พบผลลัพธ์ทั้งหมด 467 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1970/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยทรมานต้องมีเหตุพิเศษนอกเหนือจากการฆ่าธรรมดา
การที่จำเลยจะผิดฐานฆ่าคนตายโดยวิธีทรมานจำเลยจะต้องแสดงการกระทำเป็นพิเศษ นอกเหนือจากการฆ่าอย่างธรรมดา อันจะทำให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องอาญาต้องชัดเจนถึงเจตนา หากไม่ระบุเจตนาฆ่า แม้มีหัวเรื่องความผิดฐานฆ่า ก็ลงโทษไม่ได้ และการนับโทษต่อต้องมีหลักฐานชัดเจน
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยกับพวกได้สมคบกันมีอาวุธปืนและไม้ฆ้อนเป็นศาสตราวุธตียิงทำร้ายร่างกายนายกุ่นและนายมาเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้โดยจำเลยประสงค์จะเอาทรัพย์แล้วจำเลยกับพวกได้ปล้นเอาทรัพย์ของนายกุ่นนายมาไป ฯลฯ นายกุ่นได้ถึงแก่ความตายโดยพิษบาดแผลที่ถูกทำร้าย ฯลฯ ดังนี้เห็นได้ชัดว่าฟ้องโจทก์บรรยายถึงแต่เรื่องปล้นทรัพย์และเจ้าทรัพย์ถูกทำร้ายมีบาดเจ็บสาหัสและถึงตาย มิได้ระบุว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์เลย จะอ้างว่าโจทก์ได้ใส่หัวเรื่องในข้อหาฐานความผิดว่าสมคบกันทำการปล้นทรัพย์และฆ่าคนตายโดยเจตนามาประกอบฟ้องให้เข้าเกณฑ์ความผิดตาม ม.250 ก็ไม่ได้ เพราะหัวเรื่องนั้นไม่เรียกว่าบรรยายคำฟ้อง ดังนี้แม้โจทก์จะอ้างบทมาตรา 250 มาด้วยก็ดี ก็ลงโทษจำเลยตาม ม.250 ไม่ได้เพราะจำเลยเข้าใจข้อหาแต่เพียงว่าการปล้นทรัพย์ของจำเลยได้ทำให้เจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บสาหัส
เมื่อไม่ปรากฎในสำนวนเลยว่าจำเลยเป็นคน ๆ เดียวกับในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฎว่าได้ต้องโทษอยู่ในคดีดังกล่าว และจำเลยก็มิได้ให้การรับ ดังนี้จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
เมื่อไม่ปรากฎในสำนวนเลยว่าจำเลยเป็นคน ๆ เดียวกับในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ทั้งไม่ปรากฎว่าได้ต้องโทษอยู่ในคดีดังกล่าว และจำเลยก็มิได้ให้การรับ ดังนี้จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากฆ่าเพื่อชิงทรัพย์เป็นลักทรัพย์หลังเกิดเหตุ และการคืนเงินของกลาง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อเอาทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.250 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยจึงเกิดโลภเจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายในภายหลังเช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวในฟ้องลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.288 ได้.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2501)
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2501)
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์หลังการฆ่า: เจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อเอาทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยจึงเกิดโลภเจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายในภายหลัง เช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2501)
