คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ที่ดินพิพาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2652/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินพิพาท: ผู้ขายยังคงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ได้ แม้จะทำสัญญาจะซื้อขาย
ห. เป็นเจ้าของนาพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมี น.ส.3 ได้ทำสัญญากันเองขายให้ ส. ส. ชำระราคาบางส่วน ที่เหลือจะชำระในวันโอนทางทะเบียน ดังนี้ การซื้อขายนาพิพาทระหว่างห.กับส. มีข้อตกลงจะโอนทางทะเบียน แม้จะมีการตกลงให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองได้ระหว่างยังไม่ได้โอนนาพิพาท ก็เป็นแต่เพียงสัญญาจะซื้อขาย และเป็นการมอบที่ดินให้เข้าครอบครองแทนกันไปก่อน สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับ ห.เจ้าของนาพิพาทส. จะเข้าไปไถนา ปรากฏว่าจำเลยเข้าไปไถหว่านอยู่แล้วไม่ยอมให้ส.เข้าทำห. จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาบุกรุกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2540/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินพิพาท: ผลของสัญญาต่อเจ้าของเดิม และขอบเขตการบังคับใช้สัญญาต่อบุคคลภายนอก
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากับจำเลยร่วมให้จำเลยร่วมปลูกอาคารพานิชย์ ตลาดสด อาคารแผงลอยในที่พิพาท เมื่อสร้างเสร็จจำเลยร่วมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ทันที และจำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยร่วมเช่าอาคารพานิชย์ 15 ปี อาคารแผงลอย 10 ปี ดังนี้ สัญญาระหว่างจะเลยที่ 1 กับจำเลยร่วมเป็นสัญญาต่างตอบแทนอันก่อให้เกิดบุคคลสิทธิต่อกันเท่านั้น เมื่อศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ถึงแม้จำเลยร่วมจะได้ทำสัญญาดังกล่าวกับจำเลยที่ 1 โดยสุจริต ก็ไม่มีผลผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่พิพาท โจทก์จึงไม่ต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ซึ่งจำเลยที่ 1 มีต่อจำเลยร่วม จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาออกไปจากที่พิพาทตามคำขอบังคับของโจทก์ แต่ที่โจทก์ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยนั้น เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมทำสัญญาดังกล่าว โดยจำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมต่างเข้าใจโดยสุจริตว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมจึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จะขอให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าเดิมที่พิพาทเป็นของวัดโจทก์ ต่อมาปลัดอำเภอได้แจ้ง ส.ล. 1 ว่าเป็นของทางราชการมาก่อนใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ทางอำเภอเชื่อ จึงออก ส.ค.1 ให้ ต่อมาเมื่อตั้งสุขาภิบาลขึ้นทางอำเภอได้โอนที่ดินพิพาทให้สุขาภิบาลพังโคนจำเลยครอบครอง จึงขอให้ศาลเพิกถอน ส.ค. 1 และนิติกรรมการรับโอนที่พิพาท โอนที่ดินคืนให้โจทก์ ถ้าไม่ยอมโอนคืนให้ถือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยนั้น ที่โจทก์มีคำขอดังกล่าวก็เพื่อประสงค์ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์นั่นเอง ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้ และเมื่อศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แล้วก็ไม่ต้องเพิกถอน ส.ค.1 และไม่ต้องเพิกถอนนิติกรรมรับโอนที่พิพาทกับโอนที่พิพาทคืนให้โจทก์เพราะการแจ้ง ส.ค.1 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้แจ้งแต่อย่างใด ทั้งที่พิพาทรายนี้เป็นที่ดินมือเปล่าไม่อาจบังคับให้โอนกันทางทะเบียนได้ ที่พิพาทจึงย่อมกลับเป็นของโจทก์ตามเดิมตามคำพิพากษาดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดิน: การครอบครองแทนที่ไม่สุจริตและการโอนสิทธิที่ไม่มีผล
