผู้เสียหายเพื่อป้องกันตัวเมื่อจำเลยมิได้ซักค้านความข้อนี้ไว้ให้ปรากฏในขณะสืบพยานโจทก์ แต่เพิ่งจะมานำสืบเป็นข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นสืบพยานจำเลย ข้อนำสืบจึงเป็นพิรุธ ข้อต่อสู้ที่จำเลยอ้างว่าต้องแทงผู้เสียหายเพื่อป้องกันตัวจึงฟังไม่ขึ้น.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาหลักฐานพยานผู้เสียหายที่ไม่สอดคล้องกัน และความน่าเชื่อถือของคำให้การในชั้นสอบสวน
คำให้การชั้นสอบสวนและบันทึกการชี้ตัวจำเลยจากภาพถ่ายในชั้นสอบสวนของผู้เสียหายศาลรับฟังเป็นข้อประกอบการพิจารณาได้เพราะไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายห้ามมิให้ศาลรังฟังส่วนจะรับฟังได้เพียงใดหรือไม่สุดแล้วแต่เหตุผลของแต่ละเรื่องไป. คดีพยายามฆ่าเหตุเกิดเวลากลางวันขณะที่ผู้เสียหายขึ้นรถยนต์โดยสารประจำทางทางประตูด้านหน้าคนร้ายซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังคนขับก็ยิงผู้เสียหาย2นัดได้รับอันตรายสาหัสในชั้นสอบสวนผู้เสียหายให้การว่าเห็นหน้าคนร้ายและจำได้ชัดเจนและชี้ตัวยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายแต่ก่อนเกิดเหตุมีการขว้างปากันระหว่างผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลังรถกับพวกที่ยืนคอยอยู่ที่ป้ายรถซึ่งน่าจะเกิดการชุลมุนวุ่นวายเพราะผู้โดยสารแย่งกันขึ้นลงและหลบหนีจากรถผู้เสียหายไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าจำเลยมาก่อนได้เห็นคนร้ายในขณะที่ตนถูกยิงเพียงไม่ถึง30วินาทีแล้วก็เซจากรถไปที่ชี้ตัวจำเลยก็ชี้จากภาพถ่ายหลังจากเกิดเหตุแล้วถึง2เดือนในชั้นพิจารณาผู้เสียหายเบิกความว่าจำคนร้ายไม่ได้ไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นชายหรือหญิงคำเบิกความปฏิเสธคำให้การในชั้นสอบสวนและการชี้ตัวเช่นนี้น่าจะตรงกับความจริง.พยานโจทก์นอกจากนี้คงมีแต่คำให้การในชั้นสอบสวนของส.ท.และช.กับบันทึกการชี้ตัวจำเลยของส.แต่เมื่อโจทก์ไม่ได้ตัวมาเบิกความจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่าซึ่งจำเลยไม่มีโอกาสซักค้านแม้จำเลยจะรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนแต่ให้การต่อศาลปฏิเสธเสียแล้วพยานหลักฐานของโจทก์จึงไม่พอฟังลงโทษจำเลย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4291/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความและประเด็นข้อกฎหมาย: จำเลยต้องยกเหตุขาดอายุความชัดเจนในคำให้การ ศาลไม่ควรวินิจฉัยนอกประเด็น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จำเลยซึ่งเป็นพนักงานขับรถของโจทก์ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์คว่ำได้รับความเสียหายต้องซ่อมแซม และทำให้ใบยาสูบที่บรรทุกมาเสียหาย โจทก์ต้องจ่ายค่าเสียหายในการซ่อมรถและชดใช้ค่าใบยาสูบให้ โรงงานยาสูบ จึงเป็นคดีที่มีหลายประเด็น อายุความมีหลายประเภท จำเลยให้การเพียงว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความเท่านั้น มิได้แสดงเหตุแห่งการขาดอายุความมาด้วยว่าขาดอายุความตามบทกฎหมายใด ในเรื่องใด เหตุใดฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ดังนี้ คำให้การของจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง และไม่ก่อให้เกิดประเด็นในคดี ศาลแรงงานกลางพิจารณาประเด็นว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ แล้ววินิจฉัยยกฟ้องโจทก์ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการนอกประเด็นและเป็นการไม่ชอบ
of 72