คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแจ้งความเท็จ: ผู้เสียหายโดยตรงมีสิทธิฟ้องได้ แม้ความผิดต่อเจ้าพนักงาน
การที่จำเลยยืมเงินโจทก์และสลักหลังเช็คมอบให้โจทก์ไว้เพื่อใช้หนี้ แต่กลับไปแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานว่าเช็คหายไป นั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการเสียหายต่อโจทก์โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย และมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาต่อศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีสัญชาติ: การพิสูจน์สัญชาติไทยและการโต้แย้งสิทธิโดยเจ้าหน้าที่
โจทก์เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยถือหนังสือสำคัญแสดงรูปพรรณว่าเป็นคนจีน กองตรวจคนเข้าเมืองกรมตำรวจอนุญาตให้โจทก์อยู่ได้ชั่วคราว โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อกองตรวจคนเข้าเมืองขอพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทย โดยยื่นเมื่ออยู่ในประเทศไทยแล้ว กองตรวจคนเข้าเมืองและกรมตำรวจไม่สั่งประการใด โจทก์รออยู่หลายเดือนไม่ได้รับทราบ จึงยื่นฟ้องอธิบดีกรมตำรวจและหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองเป็นจำเลย ขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์มีสัญชาติไทย และให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่สั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทย ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่า เมื่อครบกำหนดเวลาที่จำเลยอนุญาตแล้ว โจทก์ก็ต้องเดินทางกลับออกไป เพราะจำเลยถือว่าโจทก์มีสัญชาติจีน ทั้งที่โจทก์ก็ยืนยันอยู่ว่าเขาเป็นคนไทย มีสิทธิอยู่ในประเทศไทยได้ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์ถือว่าตนเป็นคนไทยออกไปต่างประเทศโดยมิได้ทำหนังสือเดินทาง เมื่อจะกลับได้ไปแสดงต่อกงสุลไทย ณ เมืองฮ่องกงว่าโจทก์เป็นคนไทย แต่กงสุลไทยไม่ออกหนังสือเดินทางให้ โจทก์ต้องการเข้ามาพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทยจึงต้องทำหนังสือสำคัญแสดงว่าเป็นคนจีนขอเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราว เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่แล้ว โจทก์ก็ขอให้พิสูจน์สัญชาติไทย ดังนี้ หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีสัญชาติ: การพิสูจน์สัญชาติและการโต้แย้งสิทธิโดยเจ้าหน้าที่
โจทก์เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยถือหนังสือสำคัญแสดงรูปพรรณว่าเป็นคนจีน กองตรวจคนเข้าเมืองกรมตำรวจอนุญาตให้โจทก์อยู่ชั่วคราว โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อกองตรวจคนเข้าเมืองขอพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทย โดยยื่นเมื่ออยู่ในประเทศไทยแล้ว กองตรวจคนเข้าเมืองและกรมตำรวจไม่สั่งประการใด โจทก์รออยู่หลายเดือนไม่ได้รับทราบ จึงยื่นฟ้องอธิบดีกรมตำรวจและหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองเป็นจำเลยขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์มีสัญชาติไทย และให้เพิกถอนคำสั่งของที่สั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทยดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าเมื่อครบกำหนดเวลาที่จำเลยอนุญาตแล้ว โจทก์ก็ต้องเดินทางกลับไป เพราะจำเลยถือว่าโจทก์มีสัญชาติจีน