คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
รายละเอียด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 343 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16562/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องความผิดตาม พ.ร.บ.ความลับทางการค้า ต้องระบุรายละเอียดองค์ประกอบความผิดและข้อมูลสนับสนุนครบถ้วน มิฉะนั้นเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบ
สำหรับในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 69 วรรคสอง ประกอบมาตรา 27 และมาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 การพิจารณาว่าคำฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ จึงต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงเท่าที่โจทก์บรรยายไว้แล้วในคำฟ้องเท่านั้น โดยเทียบเคียงบทบัญญัติตามมาตราในกฎหมายที่โจทก์มีคำขอ ให้ลงโทษจำเลยว่า โจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดที่บัญญัติไว้ในมาตราเหล่านั้นครบถ้วนหรือไม่ เพราะปัญหาว่าคำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ใช่ปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่ต้องพิจารณาว่าในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงว่าอย่างไร ครบองค์ประกอบของความผิดนั้นหรือไม่ เพราะคำฟ้องต้องชอบด้วยกฎหมายที่ศาลจะรับไว้พิจารณาต่อไปได้เสียก่อน การที่โจทก์จะอุทธรณ์จึงต้องอุทธรณ์เพื่อโต้แย้งคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางว่า เมื่อพิจารณาจากการบรรยายฟ้องแล้ว โจทก์เห็นว่าคำบรรยายฟ้องนั้นชอบด้วยกฎหมายในส่วนนี้แล้วอย่างไร คำวินิจฉัยของศาลขัดหรือคลาดเคลื่อนกับที่โจทก์บรรยายฟ้องไว้อย่างไร เพื่อให้เห็นได้ว่าศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร เมื่อโจทก์เพียงแต่อุทธรณ์โดยยกเอาข้อเท็จจริงตามคำเบิกความชั้นไต่สวนมูลฟ้องของพยานโจทก์มากล่าวอ้างว่าได้เบิกความไว้ว่าอย่างไร แล้วสรุปว่าคำบรรยายฟ้องของโจทก์แจ้งชัดแล้ว จึงไม่ใช่การอุทธรณ์ในข้อกฎหมายเพื่อโต้แย้งข้อวินิจฉัยในคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง อุทธรณ์ของโจทก์ดังกล่าวเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 และ ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง
ข้อมูลที่จะเป็นความลับทางการค้าตาม พ.ร.บ.ความลับทางการค้า พ.ศ.2545 มาตรา 3 ต้องเป็นข้อมูลการค้า แต่ฟ้องโจทก์มิได้ระบุว่าข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งโรงไฟฟ้า สถานที่ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แผนผังของโรงไฟฟ้าและข้อมูลอื่น ๆ ที่โจทก์ศึกษาเป็นข้อมูลการค้าและข้อมูลในการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้พลังงานลมเป็นต้นกำลังเกี่ยวกับเรื่องใดที่โจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ควบคุมความลับทางการค้าเก็บไว้เป็นความลับ แม้โจทก์จะไม่ต้องระบุถึงรายละเอียดของข้อมูลที่เก็บเป็นความลับนั้น โจทก์ก็ต้องระบุในฟ้องว่าเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องใดและใช้มาตรการใดที่เหมาะสมเพื่อรักษาข้อมูลนั้นไว้เป็นความลับ ทั้งมิได้ระบุในฟ้องว่าข้อมูลที่โจทก์เก็บเป็นความลับเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ในเชิงพาณิชย์เนื่องจากการเป็นความลับอย่างไร ทั้งการกระทำที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ความลับทางการค้าฯ มาตรา 33 ต้องระบุในฟ้องว่า จำเลยทั้งสามเปิดเผยความลับทางการค้าของโจทก์เรื่องใดให้เป็นที่ล่วงรู้โดยทั่วไปในประการที่ทำให้ความลับทางการค้านั้นสิ้นสภาพการเป็นความลับทางการค้าโดยเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ผู้ควบคุมความลับทางการค้าได้รับความเสียหายในการประกอบธุรกิจด้วยการโฆษณาด้วยเอกสาร การกระจายเสียง หรือการแพร่ภาพ หรือการเปิดเผยด้วยวิธีอื่นใด นอกจากนี้โจทก์ก็มิได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริง อันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ความลับทางการค้าฯ ว่า จำเลยทั้งสามได้เปิดเผยข้อเท็จจริงใดเกี่ยวกับกิจการของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ควบคุมความลับทางการค้าอันเป็นข้อเท็จจริงที่ตามปกติวิสัยจะพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย ซึ่งจำเลยทั้งสามได้มาหรือล่วงรู้เนื่องจากการปฏิบัติการใดตามพระราชบัญญัตินี้ โจทก์คงบรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันเปิดเผย เอาไปหรือใช้ซึ่งความลับทางการค้าในเอกสารประกอบคำร้องขอเสนอขายไฟฟ้าในโครงการหาดกังหัน 3 ของโจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์อันมีลักษณะขัดต่อแนวทางปฏิบัติในเชิงพาณิชย์ที่สุจริตต่อกัน ทั้งนี้จำเลยทั้งสามมีเหตุอันควรจะได้รู้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำขัดต่อแนวทางเช่นว่านั้นโดยนำไปทำเป็นเอกสารประกอบของคำร้องขอเสนอขายไฟฟ้าแก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นข้ออ้างว่า จำเลยทั้งสามละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าของโจทก์ในทางแพ่งเท่านั้น ที่โจทก์อ้างว่า จำเลยทั้งสามกระทำการที่มีลักษณะขัดต่อแนวทางปฏิบัติในเชิงพาณิชย์ที่สุจริตต่อกันอันเป็นการละเมิดสิทธิในความลับทางการค้าในทางแพ่งดังกล่าว ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามได้ปฏิบัติผิดสัญญาใดต่อโจทก์หรือจำเลยทั้งสามกระทำละเมิดหรือกระทำในประการที่เป็นการจูงใจผู้ใดให้ละเมิดความลับอันเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน จำเลยทั้งสามได้ติดสินบนผู้ใด หรือจำเลยทั้งสามได้ข่มขู่ผู้ใด ฉ้อโกงผู้ใด ลักทรัพย์ของผู้ใด รับของโจรของผู้ใด หรือจำเลยทั้งสามกระทำการจารกรรมหรือใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอื่นใดตามความหมายของ "การกระทำที่มีลักษณะเป็นการขัดต่อแนวทางปฏิบัติในเชิงพาณิชย์ที่สุจริตต่อกัน" ตามบทบัญญัติมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.ความลับทางการค้าฯ ดังนี้ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามมาตรา 33 และมาตรา 35 คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องที่ขาดองค์ประกอบความผิดในข้อหาดังกล่าวจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯ มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯ มาตรา 45 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11745/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ต้องระบุรายละเอียดอายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์และเจ้าของลิขสิทธิ์ให้ชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อ 1 ว่า บริษัท ฟ. ผู้เสียหายเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายประเทศญี่ปุ่น และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในฐานะผู้สร้างสรรค์งานศิลปกรรม (ศิลปประยุกต์) ภาพยนตร์การ์ตูนชื่อ โดราเอมอน และบรรยายฟ้องข้อ 2 ว่า เมื่อวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทงานศิลปกรรม จิตรกรรม ภาพการ์ตูนดังกล่าวของผู้เสียหายโดยนำสินค้าประเภทกระเป๋าสตางค์และกิ๊บติดผมที่มีรูปการ์ตูนดังกล่าวที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งมีผู้ทำซ้ำและดัดแปลงขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย ออกขาย เสนอขาย มีไว้เพื่อขายแก่บุคคลทั่วไป อันเป็นการกระทำเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้า ดังนี้ ฟ้องโจทก์ดังกล่าวจึงยังเป็นที่สงสัยว่าผู้เสียหายเป็นผู้สร้างสรรค์และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในภาพการ์ตูนดังกล่าวในงานใดแน่ เนื่องจากโจทก์บรรยายฟ้องต่างกันในเรื่องงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย หากผู้เสียหายเป็นผู้สร้างสรรค์ศิลปกรรมประเภทงานศิลปประยุกต์และงานภาพยนตร์การ์ตูนดังกล่าวตามฟ้องข้อ 1 และงานศิลปกรรม จิตรกรรม ภาพการ์ตูนดังกล่าวตามฟ้องข้อ 2 โจทก์ก็ต้องบรรยายด้วยว่า ได้สร้างสรรค์งานเมื่อใด หรือได้มีการนำงานดังกล่าวออกโฆษณาครั้งแรกเมื่อใด เนื่องจากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามที่โจทก์ฟ้องมีกำหนดระยะเวลาในการให้ความคุ้มครองไว้แน่นอนตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 โดยระยะเวลาดังกล่าวอาจจะเริ่มนับตั้งแต่สร้างสรรค์งานหรือนำงานนั้นออกโฆษณาครั้งแรก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของงานที่สร้างสรรค์นั้น ๆ ซึ่งหากงานดังกล่าวตามที่โจทก์ฟ้องหมดอายุการคุ้มครองแล้วจะตกเป็นสาธารณสมบัติซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถนำงานดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าผู้เสียหายได้สร้างสรรค์งานที่อ้างว่าตนเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปประยุกต์ งานภาพยนตร์ หรืองานจิตรกรรมเมื่อใด และนำงานดังกล่าวออกโฆษณาเป็นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อใด เพื่อยืนยันว่าขณะเกิดเหตุงานดังกล่าวยังอยู่ในอายุการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 และโจทก์ไม่ได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่า ผู้เสียหายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทงานศิลปกรรม จิตรกรรมภาพการ์ตูนดังกล่าวที่จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ โดยเพียงบรรยายฟ้องว่า ผู้เสียหายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทงานศิลปกรรม (ศิลปประยุกต์) และงานภาพยนตร์การ์ตูนดังกล่าวเท่านั้น ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ขาดข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์โดยการขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 70 วรรคสอง ประกอบมาตรา 31 (1) ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเครื่องหมายการค้า ต้องบรรยายฟ้องรายละเอียดการจดทะเบียนให้ชัดเจน หากไม่ครบถ้วน ศาลยกฟ้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าประเภทบุหรี่ซิกาแรตที่เป็นเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าที่แท้จริงของผู้เสียหาย และบรรยายฟ้องต่อมาถึงการจดทะเบียนเพียงว่าผู้เสียหายได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของตนแล้วในราชอาณาจักร โดยไม่ได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวนั้นสำหรับสินค้าบุหรี่ซิกาแรตด้วย ย่อมไม่อาจฟังได้ว่าผู้เสียหายจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของตนไว้สำหรับใช้กับสินค้าบุหรี่ซิกาแรตในอันที่จะมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการใช้เครื่องหมายการค้านี้สำหรับสินค้าบุหรี่ซิกาแรตที่มีผลให้การที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบุหรี่ซิกาแรตที่มีเครื่องหมายการค้าเดียวกันกับเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายเป็นการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหาย และย่อมไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลย ฟ้องของโจทก์ในความผิดฐานนี้จึงเป็นคำฟ้องที่บรรยายข้อเท็จจริงไม่ครบองค์ประกอบความผิด แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า มีผู้ประสงค์สินบนนำจับนำเจ้าพนักงานจับจำเลยได้ ผู้นำจับมีสิทธิได้รับสินบน และมีคำขอท้ายฟ้องให้จ่ายสินบนแก่ผู้นำจับ แต่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางไม่ได้มีคำพิพากษาตามคำขอนี้ จึงยังไม่ถูกต้อง และปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3553/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่ชัดเจน นายจ้างต้องระบุเหตุผลการเลิกจ้างอย่างละเอียด จึงจะสามารถอ้างเหตุในภายหลังได้
โจทก์ระบุเหตุในหนังสือเลิกจ้างไว้เพียงว่าจำเลยที่ 2 ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับการเป็นพนักงาน ไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างว่าการประพฤติตนไม่เหมาะสมกับการเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 นั้นประพฤติตนในรายละเอียดอย่างไรจึงไม่เหมาะสมอย่างยิ่งจนถึงเป็นเหตุแห่งการเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 เมื่อโจทก์ไม่ระบุเหตุผลแห่งการเลิกจ้างว่าจำเลยที่ 2 มีสัมพันธ์ในทางชู้สาวอันเป็นเหตุผิดวินัยตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน โจทก์จึงยกเหตุมีสัมพันธ์ในทางชู้สาวเป็นข้อต่อสู้เพื่อไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีไม่ได้ตามมาตรา 17 วรรคสาม (เดิม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9405/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องเช็คไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุแหล่งที่มาของเช็ค ผู้ทรงเช็คไม่ต้องบรรยายรายละเอียด
โจทก์บรรยายฟ้องโดยมีสภาพแห่งข้อหาตามคำฟ้องคือ จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าว จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงโดยฐานมีเช็คชนิดสั่งจ่ายเงินให้ผู้ถือไว้ในครอบครอง ทั้งคำฟ้องมีคำขอบังคับไว้แล้ว นับว่าโจทก์ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จำเลยจะเข้าใจคำฟ้องได้แล้วว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 904 ฟ้องจำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คให้รับผิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 914 ประกอบมาตรา 989 และรับผิดค่าดอกเบี้ยตามมาตรา 224 คำฟ้องของโจทก์จึงครบถ้วนสมบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง แล้ว แม้โจทก์จะมิได้บรรยายในคำฟ้องว่า โจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาด้วยมูลหนี้ใดและรับจากผู้ใดตามข้ออ้างของจำเลยก็ไม่เป็นเหตุให้คำฟ้องของโจทก์ที่ชอบด้วยกฎหมายดังวินิจฉัยแล้วกลับกลายเป็นคำฟ้องเคลือบคลุมไปได้ เพราะข้อเท็จจริงตามที่จำเลยอ้างนั้น มิใช่สภาพแห่งข้อหาหรือข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาที่โจทก์จำเป็นจะต้องแสดงไว้ในคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6435/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ที่ดัดแปลง 