โจทก์มอบที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญของโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ครอบครองแทนแม้จำเลยที่ 1 จะไปร้องขอจนได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์มา ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ไม่มีอำนาจนำไปขายให้ผู้อื่น ส.รับซื้อไว้โดยไม่สุจริตเพราะทราบดีว่าไม่ใช่ของจำเลยที่ 1 ส.ย่อมไม่มีสิทธิในที่พิพาท แม้จำเลยที่ 2 จะรับโอนที่พิพาทจาก ส.โดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 ก็ไม่มีสิทธิอย่างใด เพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน กรณีจะปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องรักษาสิทธิครอบครองที่ดินหลังมีคำพิพากษาคดีก่อน คำพิพากษาผูกพันคู่ความตามกฎหมาย
คดีก่อนโจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินว่าใครจะเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าศาลได้พิพากษาชี้ขาดในคดีก่อนแล้วว่าโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท จำเลยมิได้ครอบครอง จำเลยยังไปขอออกโฉนด ขอให้ศาลสั่งยกเลิกคำขอออกโฉนดของจำเลย และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ ประเด็นในคดีจึงเป็นคนละประเด็นกับคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ศาลพิพากษายกคำร้องของโจทก์ในคดีก่อน เพราะไม่อาจพิพากษาให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท เนื่องจากเป็นที่ดินมือเปล่าและกรณีไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แต่ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดและคดีถึงที่สุดแล้วว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาท จำเลยไม่ได้ครอบครอง คำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมผูกพันคู่ความในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 จำเลยจะอ้างว่าตนเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฟ้องขับไล่จำกัดเฉพาะพื้นที่ที่เสียค่าขึ้นศาล แม้พิพากษาว่าที่ดินส่วนอื่นเป็นของโจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินหมาย ค.ในแผนที่พิพาทเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ และเสียค่าขึ้นศาลมาเฉพาะที่ดินส่วนนี้เท่านั้น จำเลยได้ฟ้องแย้งว่าที่ดินที่โจทก์อ้างว่าเป็นของโจทก์ทั้งหมดเป็นของจำเลยก็ตาม แต่โจทก์ก็เพียงแต่ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ที่ดินที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นของโจทก์เท่านั้น มิได้เสียค่าขึ้นศาลและขอให้ขับไล่จำเลยในที่ดินนอกจากหมาย ค.ด้วย แม้ทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาททั้งหมดเป็นของโจทก์ก็ตามศาลก็ต้องพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้เฉพาะหมาย ค. เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2312/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิคัดค้านการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทที่เป็นส่วนหนึ่งของสาธารณสมบัติ
จำเลยคัดค้านการที่โจทก์ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของหนองน้ำสาธารณะซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านจำเลยใช้ประโยชน์ร่วมกัน ดังนี้ หากเป็นดังจำเลยต่อสู้จำเลยย่อมมีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่พิพาทได้ จำเลยจึงมีสิทธิคัดค้านการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ดังกล่าว ตลอดจนต่อสู้คดีกับโจทก์ในชั้นศาลได้ และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2)สาธารณสมบัติของแผ่นดินได้แก่ทรัพย์สินของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันเป็นต้นว่าที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ฯลฯ มิได้มีบทบัญญัติว่าต้องมีหลักฐานทางทะเบียนของทางราชการ เพื่อแสดงว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน การที่จะวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือหนองน้ำสาธารณะจึงอาศัยเหตุแต่เพียงว่าหนองน้ำดังกล่าวไม่มีหลักฐานทางทะเบียนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายจากผู้ไม่มีสิทธิ & การครอบครองแทนเจ้าของ: สิทธิในที่ดินพิพาท
