คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 703 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องอาญา: ผู้เสียหายต้องเสียหายโดยตรงจากการกระทำผิด และไม่ใช่ความเสียหายทางอ้อมที่สามารถแก้ไขได้ในทางแพ่ง
โจทก์กับนางหน่วงผู้ตายมิได้เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันปลอมลายพิมพ์นิ้วมือนางหน่วงลงในสัญญากู้ แล้วนำสัญญากู้เอกสารสิทธิปลอมไปยื่นฟ้องต่อศาล ไม่ใช่จำเลยสมคบกันปลอมลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ในสัญญากู้นั้น โจทก์จึงไม่เป็นบุคคลได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง การที่โจทก์ถูกยึดทรัพย์เพราะการกระทำของจำเลย โจทก์ก็ชอบที่จะไปดำเนินคดีในทางแพ่งได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการกระทำผิดอาญา: การร้องบอกให้ผู้อื่นยิงเป็นการร่วมกระทำผิด
ขณะที่จำเลยที่ 1 กำลังยื้อแย่งปืนกับผู้ตาย จำเลยที่ 1 ได้ร้องบอกจำเลยที่ 2 ว่า เทยิง ๆ นายเทจำเลยที่ 2 ก็ได้ใช้ปืนยิงผู้ตาย การที่จำเลยที่ 1 ร้องบอกให้จำเลยที่ 2 ยิงผู้ตายเช่นนี้เป็นการร้องบอกให้ช่วยกันทำร้ายผู้ตายตามมูลกรณีที่จำเลยที่ 1 มีต่อผู้ตาย การที่จำเลยที่ 2 ได้ใช้ปืนยิงผู้ตายก็เป็นการแสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองจึงเป็นตัวการด้วยกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษอาญาฐานไม่เข็ดหลาบต้องกระทำหลังจำเลยมีทนาย และการรับสารภาพก่อนมีทนายยังใช้ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 ให้จำคุก 5 ปี และเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 93 กึ่งหนึ่ง รวมเป็นโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่เพิ่มโทษตามมาตรา 93 คงจำคุกเพียง 5 ปี เช่นนี้ ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ทั้งบทและโทษ เป็นการแก้ไขมาก จึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้.
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 บัญญัติขึ้นเพื่อให้จำเลยมีทนายต่อสู้ในคดีอุกฉกรรจ์ที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ไม่ได้หมายความรวมถึงโทษที่จำเลยจะพึงได้รับจากการเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย ฉะนั้น แม้จำเลยจะให้การรับในข้อเคยต้องโทษก่อนตั้งทนาย คำรับก็ไม่เสียไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษอาญาฐานไม่เข็ดหลาบ: จำเลยให้การรับสารภาพก่อนมีทนาย ไม่กระทบคำรับ หากโจทก์มิได้สืบพยานยืนยัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 ให้จำคุก 5 ปี และเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 93กึ่งหนึ่ง รวมเป็นโทษจำคุก 7 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่เพิ่มโทษตามมาตรา 93 คงจำคุกเพียง 5 ปี เช่นนี้ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ทั้งบทและโทษ เป็นการแก้ไขมาก จึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 บัญญัติขึ้นเพื่อให้จำเลยมีทนายต่อสู้ในคดีอุกฉกรรจ์ที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ไม่ได้หมายความรวมถึงโทษที่จำเลยจะพึงได้รับจากการเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย ฉะนั้น แม้จำเลยจะให้การรับในข้อเคยต้องโทษก่อนตั้งทนาย คำรับก็ไม่เสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 861/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษอาญา: พิจารณาความผิดเดิมและปัจจุบันเพื่อเลือกโทษที่เหมาะสมตามกฎหมาย
จำเลยเคยต้องโทษจำคุกฐานปล้นทรัพย์ แม้จะเป็นกรณีมีการใช้กำลังประทุษร้ายต่อร่างกายรวมอยู่ด้วย อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานปล้นทรัพย์ก็ตาม หากในคดีหลังแม้ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานชิงทรัพย์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ตามมาตรา 339 และผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 อันเป็นความผิดต่อชีวิตก็ตาม ดังนี้ จะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 93 ไม่ได้ ต้องเพิ่มโทษตามมาตรา 92 แม้โจทก์จะขอเพิ่มโทษตามมาตรา 93 ซึ่งเป็นบทหนักมาก็ตาม ศาลก็มีอำนาจเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 92 