พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาหลังพ้นกำหนด 72 ชั่วโมง: อำนาจฟ้องของผู้ว่าคดีเมื่ออธิบดีกรมอัยการอนุญาต
จำเลยหลบหนีไปจากสถานที่ควบคุมในระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ในข้อหาเรื่องอื่น พนักงานสอบสวนมิได้ส่งตัวจำเลยไปฟ้องหรือขอผัดฟ้องภายในกำหนด 72 ชั่วโมง นับแต่จำเลยถูกจับ ผู้ว่าคดีเพิ่งฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเมื่อจำเลยถูกจับในคดีหลบหนีฯ นี้แล้ว 3 เดือนเศษ เมื่อได้ความว่าอธิบดีกรมอัยการได้อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่: คดีถูกยกฟ้องเพราะทนายไม่มีอำนาจลงชื่อ และข้อหาไม่อยู่ในอำนาจศาลเดิม โจทก์มีสิทธิฟ้องใหม่ได้
คดีก่อนศาลยกฟ้องเพราะทนายโจทก์ลงชื่อเป็นโจทก์โดยลำพังโดยไม่มีอำนาจทั้งข้อหาก็อยู่ในอำนาจศาลทหาร โดยไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคดี การยกฟ้องจึงหาใช่เพราะศาลได้พิจารณาถึงเนื้อหาในความผิดที่ได้ฟ้องไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ อ้างฎีกาที่ 1301/2503
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าเป็นฟ้องซ้ำ ศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยเห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาตามรูปคดี ดังนี้ จำเลยย่อมฎีกาว่าคดีเป็นฟ้องซ้ำ ไม่ควรพิจารณาต่อไปได้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าเป็นฟ้องซ้ำ ศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยเห็นว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาตามรูปคดี ดังนี้ จำเลยย่อมฎีกาว่าคดีเป็นฟ้องซ้ำ ไม่ควรพิจารณาต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1102/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีหนี้ – การฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ไม่ได้ทำสัญญากู้เงิน
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินสามีโจทก์ ต่อมาสามีโจทก์ตาย โจทก์เป็นผู้รับมรดก ได้มอบให้ ส.เป็นผู้เก็บรักษาสัญญาไว้และจัดการทรัพย์สินตามเอกสารสัญญา ส.นำสัญญากู้คืนให้จำเลยที่ 1 แล้วทำสัญญากู้ใหม่โดยใส่ชื่อ ส.เป็นผู้ให้กู้และใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้แทนโจทก์กับ ส. จึงมีคดีพิพาทกันและทำสัญญายอมความกันไว้ โดย ส.รับว่าเงินรายนี้เป็นของสามีโจทก์จริงโจทก์จึงขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองใช้หนี้เงินกู้นั้น ดังนี้ เมื่อเป็นที่เห็นได้ตามคำฟ้องว่าส.กระทำไปโดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมในการกระทำระหว่าง ส.กับจำเลยทั้งสอง จะถือว่าโจทก์ฟ้องว่ากรณีเป็นการแปลงหนี้โดยชอบแล้วหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินสามีโจทก์ไปได้ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ได้กู้เงินสามีโจทก์ไป ก็ไม่มีหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดด้วยไม่ได้ (อนึ่ง ในปัญหาข้อนี้แม้จำเลยจะขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นว่า โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิเรียกร้องของ ส.ตามสัญญาประนีประนอม แต่โจทก์หรือส.มิได้แจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ทราบ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แต่เมื่อศาลเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 เพราะไม่มีหนี้ต่อกัน ดังนี้ ศาลก็ย่อมพิพากษาให้ยกฟ้องคดีสำหรับจำเลยที่ 2 เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุคคลภายนอกผู้รับประโยชน์จากสัญญาชำระหนี้แทนโจทก์ มีอำนาจฟ้องเรียกหนี้ได้