ที่พิพาทเป็นที่นามือเปล่าของจำเลยฝากให้ ส.ดูแลแทน เมื่อ ส.นำไปขายให้แก่โจทก์โดยจำเลยมิได้รู้เห็นหรือยินยอม จึงเป็นการที่โจทก์ซื้อจากผู้ที่ไม่มีสิทธิที่จะขายแก่ตนได้ การครอบครองของโจทก์ในนาพิพาทหลังจากการซื้อขายซึ่งไม่มีผลผูกพันจำเลยไม่ว่าจะนานสักเพียงใด ก็เป็นการครอบครองแทนจำเลยผู้เป็นเจ้าของ โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1924/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนที่ดินพิพาทไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อทายาทไม่ได้ยื่นคำขอรับมรดก และคำพิพากษาฎีกาผูกพันเฉพาะคู่ความ
คดีมีปัญหาว่า การลงชื่อทายาทตามฟ้องลงในแบบ น.ส.3ชอบหรือไม่เท่านั้น ฉะนั้น แม้โจทก์จะมิได้ระบุจำนวนเนื้อที่ที่พิพาทให้แน่ชัดว่าครอบครองจำนวนเท่าใดก็ตาม โจทก์ก็ได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา โดยบรรยายข้อเท็จจริงและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนระบุไว้ชัดแจ้งว่า "ให้แบ่งที่ดินพิพาทออกเป็น 9 ส่วน ให้โจทก์ทั้ง 3 ได้คนละ 1 ส่วน "คำพิพากษาดังกล่าวที่ให้แบ่งที่พิพาทเป็น 9 ส่วนก็เพื่อจะกำหนดจำนวนเนื้อที่ดินที่โจทก์แต่ละคนที่ฟ้องว่าควรจะได้รับส่วนแบ่งมากน้อยเพียงใดเท่านั้นคำพิพากษาย่อมมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความคือโจทก์ทั้งสามในคดีนั้น ส่วนทายาทอื่นไม่ได้เป็นโจทก์หรือร้องสอดเข้าเป็นโจทก์ร่วม จึงไม่อาจจะถือเอาประโยชน์จากคำพิพากษานี้ได้
ทายาทอื่นมิได้ยื่นคำขอรับมรดกในที่ดินแปลงพิพาทซึ่งจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดินว่าด้วยการได้มาซึ่งที่ดินกองมรดก การที่เจ้าพนักงานจดทะเบียนใส่ชื่อทายาทนั้นลงไว้ในแบบ น.ส.3 จึงไม่ถูกต้อง โจทก์ซึ่งเป็นทายาทและมีส่วนได้ในที่ดินแปลงพิพาทจึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้ของผู้อยู่อาศัยในที่ดินพิพาทที่อ้างสัญญาจองเช่ากับผู้ก่อสร้าง ย่อมไม่ใช่การเป็นบริวารของจำเลย
โจทก์ในฐานผู้จัดการมรดกของ น.ฟ้องจำเลยว่าทำการก่อสร้างอาคารลงในที่ดินของ น.โดยไม่มีอำนาจ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำขอของโจทก์สั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยและบริวารเข้าไปอยู่และทำการค้าในที่ดิน และอาคารที่กำลังก่อสร้างของ น. ต่อมาศาลชั้นต้นเห็นว่า ย. เป็นบริวารจำเลยมีคำสั่งให้ ย. ปฏิบัติตามคำสั่งห้ามชั่วคราว ดังนี้เมื่อ ย. ต่อสู้ว่า ย. ได้จองเช่าอาคารจากจำเลยโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและด้วยความรู้เห็นยินยอมของเจ้าของที่ดิน จึงเป็นเรื่อง ย.ยกข้อต่อสู้ของตนเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก ในชั้นนี้ยังฟังไม่ได้ว่า ย.เป็นบริวารของจำเลย ศาลจะบังคับ ย.ตามคำร้องขอให้จับ ย. ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาเดิม: โจทก์ฟ้องซ้ำไม่ได้หากเคยถูกตัดสินแล้วว่าที่ดินพิพาทไม่อยู่ในโฉนด
จำเลยเคยยื่นคำร้องในคดีก่อนอ้างว่าที่พิพาทเป็นที่ดินในโฉนดของโจทก์ ซึ่งจำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปกปักษ์ขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่าจำเลยมิได้ครอบครองรุกล้ำเข้ามาในที่ดินโฉนดของโจทก์ ความจริงจำเลยเข้าไปอาศัยและทำนาโดยอาศัยสิทธิการเช่าของบุคคลอื่นที่เช่าที่ดินไปจากโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยมิได้ครอบครองรุกล้ำเข้าไปในเขตโฉนดของโจทก์ โดยต่างคนต่างครอบครองตามแนวเขตที่ดินของตนไม่ปรปักษ์กัน ดังนี้ คำพิพากษาคดีก่อนจะชอบหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์จึงต้องผูกพันในคำพิพากษานั้นว่า ที่พิพาทไม่ได้อยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 การที่โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีหลังและนำสืบว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจึงรับฟังไม่ได้
แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้อง แต่เมื่อคำพิพากษาวินิจฉัยมีผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิของจำเลย จำเลยย่อมอุทธรณ์ได้
of 51