1 เครื่อง พร้อมบาร์เลื่อย 1 อัน และโซ่เลื่อยยนต์ 1 เส้น อันเป็นส่วนประกอบของเลื่อยโซ่ยนต์ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องจักรกล อันเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ตัดไม้ ตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะเลื่อยโซ่ยนต์และส่วนประกอบของเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2551 โดยจำเลยทั้งสองไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามกฎหมาย แม้กฎกระทรวงจะกำหนดลักษณะและขนาดของเลื่อยโซ่ยนต์ที่จะทำให้ผู้ที่มีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดก็ตาม แต่กฎกระทรวงดังกล่าวกำหนดลักษณะและขนาดเลื่อยโซ่ยนต์เฉพาะที่มีต้นกำลังเกินกว่า 2 แรงม้า โดยมีแผ่นบังคับโซ่ที่มีขนาดความยาวเกินกว่า 12 นิ้ว เท่านั้น เมื่อโจทก์อ้างถึง พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 และกฎกระทรวงที่ถือเป็นความผิดไว้ในคำฟ้องแล้ว เท่ากับอ้างว่าเลื่อยโซ่ยนต์ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไว้ในครอบครองเป็นเลื่อยโซ่ยนต์ที่มีต้นกำลังเกินกว่า 2 แรงม้า โดยมีแผ่นบังคับโซ่ที่มีขนาดความยาวเกินกว่า 12 นิ้ว ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว ฟ้องโจทก์จึงเป็นการบรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดพอสมควรที่จะให้จำเลยทั้งสองเข้าใจข้อหาแล้ว เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6356/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่ชัดเจน ขาดรายละเอียดวันเวลาและปริมาณยาเสพติด ทำให้ศาลไม่สามารถลงโทษจำเลยได้ตามกฎหมาย
โจทก์บรรยายคำฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนและปริมาณไม่ทราบแน่ชัดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้ระบุวันที่และเวลาการกระทำความผิดให้แน่นอน ทั้งมิได้ระบุจำนวนและปริมาณของเมทแอมเฟตามีนที่อ้างว่าจำเลยทั้งห้าร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ย่อมทำให้ศาลไม่อาจปรับฐานความผิดและบทลงโทษแก่จำเลยทั้งห้าได้ตามความประสงค์ของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าเนื่องจากความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 บัญญัติฐานความผิดและบทลงโทษตามจำนวนหน่วยการใช้ หรือน้ำหนักสุทธิหรือปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ ดังนั้น คำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยทั้งห้ากระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดตลอดจนข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับวันเวลาที่เกิดจากการกระทำนั้นๆ พอสมควรเท่าที่ทำให้จำเลยทั้งห้าเข้าใจข้อหาได้ดีตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) คำฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3790/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ต้องระบุรายละเอียดการกระทำความผิดให้ชัดเจน มิเช่นนั้นถือเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบ
โจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของหรือผู้ดูแลสวนอาหารสีน้ำ ในวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ที่ 1 ในงานดนตรีกรรม คำร้องทำนองของผู้แต่ง ผู้ประพันธ์งานดนตรีกรรม คำร้องทำนอง โดยแพร่เสียงแพร่ภาพและเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งผลงานเพลงผู้ชนะสิบทิศอันเป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์ที่ 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต นั้น ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 คำว่า "เผยแพร่ต่อสาธารณชน" หมายความว่า ทำให้ปรากฏต่อสาธารณชนโดยการแสดง การบรรยาย การสวด การบรรเลง การทำให้ปรากฏด้วยเสียงและหรือภาพ การก่อสร้าง การจำหน่าย หรือโดยวิธีอื่นใดซึ่งงานที่ได้จัดทำขึ้น ซึ่งเห็นได้ว่าการเผยแพร่ต่อสาธารณชนนี้อาจมีการกระทำประการใดประการหนึ่งในหลายประการตามบทกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น การที่โจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องเพียงว่า โดยแพร่เสียงแพร่ภาพและเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยไม่บรรยายถึงข้อเท็จจริงให้เห็นว่าจำเลยกระทำการใดโดยแน่ชัด ก็ย่อมไม่อาจเข้าใจได้ว่าจำเลยกระทำการอย่างไรในการเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานดนตรีกรรมที่เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ที่ 1 การบรรยายฟ้องในส่วนนี้จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในงานดนตรีกรรมของโจทก์ที่ 1 เท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
