พบผลลัพธ์ทั้งหมด 592 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีจากสารบบเนื่องจากคู่ความไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุ ศาลต้องพิจารณาเหตุสมควรและให้โอกาสคู่ความหาทนายใหม่
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความคำสั่งนี้ไม่มีบทบัญญัติห้ามอุทธรณ์หรือให้เป็นที่สุดเมื่อโจทก์มิได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ โจทก์ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลดังกล่าวนั้นได้
โจทก์ไม่มาศาลเพราะทนายโจทก์ขอถอนตัวโดยตัวความไม่ทราบเรื่องและเข้าใจผิดคิดว่าทนายของตนทำหน้าที่อยู่กรณีดังนี้จะถือว่าโจทก์จงใจขาดนัดไม่ได้ คดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะเลื่อนการพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 203
โจทก์ไม่มาศาลเพราะทนายโจทก์ขอถอนตัวโดยตัวความไม่ทราบเรื่องและเข้าใจผิดคิดว่าทนายของตนทำหน้าที่อยู่กรณีดังนี้จะถือว่าโจทก์จงใจขาดนัดไม่ได้ คดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะเลื่อนการพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 203
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาล ส่งผลให้คดีจำหน่ายขาดอายุและไม่อาจฟื้นฟูได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนและให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและคำร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์เรื่องขอดำเนินคดีอนาถาตายในเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงไม่รับวินิจฉัยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งใหม่ในเรื่องร้องขัดทรัพย์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่หากผู้ร้องประสงค์ดำเนินคดีเรื่องร้องขัดทรัพย์ให้นำค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลภายใน 15 วัน หลังจากสิ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วันอีก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลกำหนดและกรณีไม่ใช่เหตุสุดวิสัย ไม่อนุญาต ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ผู้ร้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 7 วันนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ มิฉะนั้น ให้จำหน่ายคดี ดังนี้ เมื่อผู้ร้องมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายในเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนดในครั้งหลังนี้ คดีของผู้ร้องจึงไม่มีอยู่ในศาลอันจะพึงดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อไป ผู้ร้องจะมาขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ตนนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมคดี ทำให้คดีจำหน่ายและสิ้นสุดกระบวนการ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนและให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและคำร้องขัดทรัพย์ผู้ร้องอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์เรื่องขอดำเนินคดีอนาถาภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงไม่รับวินิจฉัยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งใหม่ในเรื่องคำร้องขัดทรัพย์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ว่าหากผู้ร้องประสงค์ดำเนินคดีเรื่องร้องขัดทรัพย์ให้นำค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลภายใน 15 วันหลังจากสิ้นระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดผู้ร้องยื่นคำร้องขออนุญาตนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วันอีกศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลกำหนดและกรณีไม่ใช่เหตุสุดวิสัยไม่อนุญาตผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ผู้ร้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 7 วันนับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ มิฉะนั้นให้จำหน่ายคดีดังนี้เมื่อผู้ร้องมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายในเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนดในครั้งหลังนี้ คดีของผู้ร้องจึงไม่มีอยู่ในศาลอันจะพึงดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อไปผู้ร้องจะมาขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้ตนนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีจำหน่าย: โจทก์ไม่เสียค่าขึ้นศาล ศาลจำหน่ายคดีแล้ว ไม่สามารถกลับมาเสียค่าขึ้นศาลในคดีเดิมได้ ต้องยื่นฟ้องใหม่
