คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยักยอกทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 543 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์: ความรับผิดของเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปกครองรักษาเงินและผู้สมรู้ร่วมคิด
พนักงานบำรุงป่า รับเงินเดือนจากงบประมาณประเภทบำรุงป่า เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ป่าไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ การสอบ บรรจุ โอนตั้งย้ายและให้ความดีความชอบเลื่อนอันดับเงินเดือน ถือตาม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือนโดยยอมโลม นั้น ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายแล้ว
เจ้าพนักงานอื่นร่วมในกับเจ้าพนักงานมีหน้าที่ปกครองรักษาเงินในหน้าที่ราชการ ยักยอกเงินซึ่งอยู่ในความปกครองรักษาของตนไปนั้น เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปกคครองรักษาเงินมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 ส่วนเจ้าพนักงานอื่นนั้น มีผิดเพียงฐานสมรู้ เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์: ความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด vs. ความผิดฐานยักยอกทรัพย์โดยตรง
พนักงานบำรุงป่า รับเงินเดือนจากงบประมาณประเภทบำรุงป่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ป่าไม้ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้การสอบ บรรจุโอนตั้งย้ายและให้ความดีความชอบเลื่อนอันดับเงินเดือน ถือตาม พระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือนโดยอนุโลมนั้น ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายแล้ว
เจ้าพนักงานอื่นร่วมใจกับเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปกครองรักษาเงินในหน้าที่ราชการยักยอกเงินซึ่งอยู่ในความปกครองรักษาของตนไปนั้นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปกครองรักษาเงินมีผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 ส่วนเจ้าพนักงานอื่นนั้น มีผิดเพียงฐานสมรู้ เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฉ้อโกงและการยักยอกทรัพย์: การแยกความผิดฐานและความสมบูรณ์ของฟ้อง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยฉ้อโกงและว่าจำเลยเอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียนั้น ไม่เป็นฟ้องในความผิดฐานยักยอก
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มีต้องยกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องยักยอกทรัพย์ที่เคลือบคลุม ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกเงินของบริษัทหลายครั้งเป็นจำนวนเงินจำนวนหนึ่ง ในระหว่างเวลาประมาณ 3 เดือนขอให้ลงโทษโดยมิได้บรรยายให้แจ้งชัดว่ายักยอกเงินรายไหน ประเภทใดทั้งที่โจทก์รู้รายการละเอียดเหล่านั้นในสำนวนการสอบสวนอยู่ดีแล้วดังนี้ ได้ชื่อว่าฟ้องเคลือบคลุมจะลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีสิทธิหักล้างหลักฐานในคดีอาญาที่มีคำขอให้ใช้ทรัพย์ แม้ปฏิเสธลอยๆ ศาลต้องพิสูจน์การยักยอกทรัพย์