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมทำร้ายและฆ่าผู้อื่น: การกระทำร่วมกันของนักเลง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันทำตัวเป็นนักเลงมาแต่แรก เมื่อผู้ตายกับพวกพูดหรือทำอะไรไม่ถูกใจ จำเลยที่ 2 ก็ลงมือทำร้ายก่อนโดยหวังความช่วยเหลือจากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพวกเดียวกัน และก็สมความมุ่งหมายโดยจำเลยที่ 1 เข้าช่วยทันทีทั้งใช้มือและมีดทำร้าย ครั้นแล้วจำเลยที่ 1 และ 2 ก็ร่วมทางกันไปอีกจนตำรวจจับได้ที่บ้านจำเลยที่ 1 พร้อมด้วยมีดที่จำเลยใช้ในการทำผิด จำเลยที่ 2 ย่อมเป็นตัวการด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1861/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยเจตนาและดุร้าย: การลงโทษฐานฆ่าโดยไม่มีเหตุอันควรและทำร้ายซ้ำ
ใช้มีดดาบฟันผู้ตายขณะกำลังนั่งคุยอยู่ ผู้ตายไม่มีอาวุธหรือแสดงว่าจะต่อสู้ ฟันถูกที่ศีรษะ 1 ทีสมองไหล และที่ขา 1 ที กระดูกขาด ล้มลงแล้วจำเลยยังฟันซ้ำอีกรวมทั้งสิ้น 11 แผลอยู่ได้ 10 วันเศษจึงตาย การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าคนตายโดยดุร้ายตามมาตรา 250(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยพยาบาทจากความสัมพันธ์ชู้สาว ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
การที่ใช้มีดถางกอหญ้าฟันเขาถึง 3 แผล ๆ ที่คอเป็นแผลฉกรรจ์และถึงแก่ความตายในขณะนั้น อันมีสาเหตุเพราะจำเลยเป็นชู้กับเมียผู้ตายและอยากจะอยู่ด้วยกัน การที่จำเลยขุดินร่วมครึ่งชั่วโมงลอดตัวเข้าไปฆ่าผู้ตายซึ่งนอนอยู่ในโรงไม้ได้สมประสงค์เช่นนี้ย่อมแสดงว่าจำเลยกระทำโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตาม ม.250
การลดโทษประหารชีวิตตาม ม.59,37 นั้นต้องควบกัน ม.37 เป็นหลักเกณฑ์การลดโทษว่ามากน้อยเพียงไร ม.59 เป็นดุลยพินิจในการลดโทษให้.
การลดโทษประหารชีวิตตาม ม.59,37 นั้นต้องควบกัน ม.37 เป็นหลักเกณฑ์การลดโทษว่ามากน้อยเพียงไร ม.59 เป็นดุลยพินิจในการลดโทษให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งเรื่องชู้สาว ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
การที่ใช้มีดถางหญ้าฟันเขาถึง 3 แผล แผลที่คอเป็นแผลฉกรรจ์และถึงแก่ความตายในขณะนั้น อันมีสาเหตุเพราะจำเลยเป็นชู้กับเมียผู้ตายและอยากจะอยู่ด้วยกัน การที่จำเลยขุดดินร่วมครึ่งชั่วโมงลอดตัวเข้าไปฆ่าผู้ตายซึ่งนอนอยู่ในโรงได้สมประสงค์ เช่นนี้ย่อมแสดงว่าจำเลยกระทำโดยพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตาม มาตรา 250
การลดโทษประหารชีวิตตาม มาตรา 5937 นั้นต้องควบกัน มาตรา 37 เป็นหลักเกณฑ์การลดโทษว่ามากน้อยเพียงไร มาตรา 59เป็นดุลพินิจในการลดโทษให้
การลดโทษประหารชีวิตตาม มาตรา 5937 นั้นต้องควบกัน มาตรา 37 เป็นหลักเกณฑ์การลดโทษว่ามากน้อยเพียงไร มาตรา 59เป็นดุลพินิจในการลดโทษให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ การทำร้ายร่างกาย และการฆ่าโดยเจตนา
