คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หลอกลวง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 493 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงขายที่ดินโดยหลอกลวง ชดใช้เงินให้ผู้เสียหาย และสิทธิในที่ดิน
จำเลยขายที่ดินให้ผู้เสียหายโดยนำชี้ที่ดินแปลงอื่นว่าเป็นที่ดินตามโฉนดที่ซื้อขายกัน ซึ่งความจริงที่ตามโฉนดมีราคาซื้อขายต่ำกว่าที่นำชี้มาก โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกง และขอให้คืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปคืนแก่ผู้เสียหาย เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องจำเลยก็ต้องคืนเงินให้ผู้เสียหาย ส่วนที่ดินนั้น จำเลยก็ต้องดำเนินการตามสิทธิของจำเลยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 877/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ การหลอกลวงให้มอบอำนาจโอนที่ดิน และการรับชำระราคาสินค้า
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ตามวันที่ระบุในฟ้อง โจทก์ถูกจำเลยใช้อุบายหลอกลวงปลุกปั่นให้โจทก์ลงชื่อมอบอำนาจแก่จำเลยที่ 1 ไปทำการโอนขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ในราคา 70,000 บาทเมื่อขายได้แล้ว จะเอาเงินมาให้ แต่เมื่อวันที่ระบุในฟ้อง จำเลยกลับไปสมคบกันกรอกข้อความลงในใบมอบอำนาจนั้น เอานายเผือด พึ่งความชอบสวมแทนจำเลยที่ 1 โดยเจตนาให้จำเลยทุกคนพ้นความรับผิดที่จะต้องชำระราคาที่ดินต่อโจทก์ ซึ่งเมื่อจำเลยที่2 รับโอนแล้ว ก็รีบขายให้ผู้อื่นต่อไป จนถึงวันฟ้องโจทก์ก็ยังไม่ได้รับราคาที่ดินเลย และเมื่อทวงถามจำเลยก็ปฏิเสธ โจทก์จึงฟ้องเรียกร้องเอา ดังนี้เห็นว่าเป็นการแสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นแล้ว จึงหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คเพื่อหลอกลวงบุคคลภายนอก ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ก่อนจำเลยออกเช็ค ผู้ทรงเช็คก็เบิกความว่า ตนรู้อยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีเงินอยู่ในธนาคาร แต่หวังว่าจำเลยจะหาเงินเข้าธนาคารให้ทันกำหนด ดังนี้ แสดงว่าผู้ทรงเช็ครู้อยู่แล้วว่า จำเลยไม่มีเงินขณะออกเช็ค และจำเลยก็บอกแล้วว่าไม่มีเงินผู้ทรงเช็คก็เบิกความรับรองว่าจำเลยออกเช็คให้ตนโดยไม่ได้หลอกลวงตน ฉะนั้น การที่จำเลยออกเช็ครายพิพาทกันนี้โดยคู่กรณีไม่มีเจตนาจะให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น คือไม่มีการผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างกัน หากแต่ทำขึ้นเพื่อลวงบุคคลภายนอกเท่านั้น จำเลยจึงยังไม่มีความผิดตาม มาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกี่ยวกับการใช้เช็ค พ.ศ. 2497

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คเพื่อหลอกลวงบุคคลภายนอก ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ก่อนจำเลยออกเช็ค ผู้ทรงเช็คก็เบิกความว่า ตนรู้อยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีเงิน อยู่ในธนาคาร แต่หวังว่าจำเลยจะหาเงินเข้าธนาคารให้ทันกำหนด ดังนี้ แสดงว่าผู้ทรงเช็ครู้อยู่แล้วว่า จำเลยไม่มีเงินขณะออกเช็ค และจำเลยก็บอกแล้วว่าไม่มีเงิน ผู้ทรงเช็คก็เบิกความรับรองว่าจำเลยออกเช็คให้ตนโดยไม่ได้หลอกลวงตน ฉะนั้นการที่จำเลยออกเช็ครายพิพาทกันนี้โดยคู่กรณีไม่มีเจตนาจะให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น คือไม่มีการผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างกันหากแต่ทำขึ้นเพื่อลวงบุคคลภายนอกเท่านั้น จำเลยจึงยังไม่มีความผิดตาม มาตรา 3แห่ง พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกี่ยวกับการใช้เช็ค พ.ศ.2497

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงเรื่องน้ำศักดิ์สิทธิ์ ศาลตัดสินว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยหลอกหลวงว่าน้ำที่พุขึ้นนั้นเจ้าแม่สำโรงบันดาลให้มีขึ้นและว่าน้ำพุนั้นศักดิ์สิทธิใช้เป็นยารักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ประชาชนคนดูหลงเชื่อ ได้เอาน้ำนั้นไปใช้กินและทารักษาโรค แต่ไม่หายเพราะเป็นน้ำธรรมดาในลำคลองนั้นเอง และได้ให้เงินแก่จำเลยรวมประมาณหมื่นบาทโดยหลงเชื่อว่าน้ำนั้นเป็นของเจ้าแม่สำโรงรักษาโรคได้ แต่ความจริงนั้น จำเลยที่ 1 เอาเท้าพุ้ยน้ำในคลองทำให้น้ำผุดพุขึ้นมาเอง ไม่เกี่ยวแก่เจ้าแม่อะไรเลย จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดด้วย โดยอ้างว่าน้ำพุนั้นเจ้าแม่สำโรงบันดาลให้เกิดขึ้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ซึ่งเป็นการปกปิดความจริง และแสดงข้อความเท็จจริง ถือว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันและมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง โดยอ้างประมวลกฎหมายอาญา ม. 343 แม้โจทก์ไม่ได้อ้างถึง ม. 341, 342 แต่ ม.343 ได้อ้างถึง ม.341,342 อยู่แล้ว และโจทก์ก็ได้บรรยายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้วว่า จำเลยหลอกลวงประชาชน จึงเท่ากับอ้าง ม. 341, 342 โดยปริยายแล้ว