โจทก์กู้เงินธนาคารไปให้ ช.กับผู้อื่นหมุนซื้อที่ดิน ต่อมาช. กับจำเลยทำสัญญากันว่า ช. ยอมยกที่ดินให้จำเลยและจำเลยยอมรับภาระชำระหนี้ที่โจทก์เป็นลูกหนี้ธนาคารอยู่นั้น ดังนี้ โจทก์ย่อมเป็นบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 ที่จะได้รับประโยชน์จากการชำระหนี้ตามสัญญาที่กล่าวนั้น คือ จำเลยจะชำระหนี้ธนาคารแทนโจทก์ เมื่อโจทก์ได้แสดงเจตนารับประโยชน์ตามสัญญานั้นแล้ว แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา ทำให้โจทก์ต้องกู้เงินมาใช้หนี้ธนาคารเองโจทก์ย่อมฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญานั้นแก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีเช็คโดยผู้ไม่เสียหาย การสมคบกันบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้ขาดอำนาจฟ้อง
จำเลยออกเช็คให้นายเซียม ๆ ถูกบุคคลอื่นฟ้องเรียกเงินและศาลสั่งอายัดเงินตามเช็ค โจทก์กับนายเซียม จึงสมคบกันให้โจทก์เอาเช็คมาฟ้องจำเลยตามพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกิดจากการใช้เช็ค เพื่อมิให้ถูกยึดหรืออายัด เป็นการบิดเบือน ความจริงให้เป็นว่า จำเลยออกเช็คให้โจทก์โดยตรงเป็นการแสดงให้เห็นความไม่สุจริตของโจทก์ ปัญหาสำคัญจึงอยู่ที่ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายฟ้องจำเลยได้หรือไม่ มิใช่ปัญหาว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คหรือไม่ เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายแท้จริง ก็จะมาฟ้องคดีนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีชิงทรัพย์: ผู้ถูกแย่งทรัพย์จากตัว แม้ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ ก็มีอำนาจฟ้องได้
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีชิงทรัพย์สร้อยคอ แม้จะไม่ได้ระบุว่าสร้อยนั้นเป็นของโจทก์ ทั้งได้ความว่าเป็นของมารดาโจทก์ให้โจทก์สวมใส่ แต่ก็บรรยายว่า จำเลยแย่งไปจากคอโจทก์ ก็ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้อง
บรรยายฟ้องว่า สร้อยคอที่จำเลยแบ่งไปราคา 21,000 บาท แล้วโจทก์นำสืบว่าราคา 2,100 บาทแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้คืนหรือใช้ราคาเพียง 2,100 บาท เห็นได้ว่า ทีระบุในฟ้องตอนต้นว่าราคา 21,000 บาท นั้นเป็นการพลั้งเผลอไปมิใช่แตกต่างกันในสารสำคัญกับจะเป็นเหตุให้ยกฟ้อง
บรรยายฟ้องว่า สร้อยคอที่จำเลยแบ่งไปราคา 21,000 บาท แล้วโจทก์นำสืบว่าราคา 2,100 บาทแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้คืนหรือใช้ราคาเพียง 2,100 บาท เห็นได้ว่า ทีระบุในฟ้องตอนต้นว่าราคา 21,000 บาท นั้นเป็นการพลั้งเผลอไปมิใช่แตกต่างกันในสารสำคัญกับจะเป็นเหตุให้ยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีชิงทรัพย์ แม้สร้อยไม่เป็นของผู้เสียหายโดยตรง แต่โจทก์ได้รับมอบหมายให้ใช้
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีชิงทรัพย์สร้อยคอแม้จะไม่ได้ระบุว่าสร้อยนั้นเป็นของโจทก์ทั้งได้ความว่าเป็นของมารดาโจทก์ให้โจทก์ใส่แต่ก็บรรยายว่าจำเลยแย่งไปจากคอโจทก์ก็ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 500/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องรวมคดีเจ้าพนักงานจดบัญชีเท็จ เมื่อศาลแขวงฯมีคำสั่งให้ไต่สวนมูลฟ้องฐานเบียดบังทรัพย์แล้ว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน โดยเป็นข้าราชการชั้นจัตวาประจำแผนกบัญชีและพัสดุ มีหน้าที่ทำบัญชี จัดการเกี่ยวกับการเงิน ฯลฯ ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กล่าวคือได้ยักยอกเอาเงินของกรมโยธาเทศบาลไปจำนวนหนึ่ง ในการกระทำทุจริตของจำเลยปรากฏว่าจำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตนำเช็คที่สั่งจ่ายให้ผู้อื่นไปเบิกเงินเอาไปใช้ส่วนตัว ทำให้สาธารณชนและกรมโยธาเทศบาลเสียหาย และเพื่อปกปิดการกระทำดังกล่าว จำเลยบังอาจจดจำนวนเงินผิดจากความจริงลงในทะเบียนบัญชีเงินสดฯ อันเป็นหนังสือสำคัญในราชการซึ่งอยู่ในหน้าที่ของจำเลย พนักงานสอบสวนได้ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงฯ ให้ไต่สวนมูลฟ้องฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาทรัพย์เป็นประโยชน์โดยเจตนาทุจริต ศาลแขวงสั่งคดีมีมูล เหตุที่โจทก์ฟ้องต่อศาลอาญาในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำหนังสือราชการเท็จมาด้วยนั้น เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวกันเกี่ยวพันกันและต่อเนื่องกับข้อเท็จจริงในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำบัญชีและรักษาทรัพย์ เบียดบังเอาทรัพย์นั้นโดยทุจริตที่ศาลแขวงสั่งมีมูลนั้น
วินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานจดบัญชีเท็จดังกล่าวนั้น รวมมาได้ตามมาตรา 16 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. 2499
วินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานจดบัญชีเท็จดังกล่าวนั้น รวมมาได้ตามมาตรา 16 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. 2499
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มรดกที่ดินไม่มีโฉนด: โจทก์มีอำนาจฟ้อง แม้ไม่ได้เป็นผู้จัดการมรดก การแจ้งส.ค.1 ไม่ทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์
เมื่อสามีโจทก์ตาย ที่ดินไม่มีโฉนดของสามีโจทก์ตกทอดมาเป็นของโจทก์ตามกฎหมาย แม้โจทก์จะครอบครองแต่ผู้เดียวมาไม่ถึง 10 ปี และมิได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกโจทก์ก็ยังมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์ผู้เดียว และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องได้
แม้ที่พิพาทจะไม่มีโฉนดแต่โจทก์ยกให้จำเลยโดยไม่ได้ทำหนังสือและจดทะเบียนฯและมิได้สละสิทธิครอบครองไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิ
การแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) ไม่ใช่นิติกรรมการได้มาซึ่งที่ดินและการแจ้งการครอบครองร่วมกับเจ้าของที่ดินจะถือว่าได้สิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็ไม่ได้
แม้ที่พิพาทจะไม่มีโฉนดแต่โจทก์ยกให้จำเลยโดยไม่ได้ทำหนังสือและจดทะเบียนฯและมิได้สละสิทธิครอบครองไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิ
การแจ้งการครอบครอง (ส.ค.1) ไม่ใช่นิติกรรมการได้มาซึ่งที่ดินและการแจ้งการครอบครองร่วมกับเจ้าของที่ดินจะถือว่าได้สิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินก็ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแจ้งความเท็จ: ผู้เสียหายโดยตรงมีสิทธิฟ้อง แม้ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายเฉพาะ
การที่จำเลยยืมเงินโจทก์และสลักหลังเช็คมอบให้โจทก์ไว้เพื่อใช้หนี้ แต่กลับไปแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานว่าเช็คหายไป นั้น เห็นได้ชัดว่า เป็นการเสียหายต่อโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย และมีอำนาจฟ้องจำเลย เป็นคดีอาญาต่อศาลได้