ผู้ตายประพฤติเป็นพาลจำเลย+ลักสุราก็หาว่าทำตาผ่องใส แล้วตบหน้า เตะจำเลย จำเลยหนีลงเรือน ผู้ตายตามลงไปจึงเกิดทำร้ายกันขึ้น จำเลยมีมีด ผู้ตายไม่มีอาวุธอะไร ปรากฎว่าผู้ตายมีแผลถูกแทงสองแห่งที่หน้าท้องและที่แขนถึงแก่ความตาย จำเลยมีแผลเล็กน้อยที่เข่าและฝ่ามือ ย่อมถือได้ว่าการที่จำเลยกระทำแก่ผู้ตายเป็นการป้องกันตัวแต่เกินกว่าเหตุ มีผิดตาม ก.ม.อาญา ม.251,53
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันปล้นทรัพย์, ปลอมตัวเป็นเจ้าพนักงาน, และฆ่าเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่
ความผิดฐานปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตามม.127 นั้น กฎหมายไม่ได้บัญญัติว่าผู้กระทำจะต้องแต่งเครื่องแบบเจ้าพนักงานด้วย
เมื่อคดีได้ความชัดว่าจำเลยทุกคนกับพวกสมคบกันมากระทำการโจรกรรมโดยมีแผนการณ์ว่าเป็นเจ้าพนักงานจะขอตรวจค้นปืนของผิดกฎหมายแล้วได้ดำเนินการโจรกรรมตามอุบายนี้ ฉะนั้น จำเลยอื่นที่มิได้แต่งเครื่องแบบเจ้าพนักงาน(ตำรวจ)ก็ย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการปลอมตนมากระทำการเป็นเจ้าพนักงานตาม ม.127 เช่นเดียวกับจำเลยที่แต่งเครื่องแบบด้วย
และเมื่อคดีได้ความว่าก่อนลงมือปล้น จำเลยกับพวกทุกคนได้ยินยอมให้คนบนบ้านไปตามผู้ตายซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านมารู้เห็นในการที่จำเลยกับพวกจะทำการตรวจค้น ดังนี้ก็เห็นได้ว่าจำเลยกับพวกได้พร้อมใจกันที่จะทำการต่อต้านขัดขวางในเมื่อผู้ใหญ่บ้านจะกระทำการตามหน้าที่ด้วยอุบายจะยึดตัวผู้ตายหรือต่อสู้ทำร้ายก็แล้วแต่เหตุการณ์ ฉะนั้นเมื่อจำเลยคนใดยิงผู้ใหญ่บ้าน การกระทำนั้นก็อยู่ในแผนการณ์ที่พวกจำเลยทุกคนร่วมรู้อยู่ก่อนแล้วนั่นเอง จำเลยทุกคนย่อมได้ชื่อว่าเป็นตัวการในการฆ่าผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่ด้วย ผิดกับเรื่อง+ไปปล้นเอาทรัพย์อย่าง+ ฉะเพาะ แต่ผู้ร้ายบางคน+ไปยิงใครตายขึ้นโดยเพื่อ+อื่นไม่อาจคาดหมายได้
เมื่อคดีได้ความชัดว่าจำเลยทุกคนกับพวกสมคบกันมากระทำการโจรกรรมโดยมีแผนการณ์ว่าเป็นเจ้าพนักงานจะขอตรวจค้นปืนของผิดกฎหมายแล้วได้ดำเนินการโจรกรรมตามอุบายนี้ ฉะนั้น จำเลยอื่นที่มิได้แต่งเครื่องแบบเจ้าพนักงาน(ตำรวจ)ก็ย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการปลอมตนมากระทำการเป็นเจ้าพนักงานตาม ม.127 เช่นเดียวกับจำเลยที่แต่งเครื่องแบบด้วย
และเมื่อคดีได้ความว่าก่อนลงมือปล้น จำเลยกับพวกทุกคนได้ยินยอมให้คนบนบ้านไปตามผู้ตายซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านมารู้เห็นในการที่จำเลยกับพวกจะทำการตรวจค้น ดังนี้ก็เห็นได้ว่าจำเลยกับพวกได้พร้อมใจกันที่จะทำการต่อต้านขัดขวางในเมื่อผู้ใหญ่บ้านจะกระทำการตามหน้าที่ด้วยอุบายจะยึดตัวผู้ตายหรือต่อสู้ทำร้ายก็แล้วแต่เหตุการณ์ ฉะนั้นเมื่อจำเลยคนใดยิงผู้ใหญ่บ้าน การกระทำนั้นก็อยู่ในแผนการณ์ที่พวกจำเลยทุกคนร่วมรู้อยู่ก่อนแล้วนั่นเอง จำเลยทุกคนย่อมได้ชื่อว่าเป็นตัวการในการฆ่าผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่ด้วย ผิดกับเรื่อง+ไปปล้นเอาทรัพย์อย่าง+ ฉะเพาะ แต่ผู้ร้ายบางคน+ไปยิงใครตายขึ้นโดยเพื่อ+อื่นไม่อาจคาดหมายได้