คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ภูมิลำเนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้ศาลสั่งให้บุคคลเป็นคนสาบสูญ เมื่อขาดการติดต่อและออกจากภูมิลำเนาเป็นเวลานาน
ในคดีที่ผู้ร้องร้องขอให้บิดาของผู้ร้องเป็นคนสาบสูญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 และมีผู้คัดค้านเข้ามาในคดี เมื่อพยานหลักฐานของผู้ร้องและผู้คัดค้านไม่มีใครทราบแน่ว่า บิดาผู้ร้องเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่เมื่อฟังได้ว่าบิดาผู้ร้องไปจากภูมิลำเนาได้ 20 ปีเศษแล้ว โดยไม่กลับมาอีกเลย กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 64 ในอันที่จะมีคำสั่งให้บิดาผู้ร้องเป็นคนสาบสูญได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1297/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งคำบังคับที่ภูมิลำเนาที่ไม่ถูกต้องและการขอพิจารณาคดีใหม่
คำขอของจำเลยกล่าวว่า เพราะโจทก์ส่งหมายเรียกหมายนัดตลอดจนคำบังคับ ณ ที่ดินซึ่งมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลย เป็นเหตุให้จำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง ไม่มีโอกาสต่อสู้คดีมาแต่ต้น ถือได้ว่าคำขอของจำเลยได้แสดงเหตุแห่งการล่าช้าอันเนื่องมาจากพฤติการณ์นอกเหนือ ซึ่งจำเลยไม่อาจรู้ได้ ทำให้จำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ภายใน 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับให้จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลไทยเหนือจำเลยต่างชาติในคดีหนี้เหนือบุคคล
ในกรณีเกี่ยวกับหนี้เหนือบุคคล ถ้าจำเลยเป็นชาวต่างประเทศและอยู่ในต่างประเทศ ไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย แม้มูลกรณีจะเกิดในเขตศาลไทยหรือจำเลยมีทรัพย์อยู่ในเขตศาลนั้น โจทก์ก็ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยต่อศาลไทย จนกว่าจำเลยจะได้เข้ามาในประเทศไทย และศาลจะดำเนินคดีต่อไปได้ก็ต่อเมื่อไดส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยแล้ว
การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเมืองต่างประเทศตามมาตรา 34 นั้น ใช้ในกรณีที่ศาลรับฟ้องของโจทก์ไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาในต่างประเทศซึ่งศาลอาจขอร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดการให้ตามความสัมพันธ์ทางการต่างประเทศได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและภูมิลำเนา การครอบครองที่ดิน และสิทธิเหนือที่ดินสาธารณสมบัติ
(1) เดิมจำเลยทำงานอยู่ที่แห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี และโจทก์ได้ฟ้องอ้างถิ่นที่อยู่แห่งนี้และเจ้าพนักงานศาลก็นำหมายเรียกและสำเนาฟ้องส่งแก่จำเลย ณ ที่นี้ และพบจำเลย ๆ ไม่ยอมรับ เจ้าพนักงานจึงวางหมายไว้ ถือว่าได้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยชอบแล้ว ถึงแม้จะปรากฏว่าจำเลยได้ย้ายไปทำงานอยู่อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี ยังคงกินอยู่หลับนอนอยู่ที่เดิม
(2) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 นั้น จำเลยไม่มีสิทธิอ้างพยานเอกสารมาสืบ
(3) ถึงแม้จะปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังจำเลยว่าก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลย เพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างราษฎรด้วยกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกที่ชอบด้วยกฎหมาย และสิทธิการครอบครองที่ดินระหว่างราษฎร
(1) เดิมจำเลยทำงานอยู่ที่แห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี และโจทก์ได้ฟ้องอ้างถิ่นที่อยู่แห่งนี้และเจ้าพนักงานศาลก็นำหมายเรียกและสำเนาฟ้องส่งแก่จำเลย ณ ที่นี้และพบจำเลยๆ ไม่ยอมรับเจ้าพนักงานจึงวางหมายไว้ถือว่าได้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยชอบแล้ว ถึงแม้จะปรากฏว่าจำเลยได้ย้ายไปทำงานอยู่อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรีแต่จำเลยหาได้ย้ายทะเบียนและครอบครัวไปไม่ ยังคงกินอยู่หลับนอนอยู่ที่เดิม
(2) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 นั้นจำเลยไม่มีสิทธิอ้างพยานเอกสารมาสืบ
(3) ถึงแม้จะปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังจำเลยว่าก็ตามแต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่าจำเลยเพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างราษฎรด้วยกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาจำเลย - การฟ้องคดีเมื่อจำเลยมีถิ่นที่อยู่สองแห่ง ศาลมีอำนาจพิจารณาได้