คดีอาญา ซึ่งมีคำขอให้ใช้ทรัพย์รวมอยู่ด้วยนั้น แม้จำเลยให้การปฏิเสธลอยๆ ว่าไม่ได้กระทำผิดดั่งฟ้องจำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะนำสืบหักล้างหลักฐานพยานโจทก์ในข้อหาทางอาญาได้ว่าจำเลยไม่ได้ทำการยักยอกทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริตออกใบสั่งจ่ายเกินจำนวนจริง และยักยอกทรัพย์ของรัฐ
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นพนักงานสังกัดกรมการสัตว์ทหารลก จำเลยที่ 1 เป็นผู้แก้เลขจำนวนของ(ผ้าสีกาดีนวล) ในต้นขั้วใบสั่งจ่าย (จาก 107 ผืนเป็น 307 ผืน) และจำเลยที่ 1 ได้ยักยอกผ้ากากีนวลปุนอนที่เจ้าหน้าที่กองคลังจ่ายเกิน(200 ฝืนตามจำนวนที่แก้) จากฎีกาที่ตั้งเบิกไปนั้นเสีย ดังนี้เมื่อจำเลยที่ 3 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและจดบัญชีสิ่งของ( แอ๊กมี่ 2) กับเขียนต้นขั้วใบสั่งจ่ายของ ใบนำออกและใบสั่งจ่ายเป็นเงิน 5,176 บาทอันเป็นราคาของผ้าจำนวน 307 ผืนตั้งแต่แรก และเมื่อลงบัญชีแอ๊กมี่ 2 จำเลยที่ 3 ยังเอาความเท็จมาแทงจำหน่ายว่าได้จ่ายผ้าให้กรมการสัตว์ทหารบกไป 307 ผืนราคา 5,176 บาทให้ตรงกันอีกโดยไม่มีข้อแก้ตัวดังนี้จำเลยที่ 3 ได้ชื่อว่าสมคบจำเลยที่ 1 กระทำความผิด
อนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 รู้อยู่ว่าฎีกา(ที่ 2/2495) ของกรมการสัตว์ทหารบกได้รับอนุญาตให้เบิกผ้าสีกากีนวลปูนอนได้เพียง 107 ผืน แต่จำเลยที่ 3 กลับนำความซึ่งรู้อยู่ว่าเท็จมาจดลงในใบสั่งจ่ายของและบัญชีแอ๊กมี่ 2 ว่าได้จ่ายผ้าสีกากีนวลปูนอนให้กรมการสัตว์ทหารบก 307 ผืนเช่นนี้จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดตามมาตรา 230 ไม่ใช่ตามมาตรา 133 เพราะจำเลยที่ 3 ไม่ใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด ๆ แล้วไปกระทำการเกี่ยวข้อหาผลประโยชน์หรือกำไรโดยเอาส่วนลดและกำไรในการซื้อขายหรือเข้าหุ้นส่วนกับผู้ซื้อ และไม่ใช่ตามมาตรา 317 ที่โจทก์อ้าง
ความผิดของจำเลยที่ 3 คาน ม.230 นั้นมิใช่ทำต่อทรัพย์ของรัฐบาลที่จำเลยที่ 1 เอาไป จึงไม่ต้องด้วย ม.89 พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร 2477 ดังนี้ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยที่ 3 ใช้ราคาทรัพย์ตามที่โจทก์ขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริต, ยักยอกทรัพย์, จดทะเบียนเท็จ: ความผิดตามมาตรา 230 และการสมคบกระทำผิด
จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นพนักงานสังกัดกรมการสัตว์ทหารบก จำเลยที่ 1 เป็นผู้แก้เลขจำนวนของ(ผ้าสีกากีนวล) ในต้นขั้วใบสั่งจ่าย(จาก 107 ผืนเป็น 307 ผืน) และจำเลยที่ 1 ได้ยักยอกผ้ากากีนวลปูนอนที่เจ้าหน้าที่กองคลังจ่ายเกิน (200 ผืนตามจำนวนที่แก้) จากฎีกาที่ตั้งเบิกไปนั้นเสีย ดังนี้เมื่อจำเลยที่3 ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและจดบัญชีสิ่งของ(แอ๊กมี่2) กับเขียนต้นขั้วใบสั่งจ่ายใบสั่งจ่ายของ ใบนำออกและใบแจ้งจำนวนได้คิดราคาผ้าใส่ไว้ในต้นขั้วใบสั่งจ่ายและใบสั่งจ่ายเป็นเงิน 5076 บาทอันเป็นราคาของผ้าจำนวน 307 ผืนตั้งแต่แรก และเมื่อลงบัญชีแอ๊กมี่2จำเลยที่ 3 ยังเอาความเท็จมาแทงจำหน่ายว่าได้จ่ายผ้าให้กรมการสัตว์ทหารบกไป 307 ผืนราคา 5,176 บาท ให้ตรงกันอีกโดยไม่มีข้อแก้ตัว ดังนี้จำเลยที่ 3 ได้ชื่อว่าสมคบกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด
อนึ่ง เมื่อจำเลยที่ 3 รู้อยู่ว่าฎีกา (ที่2/2495) ของกรมการสัตว์ทหารบกได้รับอนุญาตให้เบิกผ้าสีกากีนวลปูนอนได้เพียง 107 ผืน แต่จำเลยที่ 3 กลับนำความซึ่งรู้อยู่ว่าเท็จมาจดลงในใบสั่งจ่ายของและบัญชีแอ๊กมี่2ว่าได้จ่ายผ้าสีกากีนวลปูนอนให้กรมการสัตว์ทหารบก 307 ผืนเช่นนี้ จำเลยที่ 3 จึงมีความผิดตามมาตรา 230 ไม่ใช่ตามมาตรา 133 เพราะจำเลยที่ 3 ไม่ใช่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใดๆ แล้วไปกระทำการเกี่ยวข้องหาผลประโยชน์หรือกำไรโดยเอาส่วนลดและกำไรในการซื้อขายหรือเข้าหุ้นส่วนกันซื้อ และไม่ใช่ตามมาตรา 317 ที่โจทก์อ้าง
ความผิดของจำเลยที่ 3 ตามมาตรา 230 นั้นมิใช่ทำต่อทรัพย์ของรัฐบาลที่จำเลยที่ 1 เอาไป จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 89 พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลทหาร 2477 ดังนี้ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยที่ 3 ใช้ราคาทรัพย์ตามที่โจทก์ขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีอาญา: ยักยอกทรัพย์, การระบุรายละเอียดการกระทำ, วันเวลา, และเจตนา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกโดยระบุวันเวลาที่จำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์จากเจ้าทุกข์ เพื่อนำไปขาย ถ้าขายได้ หรือขายไม่ได้ ก็จะนำทรัพย์เหล่านั้นและเงินค่าขายมาส่งคืนภายใน 10 วัน ได้ระบุวันที่จะคืนด้วย แล้วบรรยายต่อ ไปว่า จำเลยได้รับทรัพย์ไปแล้วไม่นำมาส่งให้เจ้าทุกข์ตามกำหนด จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริต ยักยอกเอา ทรัพย์ดังกล่าวไว้ เจ้าทุกข์ทราบเหตุการณ์ในวันครบกำหนด จึงได้ร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าว ไป นั้น ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่กล่าวถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ เกี่ยวกับเวลา ฯลฯ พอสมควรให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องอันถูกต้องตาม ป.ม.ว.อาญามาตรา 158 แล้ว./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องอาญา การระบุเวลาในความผิดยักยอกทรัพย์ไม่จำเป็นต้องระบุวันเวลาที่แน่นอน
ฟ้องว่าเมื่อ 2487 จำเลยรับมอบไม้ของผู้เสียหาย ให้รักษาไว้ต่อมาวันใดเวลาใดไม่ปรากฏ ใน พ.ศ.2492ผู้เสียหายได้รับไม้คืนไปทั้งจำเลยคงรับมอบหมายให้รักษาไว้ต่อไปอีก 2 ท่อนตั้งแต่จำเลยรับมอบหมายไม้สองท่อนไว้ถึง 28 สิงหาคม 2494 เวลาใดไม่ปรากฏจำเลยบังอาจเอาไม้สักทั้ง 2 ท่อนนั้นไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยเองฯลฯ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314ฯลฯ ดังนี้ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายทรัพย์สินที่อยู่ในความดูแล แต่ไม่ได้ครอบครอง ยึดถือเป็นลักทรัพย์ ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์
จำเลยเป็นคนงานของกรมทางผู้บังคับบัญชาใช้ให้จำเลยเฝ้าฟืนหลาของกรมทางไว้ไม่ให้เป็นอันตรายสูญหาย ดังนี้ ถือว่าฟืนหลานั้นไม่ได้อยู่ในความยึดถือครอบครองของจำเลย แต่อยู่กับผู้บังคับบัญชาจำเลย ฉะนั้นเมื่อจำเลยเอาฟืนเหลานั้นไปโดยทุจริตจำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์, มิใช่ยักยอกทรัพย์
of 55