คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลักทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,595 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4705/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์ vs. ลักทรัพย์: การขอเงินด้วยท่าทางข่มขู่ไม่ถึงขั้นขู่เข็ญใช้กำลัง
การที่จำเลยซึ่งไม่เคยรู้จักกับผู้เสียหายมาก่อน เดินตรงเข้ามาหาผู้เสียหายขณะรอรถยนต์โดยสารเพื่อจะกลับบ้านหน้าโรงเรียนมีท่าทางขึงขัง ลักษณะจะทำร้ายผู้เสียหายพร้อมกับแบมือ และพูดว่าขอเงิน 1 บาท ผู้เสียหายส่งเงินให้ไป 1 บาท หลังจากนั้นจำเลยได้เดินไปขอเงิน 1 บาทกับนักเรียนอื่นอีกคนหนึ่ง ดังนี้จำเลยเพียงแต่ขอเงินผู้เสียหาย โดยยังไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ฉะนั้นที่ผู้เสียหายเห็นจำเลยมีท่าทางขึงขังและคิดว่าจะทำร้ายตนนั้นเป็นเพียงลักษณะท่าทางวัยรุ่นที่มีความประพฤติไม่เรียบร้อยด้วยการแสดงอำนาจบาตรใหญ่มากกว่า ซึ่งยังไม่พอฟังว่าเป็นลักษณะขู่เข็ญว่าในทันใดจะใช้กำลังประทุษร้าย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์(เพียงแต่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์) พฤติการณ์แห่งคดีจะเป็นเรื่องที่จำเลยแสดงอำนาจบาตรใหญ่อยู่บ้าง แต่จำเลยได้พูดขอเงินจากนักเรียนที่บริเวณหน้าโรงเรียนในเวลากลางวันเพียงคนละ 1 บาทเท่านั้น หลังจากนั้นจำเลยนำเงินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวรับประทานเพื่อบรรเทาความหิวโหย ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรรอการลงโทษจำคุก และวางมาตรการคุมความประพฤติของจำเลยไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4670/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์: ข้อเท็จจริงในฟ้องไม่สอดคล้องกับพยานหลักฐาน ศาลยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกลักไม้เต็ง57แผ่นไม้แคมปัส 21 แผ่นแต่ในทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า ไม้ที่จำเลยทั้งหกลักไปเป็นไม้ยาง47 แผ่น ดังนี้ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง จึงต้องยกฟ้อง กรณีดังกล่าว แม้จำเลยบางคนไม่ได้อุทธรณ์และฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องถึงจำเลยเหล่านั้นได้เพราะเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ: จำเลยมีหน้าที่ขนส่งและลักทรัพย์เอง ไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 336 ทวิ
แม้จำเลยขับรถยนต์คันเกิดเหตุออกนอกเส้นทางหลบไปที่อื่นเพื่อประสงค์จะลักโทรทัศน์สีของผู้เสียหายก็ตาม แต่เมื่อจำเลยมีหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุกขนส่งและลักเอาโทรทัศน์สีที่บรรทุกอยู่บนรถนั้นเอง การกระทำของจำเลยจึงมิใช่เป็นการลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 336 ทวิ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์บนรถบรรทุกไม่ถือเป็นความผิดตาม ม.336 ทวิ หากไม่ได้ใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิด
จำเลยมีหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุกขนส่ง และลักเอาโทรทัศน์สีที่บรรทุกอยู่บนรถนั้นเอง แม้จะได้ความว่า จำเลยขับรถคันเกิดเหตุออกนอกเส้นทางหลบไปที่อื่น เพื่อประสงค์จะลักโทรทัศน์สีของผู้เสียหายก็ตาม การกระทำของจำเลยก็มิใช่เป็นการลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4059/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์: การไม่แจ้งความดำเนินคดีในทันทีอาจสันนิษฐานได้ว่ามีการยกทรัพย์ให้แก่ผู้ต้องหา
ผู้เสียหายแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าจำเลยลักทรัพย์เพียง 2 รายการ คือตุ้มหูทองคำและแหวนเพชรรัสเซียเมื่อพนักงานสอบสวนไปตรวจค้นบ้านญาติจำเลยก็ไม่พบทรัพย์ดังกล่าวคงพบแต่หมวกพลาสติกสำหรับใส่อาบน้ำในกระเป๋าเสื้อผ้าจำเลย ผู้เสียหายก็ไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยเกี่ยวกับหมวกพลาสติกในทันที กรณีอาจเป็นได้ว่าผู้เสียหายให้หมวกดังกล่าวแก่จำเลยแล้วการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3878/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์: การกระทำโดยสำคัญผิดเนื่องจากอาการมึนเมาสุรา ไม่เข้าข่ายเจตนาลักทรัพย์
ในคืนเกิดเหตุ จำเลยจะกลับบ้านพบรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่โดยไม่ได้ล๊อกประตูและเสียบกุญแจคาไว้ จำเลยจึงขับออกไปโดยสำคัญผิดว่ารถยนต์คันนั้นเป็นของจำเลย เนื่องจากจำเลยเมาสุรามากยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาลักรถยนต์คันดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3780/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาว่าเพิงพักแผงลอยเป็นเคหสถานตามกฎหมายอาญา เพื่อใช้ในการพิจารณาคดีลักทรัพย์
ผู้เสียหายเช่าแผงลอยที่ทางราชการจัดแบ่งให้พ่อค้าแม่ค้าเช่าเป็นที่ขายสินค้าเป็นล็อกซึ่งกันไว้เป็นสัดส่วนแล้วทำเพิงพักใช้เป็นที่ขายสินค้าและพักอาศัยในบริเวณที่ค้าขายนั้นด้วย เพิงพักแผงลอยของผู้เสียหายจึงเป็นเคหสถานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3738/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจากเหตุถูกแจ้งความลักทรัพย์ ศาลตัดสินให้จ่ายค่าชดเชยและเงินสมทบ
การเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมหมายถึงการที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่มีสาเหตุหรือแม้จะมีสาเหตุบ้างแต่ก็ไม่ใช่สาเหตุที่จำเป็นหรือสมควรจะต้องถึงกับเลิกจ้างลูกจ้าง จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามเนื่องจากบริษัทลูกค้าจำเลยแจ้งความดำเนินคดีแก่โจทก์ทั้งสามข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ชั้นจับกุมโจทก์ทั้งสามให้การรับสารภาพย่อมทำให้จำเลยระแวงสงสัยและไม่ไว้วางใจโจทก์ทั้งสามจำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามได้และถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุสมควรและเป็นธรรม แม้ต่อมาพนักงานอัยการจะสั่งไม่ฟ้องโจทก์ที่ 1 และศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ก็ไม่มีผลทำให้การเลิกจ้างของจำเลยกลับเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมไม่ เมื่อในคดีที่โจทก์ทั้งสามถูกกล่าวหาว่าร่วมกันลักทรัพย์พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องโจทก์ที่ 1 และศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 2 และที่ 3 จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสามฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยกรณีไม่ต้องด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ 47 ที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามจำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยรวมทั้งเงินสมทบเงินสะสม เมื่อไม่จ่ายต้องถือว่าผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินแต่ละจำนวนนับแต่วันเลิกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3738/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากถูกกล่าวหาลักทรัพย์ แม้พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องและศาลยกฟ้อง การเลิกจ้างไม่ถือว่าไม่เป็นธรรม
การเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมนั้นย่อมหมายความถึงการที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่มีสาเหตุหรือแม้จะมีสาเหตุบ้างแต่ก็ไม่ใช่สาเหตุที่จำเป็นหรือสมควรจะต้องถึงกับเลิกจ้างลูกจ้าง การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามก็เนื่องจากบริษัท ฮ. ซึ่งเป็นลูกค้าของจำเลยแจ้งความดำเนินคดีแก่โจทก์ทั้งสามกับพวกในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ของบริษัทไป อีกทั้งในชั้นจับกุม โจทก์ทั้งสามก็ให้การรับสารภาพ พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมทำให้จำเลยมีความระแวงสงสัยและไม่ไว้วางใจโจทก์ทั้งสาม จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามได้ และถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุอันสมควรและเป็นธรรม แม้ต่อมาพนักงานอัยการจะสั่งไม่ฟ้องโจทก์ที่ 1 และศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ก็หามีผลทำให้การเลิกจ้างของจำเลยกลับเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมไม่ เมื่อจำเลยให้การต่อสู้เพียงประเด็นเดียวว่า โจทก์ทั้งสามได้ฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยในข้อที่ว่า "ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่บริษัท""จงใจทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย"และ "ลูกจ้างต้องไม่ลักทรัพย์หรือสนับสนุนให้ผู้อื่นลักทรัพย์ของบริษัท หรือของผู้อื่นภายในบริเวณบริษัท" เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในคดีที่โจทก์ทั้งสามถูกกล่าวหาว่า โจทก์ทั้งสามร่วมกันลักทรัพย์นั้น พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องโจทก์ที่ 1 และศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 2 และที่ 3 จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสามได้ฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยดังกล่าว กรณีไม่ต้องด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47 ที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้าง เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามจำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้งสามทันทีเมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อไม่จ่ายก็ต้องถือว่าผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยร้อยละ7.5 ต่อปีของเงินดังกล่าว จำนวนนับแต่วันเลิกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดลักทรัพย์ของผู้ป่วยทางจิต: การพิจารณาความสามารถในการรู้ผิดชอบ
ก่อนกระทำผิดจำเลยเคยให้นายแพทย์ น. ตรวจร่างกาย 2 ครั้งผลการตรวจปรากฏว่าจำเลยเป็นโรคประสาทหลอนและปวดศีรษะด้านซ้ายมือมีอาการสับสน ถ้ามีการดื่มสุรามากหรือเกิดความเครียดมากอาจไม่รู้สึกตัวประมาณ 12-13 ชั่วโมง ในคืนเกิดเหตุจำเลยดื่มสุราแล้วจำเลยได้ใช้มีดงัดสายยูประตูเข้าไปลักทรัพย์แล้วนำทรัพย์กลับไปบ้านจำเลยชั้นสอบสวนจำเลยให้การได้ละเอียดในการที่จำเลยเข้าไปทำการลักทรัพย์ทั้งสามารถนำชี้ที่เกิดเหตุถึงสิ่งที่จำเลยได้กระทำแล้วแสดงให้เห็นว่าจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง พฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดในขณะที่สามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้
of 160