แม้จำเลยจะอ้างว่าได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่จังหวัดพระนครแล้วก่อนโจทก์ฟ้อง 8 วันก็ดี หากมีหลักฐานแสดงอยู่ว่าจำเลยยังคงมีบ้านและถิ่นที่อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ดังเดิมด้วย ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่สองแห่งคือ ทั้งที่เชียงใหม่และจังหวัดพระนครซึ่งโจทก์ย่อมถือเอาแห่งใดแห่งหนึ่งว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลยและยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเชียงใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระบุสถานที่เกิดเหตุในฟ้องอาญาคดีเช็ค การระบุชื่อธนาคารและภูมิลำเนาจำเลยเพียงพอ
คำฟ้องต่อศาลแขวง จะต้องกล่าวระบุให้ปรากฏสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามที่มีบทบังคับอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้น เมื่อได้ระบุถึงเลขที่ของเช็คและชื่อธนาคารที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายอันเป็นมูลแห่งความผิดมาในฟ้องแล้ว แม้จะมิได้ระบุสถานที่ตั้งของธนาคารก็ตามแต่โจทก์ก็ได้ระบุภูมิลำเนาของผู้สั่งจ่าย คือ จำเลยไว้ จึงพอถือได้ว่า ฟ้องโจทก์ได้ระบุสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานที่เกิดเหตุในฟ้องอาญา ความผิดเช็ค การระบุภูมิลำเนาผู้สั่งจ่ายเพียงพอ
คำฟ้องต่อศาลแขวง จะต้องกล่าวระบุให้ปรากฏสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามที่มีบทบังคับอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คนั้น เมื่อได้ระบุถึงเลขที่ของเช็คและชื่อธนาคารที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายอันเป็นมูลแห่งความผิดมาในฟ้องแล้วแม้จะมิได้ระบุสถานที่ตั้งของธนาคารก็ตามแต่โจทก์ก็ได้ระบุภูมิลำเนาของผู้สั่งจ่าย คือจำเลยไว้ จึงพอถือได้ว่าฟ้องโจทก์ได้ระบุสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่6/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฟ้องหย่า: ความสะดวกในการดำเนินคดีและภูมิลำเนาของคู่ความ
โจทก์ซึ่งเป็นสามีจำเลยมีภูมิสำเนาอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ฟ้องขอหย่าขาดกับจำเลยต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพระนครในเขตศาลแพ่ง แต่มูลคดีอันเป็นเหตุขอหย่าตามที่โจทก์ฟ้อง เกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้งตัวโจทก์และพยานโจทก์มีภูมิลำเนาในจังหวัดอุตรดิตถ์ ถ้าดำเนินการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ จะเป็นการสดวกจึงขออนุญาตยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ เช่นนี้ บทกฎหมายอันว่าด้วยการฟ้องคดีแพ่งนั้น บัญญัติขึ้นเพื่อจะให้ความสดวกแก่การฟ้องร้องคดีการต่อสู้คดีและการพิจารณาคดีประกอบกัน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) จะเห็นได้ว่า กฎหมายให้พิจารณาถึงความสดวกเป็นสำคัญ จะว่าหากให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จำเลย จะต้องลำบากในการไปจากจังหวัดพระนคร แต่การให้ไปฟ้องยังศาลในจังหวัดพระนคร โจทก์ก็ต้องลำบากเช่นเดียวกันตามเหตุที่อ้างในคำร้องของโจทก์นั้น ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ก็เป็นศาลที่มีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) และการให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ก็เป็นการสดวกแก่พยาน หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ยังไม่เป็นที่พอใจตามคำร้องของโจทก์หรือสงสัยประการใด ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จะสอบถามหรือไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 ก่อนก็ได้
กรณีเช่นนี้ กล่าวทางแง่ของจำเลย หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ อนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ถ้าไม่มีเหตุสมควรที่จะทำการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ่จำเลยก็ยังมีทางแก้ไข โดยยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 6 ขอโอนคดีไปยังศาลในจังหวัดพระนครได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าบ้านและการเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนา ผู้เช่าหมดสิทธิคุ้มครองค่าเช่า
เช่าบ้านอยู่ในจังหวัดธนบุรี แล้วย้ายไปรับราชการและไปมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเสียถึง 3 ปีคงมีบริวารอยู่ในบ้านเช่าเท่านั้นดังนี้ ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯเพราะไปมีภูมิลำเนาอยู่ที่อื่นเสียหลายปีแล้ว
of 39