จำเลยได้เงินมาเพราะหลอกลวงเขาว่า น้ำพุนั้นเป็นน้ำพุที่เจ้าแม่สำโรงบันดาลให้เกิดขึ้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้เป็นยารักษาโรคได้ ประชาชนหลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลย ย่อมถือได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการทุจริตตามกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยหลอกลวงประชาชนว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาโรคได้ และแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
จำเลยหลอกลวงว่าน้ำที่พุขึ้นนั้นเจ้าแม่สำโรงบันดาลให้มีขึ้นและว่าน้ำพุนั้นศักดิ์สิทธิ์ใช้เป็นยารักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ประชาชนคนดูหลงเชื่อได้เอาน้ำนั้นไปใช้กินและทารักษาโรค แต่ไม่หายเพราะเป็นน้ำธรรมดาในลำคลองนั้นเองและได้ให้เงินแก่จำเลยรวมประมาณหมื่นบาทโดยหลงเชื่อว่าน้ำนั้นเป็นของเจ้าแม่สำโรงรักษาโรคได้แต่ความจริงนั้น จำเลยที่ 1 เอาเท้าพุ้ยน้ำในคลองทำให้น้ำผุดขึ้นมาเอง ไม่เกี่ยวแก่เจ้าแม่อะไรเลยจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดด้วยโดยอ้างว่าน้ำพุนั้นเจ้าแม่สำโรงบันดาลให้เกิดขึ้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ซึ่งเป็นการปกปิดความจริงและแสดงข้อความเท็จถือว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันและมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงโดยอ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา343 แม้โจทก์ไม่ได้อ้าง มาตรา341,342. แต่ ม.343 ได้อ้างถึงมาตรา341,342 อยู่แล้วและโจทก์ก็ได้บรรยายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยหลอกลวงประชาชนจึงเท่ากับอ้าง มาตรา341,342 โดยปริยายแล้ว
จำเลยได้เงินมาเพราะหลอกลวงเขาว่าน้ำพุนั้นเป็นน้ำพุที่เจ้าแม่สำโรงบันดาลให้เกิดขึ้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้เป็นยารักษาโรคได้ประชาชนหลงเชื่อจึงให้เงินแก่จำเลยย่อมถือได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเป็นการทุจริตตามกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในความเสียหายจากตัวแทน: การหลอกลวงเกี่ยวกับสถานะผู้ค้าและการเรียกเก็บภาษี
ตัวแทนของบริษัทจำเลยได้ไปขอซื้อรถยนต์จิ๊บให้จำเลยจากบริษัทโจทก์ โดยอ้างว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ค้าโภคภัณฑ์โจทก์ไม่จำต้องเรียกเก็บภาษีการซื้อโภคภัณฑ์และภาษีและภาษีบำรุงเทศบาลจากบริษัทจำเลย โจทก์หลงเชื่อจึงมิได้เรียกเก็บ ภายหลังกรมสรรพากรตรวจพบว่า บริษัทจำเลยมิได้จดทะเบียนการค้าโภคภัณฑ์ จึงเรียกเก็บเพิ่มอีกหนึ่งเท่าจากบริษัทโจทก์ โจทก์ได้เสียไปแล้ว ดังนี้ โจทก์ย่อมเรียกเงินค่าภาษีที่เสียทั้งสิ้นจากจำเลยได้ เพราะเป็นผลเสียหายโดยตรงอันเนื่องมาจากจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันในละเมิดจากการหลอกลวงเช่ารถและนำไปใช้โดยมิชอบ การกระทำละเมิดเชื่อมโยงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น
จำเลยทั้งสามสมคบกันหลอกลวงโจทก์นำรถของโจทก์จากจังหวัดลำพูนมาถึงกรุงเทพฯ โดยโจทก์มิได้ยินยอม แม้จำเลยที่ 1จะเป็นผู้ขับรถนั้นไปชนโคกลางทางจนรถของโจทก์เสียหาย ในขณะนั้น รถของโจทก์อยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสามด้วยกัน เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ ต้องรับผิดร่วมกันต่อโจทก์ตลอดจนถึงความเสียหายของรถที่ได้รับจากการที่จำเลยที่ 1ขับไปชนโคนั้นด้วย เพราะเป็นผลเสียหายสืบเนื่องโดยตรงจากการกระทำของจำเลยทั้งสาม กล่าวคือถ้าจำเลยไม่ร่วมกันเอารถไปใช้โดยละเมิดแก่โจทก์แล้ว ความเสียหายนั้น ก็จะไม่บังเกิดขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินทำให้สัญญาเช่าเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า ซึ่งอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโจทก์ ถ้าจำเลยต่อสู้ว่าที่เช่าเป็นที่สาธารณะ โจทก์หลอกลวงให้หลงเชื่อว่าเป็นที่ของโจทก์ เช่นนี้ จำเลยย่อมนำสืบได้ และหากข้อเท็จจริงฟังได้ตามข้อต่อสู้ของจำเลย โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพโดยไม่ถูกจูงใจ: พฤติการณ์ที่ไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวงให้รับสารภาพ
การที่พนักงานสอบสวนรู้ว่าผู้ต้องหาปิดบังอาชีพและยศไว้โดยพนักงานสอบสวนมิได้ท้วงติงนั้นไม่ถือว่าเป็นการจูงใจหรือหลอกลวงให้จำเลยรับสารภาพ
of 50