ซึ่งเป็นบทเบากว่าได้ ไม่เกินคำขอ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741-745/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจศาลอาญาจำกัดเฉพาะความผิดทางอาญา กรณีพิพาทสิทธิในที่ดินเป็นเรื่องแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง 5 บังอาจยึดถือครอบครองที่ดินบริเวณหน้าฝายทุ่งหมูบุ้นอันเป็นที่สาธารณะสำหรับประชาชนใช้ร่วมกันนายอำเภอได้ออกคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายให้จำเลยออกไปจำเลยบังอาจขัดขืนไม่กระทำตามคำสั่ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจำเลยไม่รู้และไม่เข้าใจมาก่อนว่าเป็นที่สาธารณะการขัดคำสั่งทำด้วยใจสุจริต ขาดเจตนาร้าย ยกฟ้องจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกาต่อมาว่าที่พิพาทมิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน แต่จำเลยมีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ขอให้พิพากษากลับศาลล่างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยทั้งหมดดังนี้ คดีอาญาจึงยุติเพียงศาลชั้นต้นเมื่อจำเลยกล่าวอ้างโต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่ดินที่จำเลยมีสิทธิครอบครองมา มิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยชอบที่จะไปว่ากล่าวในทางแพ่งต่อไป ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ให้ยกฎีกาจำเลย(อ้างนัยฎีกาที่ 1223/2495)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษอาญาจากประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 เป็น 295 จากระยะเวลาการรักษาบาดแผลที่โจทก์ไม่โต้แย้ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัส รักษาประมาณ 20 กว่าวันจึงจะหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ผู้เสียหายยื่นคำร้องว่า รักษาแผล 10 วันหาย จำเลยเป็นคนดีขอให้ลงโทษสถานเบา โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ดังนี้ เมื่อโจทก์ไม่คัดค้านและมิได้ขอสืบพยาน ก็ต้องฟังว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาประมาณ 10 วันหาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงพลาดจากเหตุถูกข่มเหง: ผลกระทบต่อความผิดทางอาญาและการลดโทษจากบันดาลโทสะ
จำเลยถูกข่มเหงแล้วจำเลยได้ยิงคนที่ข่มเหงในขณะนั้น แต่เนื่องจากคนที่ข่มเหงต่างวิ่งหนีไป กระสุนปืนพลาดไปถูกผู้เสียหายเข้า จำเลยก็ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 60 แต่การกระทำของจำเลยนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยถูกข่มเหงโดยไม่เป็นธรรม และกระทำลงไปโดยบันดาลโทสะ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80 ประกอบด้วยมาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1632/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดอาญาฐานทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ในกรณีที่คำพยานโจทก์เท่าที่จะใช้ยันจำเลยได้ มีแต่คำของพนักงานสอบสวนปากเดียวว่า ชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่าผู้ตายไล่แทงจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้มีดแทงเอาบ้าง กับภาพถ่ายและบันทึกประกอบภาพถ่ายแสดงถึงตอนจำเลยขณะกำลังวิ่งหนีผู้ตายแล้วก้มลงหยิบมีดพกปลายแหลมที่วางอยู่กับพื้นระเบียงแว้งแทงผู้ตายขณะกำลังวิ่งเข้าไปไกล้ตัว ดังนี้ เป็นลักษณะของการป้องกันตัว
ผู้ตายเข้าทำร้ายจำเลยก่อนและจำเลยแทงผู้ตายด้วยมีด ในขณะที่ผู้ตายไล่แทงจำเลยด้วยมีดห่างจากจำเลยเพียง 3 ศอกเศษ และเพียงแต่แทงไปทีเดียวเท่านั้น รูปคดีเช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยแทงผู้ตายเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1586/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันดาลโทสะจากการถูกดูหมิ่น: เหตุลดโทษอาญา มาตรา ๗๒
ผู้ตายต้องการเล่นไพ่อีก จำเลยไม่ยอมเล่นด้วย ผู้ตายด่าจำเลยด้วยประการต่าง ๆ เป็นการที่ผู้ตายดูหมิ่นจำเลยซึ่งหน้า ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ด่าแล้วด่าอีกจนจำเลยอดโทสะไม่ได้ ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยจึงตีผู้ตายในขณะนั้น เพราะบันดาลโทสะ ศาลลดโทษได้ตามมาตรา 72
(อ้างฎีกาที่ 295/2495)
of 71