ทั้งที่โจทก์ก็ยืนยันอยู่ว่าเขาเป็นคนไทยมีสิทธิอยู่ในประเทศไทยได้เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์ถือตนว่าเป็นคนไทยออกไปต่างประเทศโดยมิได้ทำหนังสือเดินทาง เมื่อจะกลับได้ไปแสดงต่อกงสุลไทย ณ เมืองฮ่องกงว่าโจทก์เป็นคนไทย แต่กงสุลไทยไม่ออกหนังสือเดินทางให้ โจทก์ต้องการเข้ามาพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทยจึงต้องทำหนังสือสำคัญแสดงว่าเป็นคนจีนขอเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราว เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่แล้วโจทก์ก็ขอพิสูจน์สัญชาติไทย ดังนี้ หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีหนองสาธารณ และการรบกวนการใช้ประโยชน์ แม้ไม่มีอำนาจฟ้องแสดงความเป็นหนองสาธารณ แต่โจทก์มีอำนาจฟ้องห้ามการรบกวนได้
เอกชนเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าหนองรายพิพาทเป็นหนองสาธารณ และขอให้สั่งห้ามไม่ให้จำเลยกระทำการรบกวนก่อความเดือดร้อนเสียหายแก่โจทก์และประชาชนในหนองนี้ เพราะจำเลยกับพวกลงไปวิดน้ำจับปลาทำให้น้ำขุ่นเป็นปฏิกูล แม้ศาลจะวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามคำขอข้อแรก แต่ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยว่าหนองนี้เป็นหนองสาธารณ แล้วพิพากษาบังคับจำเลยตามคำขอข้อหลังนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของนิติบุคคลต่างประเทศ, การใช้เครื่องหมายการค้าปลอม, และค่าเสียหายจากการละเมิด
นิติบุคคลเมื่อจดทะเบียนตามกฎหมายต่างประเทศมีอำนาจฟ้องคดีในศาลไทยหรือตั้งผู้แทนฟ้องคดีได้
นิติบุคคลในต่างประเทศมีอำนาจมอบให้นิติบุคคลในต่างประเทศ ซึ่งมีสำนักงานสาขาในประเทศไทยขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของเขาได้
ถ้าจำเลยเห็นว่า การขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะร้องขอให้ให้ศาลเพิกถอน ไม่ใช่เรื่องที่จะยกขึ้นต่อสู้โจทก์ ในคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้า
เมื่อกล่องและสลากปิดขวดยาอันเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นของปลอมแล้ว แม้ตัวยาในขวดจะไม่ได้ความชัดว่าเป็นยาปลอม จำเลยผู้สั่งของนี้มาจำหน่าย โดยรู้ว่ากล่องและสลากยานั้นเป็นของปลอม ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ใช้เครื่องหมายการค้าปลอม และต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานขาดประโยชน์ 83,850 บาท และค่าเสียหายฐานเสียชื่อเสียงเกียรติคุณ 50,000 บาท ศาลชั้นต้นให้ค่าเสียหาย 2 อย่างรวมกันมา 55,000 บาท และโจทก์อุทธรณ์ขอค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าควรได้เฉพาะค่าเสียชื่อเสียงเกียรติคุณและคงให้ใช้ค่าเสียหาย 55,000 บาทได้
การส่งประเด็นไปสืบพยานในต่างประเทศย่อมทำได้เมื่อจำเป็นและสมควร และค่าใช้จ่ายในการนี้เป็นค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งศาลใช้ดุลพินิจให้คู่ความฝ่ายใดเสียให้หรือเสียแทนกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกความผิดทางภาษี: ลงบัญชีไม่ครบถ้วน (มาตรา 190) กับไม่ทำบัญชีเลย (มาตรา 197) และอำนาจฟ้อง
เจ้าหน้าที่สรรพากรได้มีคำสั่งบังคับให้โจทก์เสียภาษีโภคภัณฑ์และเงินเพิ่มจนถึงกับจะยึดทรัพย์ของโจทก์เพื่อเอาชำระค่าภาษีนั้น นับว่ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของโจทก์แล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้องศาลได้
