คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บุกรุก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 787 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3834/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: บุกรุกเพื่อข่มขืน ไม่ตัดสิทธิฟ้องฐานบุกรุก แม้ถอนฟ้องฐานข่มขืน
จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายแล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมาย หลายบท แต่เฉพาะความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้นที่เป็นความผิดอันยอมความได้การที่ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในความผิดฐานนี้ คงมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์เฉพาะความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราระงับไป ส่วนความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 มิใช่ความผิดอันยอมความได้ การถอนคำร้องทุกข์ดังกล่าวย่อมไม่ตัดสิทธิของพนักงานอัยการโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยในความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 126 วรรคสอง ฉะนั้นสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับ ลงโทษจำเลยในความผิดฐานบุกรุกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3834/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาข่มขืนเป็นสำคัญ ความผิดบุกรุกไม่ยอมความ สิทธิฟ้องคดีอาญาไม่ระงับ
การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายแล้ว ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจำเลยมีเจตนาเข้าไปเพื่อข่มขืนกระทำชำเรา เป็นสำคัญการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมาย หลายบท เฉพาะความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้นที่เป็น ความผิดอันยอมความได้การถอนคำร้องทุกข์คงมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญา มาฟ้องของโจทก์เฉพาะความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราระงับไป ส่วนความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 มิใช่ความผิดอันยอมความได้การถอนคำร้องทุกข์ย่อมไม่ตัดสิทธิ ของพนักงานอัยการโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยในความผิดฐานนี้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 126 วรรคสอง สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงไม่ระงับคดีลงโทษจำเลย ในความผิดฐานบุกรุกตามที่จำเลยให้การรับสารภาพได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2265/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินคูเมืองเก่าเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ผู้บุกรุกไม่มีสิทธิครอบครอง
ตัวเมืองนครศรีธรรมราชเก่าเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีกำแพงเมืองล้อมรอบทั้งสี่ด้าน นอกกำแพงเมืองมีคูล้อมรอบเช่นเดียวกันคูเมืองกว้างประมาณ 10 วาโดยตลอดตัวเมืองนครศรีธรรมราชเก่าเป็นของทางราชการและสถานที่ราชการใช้ บริหารราชการแผ่นดินในเขตเมืองนครศรีธรรมราช ฉะนั้น เมืองนครศรีธรรมราชเก่าจึงเป็นของหลวงหรือทรัพย์สินใช้เพื่อ ประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะผู้ใดจะถือเอาครอบครองเป็น กรรมสิทธิ์ส่วนตัวหาได้ไม่แม้ต่อมาจะปรากฏว่าได้มีการรื้อกำแพงเมืองลงบางส่วนเหลือแต่ฐานกำแพงเมืองแล้วใช้ ฐานกำแพงทำเป็นถนนและคูเมืองได้ตื้นเขินขึ้นเป็นที่ราบ แล้วมีราษฎรไปครอบครองปลูกเรือนอยู่อาศัยและใช้เป็น ที่ทำกินรวมถึงที่ดินพิพาทที่จำเลยครอบครองอยู่ด้วยก็หาได้ทำให้ฐานะของเมืองนครศรีธรรมราชเก่าพ้นสภาพจากการเป็นของหลวงหรือแผ่นดินไม่โดยเฉพาะคูเมืองแต่เดิมทางราชการสมัยก่อนใช้เป็นที่ป้องกันข้าศึกศัตรูจึงเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามอนุมาตรา (3) แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 และเป็นที่ราชพัสดุ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 ด้วยแม้ที่พิพาทจะมีสภาพเป็นที่นาแต่ก็ยังเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอันเป็นที่ราชพัสดุจำเลยจึงหาได้ สิทธิครอบครองไม่
โจทก์ร่วมเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ ตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 มาตรา 5 โจทก์ร่วม ย่อมมีสิทธิให้โจทก์เช่าที่ดินพิพาทได้เมื่อจำเลยเข้าครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ไม่ยอมออกไปโจทก์และโจทก์ร่วม ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3257/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: บุกรุกเพื่อกระทำอนาจาร – ลงโทษตามบทที่มีโทษหนักสุด
จำเลยบุกรุกเข้าไปในห้องนอนในบ้านซึ่งเป็นเคหสถานของผู้เสียหายในขณะผู้เสียหายนอนหลับอยู่ แล้วจำเลยได้กระทำอนาจารผู้เสียหาย ดังนี้ เป็นการกระทำต่อเนื่องยังมิได้ขาดตอน และเจตนาของจำเลยก็เพื่อกระทำอนาจารเท่านั้น แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องเป็นการกระทำสองตอน คือบุกรุกเข้าไปในเคหสถานและกระทำอนาจารซึ่งจำเลยรับสารภาพก็ตาม จะลงโทษจำเลยหลายกรรมต่างกันเป็นหลายกระทงความผิดมิได้ต้องลงโทษฐานกระทำอนาจารตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3071/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยบุกรุกที่ดินของผู้อื่นโดยเจตนา แม้จะรู้ว่าที่ดินนั้นเป็นของโจทก์ และมีการจำนองแล้ว
จำเลยทราบดีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วมทั้งสองซึ่งครอบครองอยู่ก่อนโดยมี น.ส.3 เป็นหลักฐาน เมื่อโจทก์ร่วมนำที่พิพาทไปจำนอง จำเลยก็รู้เห็นในการจำนองด้วย การที่จำเลยเข้าไปบุกรุกแผ้วถางที่พิพาทจึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยเข้าใจผิดหรือขาดเจตนาแต่อย่างใด จำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์
ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เมื่อจำเลยผิดตามมาตรา 359แล้วก็ไม่จำต้องยกมาตรา 358 ขึ้นปรับบทลงโทษอีก (อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115/2516)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2807/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย: การต่อสู้ป้องกันตัวจากกลุ่มผู้บุกรุกทำร้ายร่างกาย
การที่ผู้ตายกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้านของจำเลยทำร้ายร่างกายน้องเขยจำเลยจนสลบและจะรุมทำร้ายจำเลยอีกจำเลยย่อมมีสิทธิกระทำการใด ๆเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้มีดดาบแทงผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะที่จำเลยต่อสู้เพื่อให้พ้นจากการรุมทำร้ายของผู้ตายกับพวก จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทั้งกำลังชุลมุนต่อสู้กัน ฝ่ายจำเลยมีเพียงคนเดียว ส่วนผู้ตายกับพวกมีอยู่ถึงสามคน ไม่
ปรากฏว่าขณะนั้นพวกผู้ตายคนใดอยู่ในลักษณะอย่างใดตามรายงานการตรวจศพได้ความว่าผู้ตายถูกแทงเพียงทีเดียวดังนั้นการที่จำเลยแทงผู้ตายด้านหลังจึงรับฟังไม่ได้ว่า ภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำเพื่อป้องกันตนของจำเลยยังไม่หมดไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2531/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกเคหสถาน-พยายามทำร้ายร่างกาย: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองกับพวกมาที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 1ถือปืนสั้นขึ้นไปบนชานบ้านจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 3 คน ถือมีดสั้นคนละเล่มยืนอยู่ที่เชิงบันไดบ้านจำเลยที่ 1 ร้องเรียกชื่อผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ขานรับเพราะกลัว แล้วผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกวิ่งไล่ติดตามไปในระยะห่างประมาณวาเศษ ผู้เสียหายวิ่งหนีขึ้นไปบนบ้านของ ส. ซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหาย ประมาณ 30 วา จำเลยกับพวกจึงหยุดและพากันกลับไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายาม ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแล้ว
การที่จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย ด้วยเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกก็วิ่งตามไปในบันทึกทันใดเพื่อที่จะทำร้ายให้ได้ เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิมยังมิได้ขาดตอนการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2531/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกเคหสถาน-พยายามทำร้ายร่างกาย: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองกับพวกมาที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 1ถือปืนสั้นขึ้นไปบนชานบ้านจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 3 คนถือมีดสั้นคนละเล่มยืนอยู่ที่เชิงบันไดบ้านจำเลยที่ 1 ร้องเรียกชื่อผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ขานรับเพราะกลัว แล้วผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกวิ่งไล่ติดตามไปในระยะห่างประมาณวาเศษ ผู้เสียหายวิ่งหนีขึ้นไปบนบ้านของ ส. ซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหาย ประมาณ 30 วาจำเลยกับพวกจึงหยุดและพากันกลับไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายาม ทำร้าย ร่างกายผู้เสียหายแล้ว การที่จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย ด้วยเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกก็วิ่งตามไปในบันทึกทันใดเพื่อที่จะทำร้ายให้ได้เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิมยังมิได้ขาดตอนการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2407/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยมีเจตนาชู้สาว ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365
จำเลยได้รับอนุญาตให้นั่งดูโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ในห้องโถงนอกห้องนอนของผู้เสียหาย จะถือว่าผู้เสียหายอนุญาตให้เข้าไปในห้องนอนไม่ได้ การที่จำเลยเข้าไปจะล้มตัวลงนอนกับผู้เสียหายในขณะที่สามีผู้เสียหายเมาเหล้านอนอยู่นอกห้องนอนในเวลาดึก ดังนี้ จำเลยมีเจตนาร้ายต่อผู้เสียหายในทางชู้สาว เป็นการเข้าไปในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยไม่มีเหตุอันสมควร มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องและการบุกรุกเพื่อทำร้าย ศาลพิจารณาเป็นกรรมเดียวและกรรมหลังตามบทกฎหมาย
จำเลยทั้งสามทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันตามฟ้องข้อ ก.เสร็จสิ้นแล้ว เป็นความผิดกรรมแรก ต่อมาจำเลยที่ 3 ถือชะแลงเหล็กเป็นอาวุธบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และการทำร้ายซึ่งกันและกันของจำเลยทั้งสามตามฟ้องข้อ ข. และข้อ ค. เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งเป็นกรรมหลัง ซึ่งในกรรมหลังนี้ การบุกรุกของจำเลยที่ 3 ก็โดยมีเจตนาจะเข้าไปทำร้ายและได้ทำร้ายจำเลยที่ 1 การกระทำความผิดตามฟ้องข้อ ข. และข้อ ค. จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายจำเลยที่ 3 รับอันตรายสาหัสตามฟ้องข้อ ค.
of 79