ในชั้นพิจารณาคำฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่งคดีมีทุนทรัพย์ แต่โจทก์ไม่ยอมเสียอ้างว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี โจทก์อุทธรณ์และฎีกาคัดค้านในที่สุดศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีไปแล้วก็เท่ากับไม่มีคดีของโจทก์อยู่ในศาล โจทก์จะมายื่นคำแถลงขอเสียค่าขึ้นศาลในคดีที่ศาลชั้นต้นได้สั่งจำหน่ายไปแล้วไม่ได้ หากประสงค์จะดำเนินการต่อไปก็ชอบที่จะยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่โดยกำหนดทุนทรัพย์มาในฟ้อง และเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสียค่าขึ้นศาลหลังศาลสั่งจำหน่ายคดี: โจทก์ต้องยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่
ในชั้นพิจารณาคำฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์แต่โจทก์ไม่ยอมเสียอ้างว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีโจทก์อุทธรณ์และฎีกาคัดค้านในที่สุดศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น ดังนี้เมื่อศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีไปแล้วก็เท่ากับไม่มีคดีของโจทก์อยู่ในศาลโจทก์จะมายื่นคำแถลงขอเสียค่าขึ้นศาลในคดีที่ศาลชั้นต้นได้สั่งจำหน่ายไปแล้วไม่ได้ หากประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปก็ชอบที่จะยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่โดยกำหนดทุนทรัพย์มาในฟ้องและเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ทิ้งฟ้องและขาดนัดพิจารณาคดี ศาลไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่
โจทก์ทิ้งฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 1 ขาดนัดให้การ ศาลนัดพิจารณาฝ่ายเดียวโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยาน ศาลจำหน่ายคดี โจทก์ขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฎีกาเนื่องจากไม่ชำระค่าขึ้นศาล ทำให้ศาลจำหน่ายคดี
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่ขายฝากแล้วไม่ไถ่ในกำหนด จำเลยให้การว่าจำเลยขอไถ่แล้วโจทก์ไม่ไปรับไถ่ ศาลพิพากษาขับไล่ จำเลยฎีกา ดังนี้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ จำเลยไม่เสียค่าธรรมเนียมตามคำสั่งศาลเป็นการทิ้งฎีกา ศาลฎีกาจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3301/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ไม่ทราบคำสั่งศาล และการเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีที่ชอบด้วยกฎหมาย
ในคดีอาญา ศาลได้ทำการไต่สวนมูลฟ้อง สั่งว่าคดีมีมูล ประทับฟ้อง และให้หมายเรียกจำเลยมาให้การแก้คดีและนัดสืบพยานโจทก์ กับให้โจทก์นำส่งหมายภายใน 7 วัน ถ้าส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 3 วัน โดยโจทก์ลงลายมือชื่อทราบคำสั่งนั้นแล้ว ต่อมาได้มีการนำส่งหมายเรียกแก่จำเลยโดยขอให้ศาลอื่นจัดการส่งให้เพราะจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลอื่น ศาลที่จัดการส่งหมายให้แจ้งมาว่าส่งหมายให้จำเลยไม่ได้เนื่องจากจำเลยไปอยู่ที่อื่น ไม่มีผู้ใดรับหมายแทน ศาลเจ้าของคดีสั่งลงในหนังสือนำส่งหมายคืนนั้นว่าให้โจทก์ทราบ จะดำเนินการอย่างไรต่อไปให้แถลงภายใน 3 วัน แต่ไม่ปรากำว่าคู่ความได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งนี้ ต่อมาเมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่ง - เลยกำหนด 3 วันแล้ว เจ้าพนักงานศาลรายงานว่า โจทก์มิได้มาติดต่อหรือยื่นคำแถลงต่อศาล ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 เพราะโจทก์ยังไม่ทราบคำสั่งของศาลที่ให้แถลงภายใน 3 วันนั้น
เมื่อศาลมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความแล้วในวันเดียวกันนั้นเองโจทก์ยื่นคำร้องแสดงเหตุผลว่า โจทก์มิได้จงใจที่จะทิ้งฟ้อง ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาแก้คดีและดำเนินคดีต่อไป ศาลได้ตรวจสำนวนและบัญชีนัดแล้ว จึงได้ทราบว่าได้สั่งไปโดยผิดหลง ดังนี้ ศาลนั้นชอบที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นได้ และแม้จะมิได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์ และมิได้สอบถามจำเลย ก็ไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา
เมื่อศาลมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความแล้วในวันเดียวกันนั้นเองโจทก์ยื่นคำร้องแสดงเหตุผลว่า โจทก์มิได้จงใจที่จะทิ้งฟ้อง ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาแก้คดีและดำเนินคดีต่อไป ศาลได้ตรวจสำนวนและบัญชีนัดแล้ว จึงได้ทราบว่าได้สั่งไปโดยผิดหลง ดังนี้ ศาลนั้นชอบที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นได้ และแม้จะมิได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์ และมิได้สอบถามจำเลย ก็ไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3301/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีและการเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ไม่ทราบคำสั่งศาล
ในคดีอาญา ศาลได้ทำการไต่สวนมูลฟ้อง สั่งว่าคดีมีมูลประทับฟ้อง และให้หมายเรียกจำเลยมาให้การแก้คดีและนัดสืบพยานโจทก์ กับให้โจทก์นำส่งหมายภายใน 7 วัน ถ้าส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 3 วัน โดยโจทก์ลงลายมือชื่อทราบคำสั่งนั้นแล้ว ต่อมาได้มีการนำส่งหมายเรียกแก่จำเลยโดยขอให้ศาลอื่นจัดการส่งให้เพราะจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลอื่น ศาลที่จัดการส่งหมายให้แจ้งมาว่าส่งหมายให้จำเลยไม่ได้เนื่องจากจำเลยไปอยู่ที่อื่น ไม่มีผู้ใดรับหมายแทน ศาลเจ้าของคดีสั่งลงในหนังสือนำส่งหมายคืนนั้นว่าให้โจทก์ทราบ จะดำเนินการอย่างไรต่อไปให้แถลงภายใน3 วัน แต่ไม่ปรากฏว่าคู่ความได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งนี้ ต่อมาเมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งเลยกำหนด 3 วันแล้วเจ้าพนักงานศาลรายงานว่า โจทก์มิได้มาติดต่อหรือยื่นคำแถลงต่อศาล ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 เพราะโจทก์ยังไม่ทราบคำสั่งของศาลที่ให้แถลงภายใน 3 วันนั้น
เมื่อศาลมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความแล้ว ในวันเดียวกันนั้นเองโจทก์ยื่นคำร้องแสดงเหตุผลว่า โจทก์มิได้จงใจที่จะทิ้งฟ้อง ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาแก้คดีและดำเนินคดีต่อไป ศาลได้ตรวจสำนวนและบัญชีนัดแล้ว จึงได้ทราบว่าได้ส่งไปโดยผิดหลง ดังนี้ ศาลนั้นชอบที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นได้ และแม้จะมิได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์ และมิได้สอบถามจำเลย ก็ไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา
เมื่อศาลมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความแล้ว ในวันเดียวกันนั้นเองโจทก์ยื่นคำร้องแสดงเหตุผลว่า โจทก์มิได้จงใจที่จะทิ้งฟ้อง ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาแก้คดีและดำเนินคดีต่อไป ศาลได้ตรวจสำนวนและบัญชีนัดแล้ว จึงได้ทราบว่าได้ส่งไปโดยผิดหลง ดังนี้ ศาลนั้นชอบที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นได้ และแม้จะมิได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์ และมิได้สอบถามจำเลย ก็ไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2730/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีแพ่งเมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการตามกฎหมายล้มละลาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างแรงงานและเรียกค่าเสียหาย ปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดในอีกคดีหนึ่งขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยได้ขอเข้าว่าคดีนี้แทนจำเลย และได้มีคำขอโดยทำเป็นคำร้องเพื่อให้ศาลสั่งจำหน่ายคดี ทั้งเป็นโจทก์คดีนี้ได้ยื่นคำขอรับชำรหนี้ไว้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะตรวจและสอบสวนแล้วทำความเห็นต่อศาลเพื่อมีคำสั่งตามนัยที่บัญญัติไว้ในมาตรา 105 และมาตรา 106 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ แม้ศาลฎีกาจะดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาไปในคดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ยังจะต้องทำการสอบสวนเพื่อเสนอความเห็นต่อศาลอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น การที่จะพิจารณาคดีนี้ต่อไปจึงไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างไร ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียได้ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