พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,083 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามเนื่องจากข้อพิพาทเรื่องสิทธิครอบครองมีทุนทรัพย์ไม่เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ดังนี้เป็นคดีมีข้อพิพาทด้วยเรื่องสิทธิครอบครองจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์เมื่อที่พิพาทมีราคาเพียง8,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาท ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ดินรกร้างว่างเปล่าโดยรับมอบการครอบครองจากเจ้าของเดิมและได้เข้าทำประโยชน์ต่อมา โจทก์จึงมีสิทธิครอบครองที่พิพาทใช้ยันจำเลยได้และมีอำนาจฟ้องคดีนั้นเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีสิทธิครอบครอง: ทุนทรัพย์ไม่เกิน 8,000 บาท
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าจำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จึงเป็นคดีมีข้อพิพาทด้วยเรื่องสิทธิครอบครองเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อที่พิพาทราคาเพียง 8,000 บาทจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินหลังทำสัญญาประนีประนอมยอมความ การครอบครองแทนโจทก์ การได้มาซึ่งสิทธิครอบครอง
คดีก่อนจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความรับว่า บางส่วนของที่ดินพิพาทในคดีนี้เป็นของโจทก์ทั้งสี่ การครอบครองที่ดินพิพาทบางส่วนตั้งแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ทั้งสี่ เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้บอกกล่าวไปยังโจทก์ทั้งสี่ว่าไม่เจตนายึดถือทรัพย์สินแทนโจทก์ต่อไป หรือตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381การครอบครองของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ตลอดมา จำเลยที่ 1 นำที่พิพาทไปออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และได้แบ่งแยกให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ทางราชการได้ประกาศให้บุคคลภายนอกทั่วไปทราบ โจทก์ทั้งสี่ไม่ไปคัดค้าน เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นเจ้าของที่พิพาทรู้เห็นการกระทำดังกล่าวจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะการครอบครองต่อโจทก์ทั้งสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3836/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาท: การเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือ และการฟ้องแย้งสิทธิเกินอายุความ
คำฟ้องและคำให้การแก้ฟ้องแย้งของโจทก์ไม่ปรากฎว่าโจทก์เคยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครองที่พิพาท ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่ามีพิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลย ไม่มีประเด็นเรื่องการเปลี่ยนลักษณะการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1381 การที่ศาลล่างยกขึ้นวินิจฉัยเองว่า โจทก์เปลี่ยนลักษณะการยึดถือที่ดินพิพาทโดยการแย่งการครอบครองจากจำเลยจึงไม่ชอบเป็นการนอกเหนือประเด็นตามคำฟ้องและมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3821/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีพิพาทสิทธิครอบครองที่ดิน: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากราคาทรัพย์สินต่ำกว่าเกณฑ์ และเป็นการโต้เถียงดุลยพินิจ
คดีมีปัญหาพิพาทกันว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท เมื่อราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานของจำเลยน่าเชื่อว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยให้โจทก์อาศัยอยู่ เป็นการโต้เถียงดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3796/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาถึงที่สุด: สิทธิครอบครองที่ดิน
สามีของผู้ร้องและบุตรของผู้ร้องอีก 4 คนได้ร่วมกันฟ้องผู้ประกันเกี่ยวกับที่พิพาท ศาลฎีกาพิพากษาว่าที่พิพาทในคดีนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่พิพาทในคดีดังกล่าวเป็นของผู้ประกัน ต่อมาผู้ประกันได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องและบุตรออกจากที่พิพาทศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้พิพากษาถึงที่สุดว่าที่พิพาทเป็นของผู้ประกันให้ขับไล่ผู้ร้องและพวกผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงผูกพันผู้ร้อง ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้นตามป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคแรก ผู้ร้องจะกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ผู้ประกันจึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3731/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินโฉนด – มาตรา 1299 วรรคสอง – การได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม
การที่ผู้ร้องทั้งสองอ้างว่าเป็นผู้ได้สิทธิครอบครองที่ดินโดยการจับจองมาแต่เริ่มแรก แต่ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินมีโฉนดของผู้อื่น ถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคสอง นั่นเอง เพราะผู้ร้องทั้งสองไม่ได้ที่ดินมาโดยนิติกรรมจากผู้ใด และได้ความว่าผู้ร้องยังไม่ได้จดทะเบียนการได้มาซึ่งที่ดินดังกล่าวการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 นำมาตรา 1299 วรรคสอง มาปรับใช้กับคดีผู้ร้องทั้งสองแล้ววินิจฉัยว่าแม้จะฟังว่าผู้ร้องทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองผู้ร้องทั้งสองก็ไม่อาจยกข้อต่อสู้ขึ้นยันโจทก์ได้นั้นไม่เป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3655/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: ศาลไม่ต้องวินิจฉัยหากโจทก์อ้างสิทธิครอบครองเองและฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่ามีสิทธิครอบครอง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่า 1 แปลงต่อมาโจทก์ได้ไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ต่อทางราชการ แต่ถูกจำเลยไปคัดค้านอ้างว่าที่ดินแปลงนั้นเป็นของจำเลยโดยจำเลยมีแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) โจทก์จึงไม่สามารถขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ ขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทชอบด้วยกฎหมาย ส่วนจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ดังนี้ เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่า โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทและข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ย่อมมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทด้วยไม่จำต้องมาฟ้องหรือร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองแต่อย่างใดศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้อง โดยไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3655/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอท้ายฟ้องต้องสอดคล้องกับเหตุผลที่ฟ้อง หากโจทก์อ้างสิทธิครอบครองแล้ว ศาลไม่ต้องวินิจฉัยเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องจำเลยโดยกล่าวอ้างว่า โจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทกับมีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท แม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงที่ถูกจำเลยโต้แย้งสิทธิไว้แล้วก็ตาม แต่ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ก็มิได้ขอให้ศาลขจัดข้อที่โจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิ เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่า โจทก์ครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์ย่อมมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทด้วยไม่จำต้องมาฟ้องหรือร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3586/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแลกเปลี่ยนที่ดินมือเปล่ามีผลผูกพันตามกฎหมาย แม้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียน
การแลกเปลี่ยนที่ดินมือเปล่า เพียงแต่สละสิทธิครอบครองให้แก่กันก็มีผลสมบูรณ์ใช้ยันคู่กรณีได้โดยชอบด้วยกฎหมาย