ประมวลรัษฎากรมาตรา 190 เป็นบทความผิดสำหรับผู้ค้าโภคภัณฑ์ที่มีโภคภัณฑ์หรือเกินบัญชี ภ.ภ. 11 คือ ลงบัญชีไว้ไม่ครบถ้วน ส่วนมาตรา 197 เป็นบทความผิดผู้ที่ไม่ทำบัญชี ภ.ภ. 11 หรือทำแล้วไม่เก็บบัญชีไว้ 5 ปี ซึ่งมีโทษทั้งปรับทั้งจำ เป็นการแยกความผิดฐานลงบัญชีไม่ครบถ้วน กับการไม่ทำบัญชีเสียเลยให้มีโทษหนักเบาต่างกัน
โจทก์ได้สั่งโภคภัณฑ์เข้ามาเป็นคราว ๆ และได้ลงบัญชี ภ.ภ. 11 แล้ว แต่คราวสุดท้ายไม่ลงบัญชีเลยดังนี้ ไม่ใช่เรื่องลงบัญชีไม่ครบอันเป็นเหตุให้มีโภคภัณฑ์ขาดหรือเกินจากบัญชีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 190 ต้องถือว่าไม่ได้ทำบัญชีตามมาตรา 197 เจ้าพนักงานจึงเรียกเก็บภาษีและเงินเพิ่มจากโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญา (เอกสารปลอม) ต้องมีผู้เสียหายจากการกระทำนั้นจริง จึงจะมีอำนาจฟ้อง
จำเลยมีเครื่องเพ็ชรโจทก์ไปจำนำไว้ต่อผู้มีชื่อคนหนึ่ง โดยโจทก์ตกลงจะเป็นผู้ไถ่เอง ต่อมาโจทก์ได้รับจดหมายซึ่งจำเลยทำปลอมว่าเป็นของผู้มีชื่อคนนั้นมาถึงจำเลย โดยจำเลยเป็นผู้ส่งให้โจทก์ มีใจความว่าให้จำเลยช่วยเก็บดอกเบี้ยจากโจทก์และให้เร่งรัดโ7ทก์ให้รีบไถ่ของคืน ทั้งนี้ เพื่อให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารอันแท้จริง จะได้ทำตามอุบายหลอกลวงที่จำเลยมีต่อโจทก์นั้น แต่โจทก์ยังไม่ได้ทำตามเอกสารนั้นเลย ดังนี้ โ7ทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายจากเอกสารนั้น จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาโดยไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น ผู้ฟ้องไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยยืมเครื่องเพ็ชรโจทก์ไปจำนำไว้ต่อผู้มีชื่อคนหนึ่งโดยโจทก์ตกลงจะเป็นผู้ไถ่เอง ต่อมาโจทก์ได้รับจดหมายซึ่งจำเลยทำปลอมว่าเป็นของผู้มีชื่อคนนั้นมีถึงจำเลย โดยจำเลยเป็นผู้ส่งให้โจทก์ มีใจความว่าให้จำเลยช่วยเก็บดอกเบี้ยจากโจทก์และให้เร่งรัดโจทก์ให้รับไถ่ของคืนทั้งนี้ เพื่อให้โจทก์หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารอันแท้จริงจะได้ทำตามอุบายหลอกลวงที่จำเลยมีต่อโจทก์นั้น แต่โจทก์ยังไม่ได้ทำตามเอกสารนั้นเลย ดังนี้ โจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหายจากเอกสารนั้น จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีละเมิดจากการปล่อยปละละเลยต้นไม้ลุกล้ำที่ดินของผู้อื่น
โจทก์จำเลยต่างเป็นผู้เช่าที่ดินของวัด ปลูกเรือนอาศัยอยู่ จำเลยได้ปล่อยปละละเลยให้ต้นมะม่วงที่ขึ้นอยู่ในที่ดินจำเลยเช่าแผ่กิ่งก้านสาขาเข้ามาปกคลุมหลังคาเรือนโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานละเมิดและเรียกค่าเสียหายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 434

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องกรณีต้นไม้รุกล้ำ: ผู้เช่ามีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้เช่ารายอื่นได้
โจทก์จำเลยต่างเป็นผู้เช่าที่ดินของวัดปลูกเรือนอาศัยอยู่จำเลยได้ปล่อยปละละเลยให้ต้นมะม่วงที่ขึ้นอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าแผ่กิ่งก้านสาขาเข้ามาปกคลุมหลังคาเรือนโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานละเมิดและเรียกค่าเสียหายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 434
of 452