ส่วนที่โจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องต่อมาว่า จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ที่ 2 ในงานผู้สร้างสรรค์และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานสิ่งบันทึกเสียง งานโสตทัศนวัสดุ งานภาพพิมพ์ (ปก) โดยได้ทำการแพร่เสียงแพร่ภาพและเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งผลงานเพลงอกหักไม่ว่า อันเป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์ที่ 2 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ที่ 2 โจทก์ทั้งสองก็ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏว่าสิ่งบันทึกเสียง โสตทัศนวัสดุอันเป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์ที่ 2 ดังกล่าวได้มีการบันทึกภาพการขับร้องหรือบรรเลงเพลงอกหักไม่ว่า ลงในแผ่นเสียง เทปคาสเซต ซีดี วิดีโอเทป วิดีโอซีดี หรือบันทึกลงในวัสดุใด และจำเลยกระทำการเผยแพร่งานดังกล่าวต่อสาธารณชนด้วยการทำให้ปรากฏด้วยเสียงหรือภาพโดยวิธีใดเช่นเดียวกัน ส่วนงานภาพพิมพ์ (ปก) นั้น โจทก์ทั้งสองก็ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า โจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของงานลิขสิทธิ์ในงานศิลปกรรมภาพพิมพ์นี้และจำเลยได้นำงานดังกล่าวออกแสดงต่อสาธารณชนโดยวิธีใดอีกเช่นกัน ทั้งภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุท้ายคำฟ้อง ก็ไม่ได้สื่อความหมายให้เข้าใจตามคำฟ้องได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด คำฟ้องในส่วนนี้ย่อมถือไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสองบรรยายให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสิ่งบันทึกเสียง โสตทัศนวัสดุและภาพพิมพ์ของโจทก์ที่ 2 เท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเช่นกัน การบรรยายฟ้องของโจทก์ทั้งสองดังกล่าวทั้งสองส่วนจึงไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค แม้เหตุหนี้แตกต่างกันในรายละเอียด หากหนี้มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย
แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้บางส่วนอันเนื่องจากลูกค้าของโจทก์ได้ชำระค่าเสื้อผ้าสำเร็จรูปแก่โจทก์และจำเลยรับไว้แทน แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าผ้าที่จำเลยเอาผ้าของโจทก์ไปผลิตเกินจากที่โจทก์สั่งแล้วนำไปจำหน่ายก็ตาม เมื่อหนี้ที่จำเลยออกเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายแล้ว การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 ตามที่โจทก์ฟ้อง จึงถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในสาระสำคัญอันเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13657/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาฐานเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนว่าคำเบิกความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร
ตามคำบรรยายฟ้องโจทก์เพียงแต่กล่าวว่าจำเลยเบิกความในคดีอาญาหมายเลขใด ระหว่างผู้ใดโจทก์ ผู้ใดจำเลย และข้อความที่จำเลยเบิกความกับว่าความจริงเป็นอย่างไร ซึ่งแม้จะเข้าใจได้ว่าคดีที่จำเลยเบิกความได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญาและโจทก์ได้กล่าวมาในฟ้องว่า ข้อความที่จำเลยเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดีก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้กล่าวมาในฟ้องว่า คำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีอาญาอย่างไร แม้โจทก์ทั้งสองแนบสำเนาคำฟ้องคดีอาญาดังกล่าวมาท้ายฟ้อง แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดที่ปรากฏในสำเนาคำฟ้องดังกล่าว ซึ่งได้ความว่าเป็นคดีที่มีการกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสามในคดีดังกล่าวแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวนว่า รายงานการประชุมของบริษัท พ. เป็นเอกสารที่แท้จริง ซึ่งความจริงเป็นเอกสารปลอม และกล่าวหาว่าโจทก์ในคดีดังกล่าวร่วมกับพวกลักทรัพย์หรือรับของโจรแล้ว ก็ยังไม่ได้ความว่า คำเบิกความของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวในฟ้องเป็นข้อสำคัญในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด ถือว่าฟ้องโจทก์ทั้งสองมิได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดมาโดยครบถ้วนไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) และยังเป็นฟ้องที่บรรยายไม่ครบองค์ประกอบของความผิดตามบทมาตราในกฎหมายที่ขอให้ลงโทษจำเลยด้วย
of 35