พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,515 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของ ผวจ. และการใช้ข้อเท็จจริงจากคดีอาญาในคดีแพ่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะที่เป็นบุคคลธรรมดาโดยตำแหน่งหน้าที่ราชการในขอบเขตแห่งวงหน้าที่ราชการ ย่อมมีอำนาจเป็นคู่ความในศาลได้ เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดว่าง ปลัดจังหวัดเป็นผู้รักษาการแทนปลัดจังหวัดก็ย่อมเป็นบุคคลที่จะเป็นโจทก์ ฟ้องร้องได้ในฐานเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา 47 ที่ว่า คำพิพากษาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง นั้น ไม่ได้หมายถึงว่า จะไปกลับข้อเท็จจริงที่จำต้องรับฟังคำพิพากษาในคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ได้ด้วย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา 47 ที่ว่า คำพิพากษาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง นั้น ไม่ได้หมายถึงว่า จะไปกลับข้อเท็จจริงที่จำต้องรับฟังคำพิพากษาในคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของข้าราชการ & ผลคดีอาญาที่มีผลผูกพันคดีแพ่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะที่เป็นบุคคลธรรมดาโดยตำแหน่งหน้าที่ราชการในขอบเขตแห่งวงหน้าที่ราชการ ย่อมมีอำนาจเป็นคู่ความในศาลได้เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดว่าง ปลัดจังหวัดเป็นผู้รักษาการแทนปลัดจังหวัดก็ย่อมเป็นบุคคลที่จะเป็นโจทก์ฟ้องร้องได้ในฐานเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47 ที่ว่าคำพิพากษาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง นั้นไม่ได้หมายถึงว่าจะไปกลับข้อเท็จจริงที่จะต้องรับฟังตามคำพิพากษาในคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ได้ด้วย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 47 ที่ว่าคำพิพากษาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง นั้นไม่ได้หมายถึงว่าจะไปกลับข้อเท็จจริงที่จะต้องรับฟังตามคำพิพากษาในคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งตกไปเมื่อฟ้องเดิมถูกยกฟ้อง - อำนาจฟ้องแทนผู้เยาว์
เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องของโจทก์แล้ว ฟ้องแย้งของจำเลยย่อมตกไปเพราะฟ้องแย้งนั้นจะต้องมีฟ้องเดิมและตัวโจทก์เดิมที่จะเป็นจำเลยต่อไปเป็นหลักอยู่ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง แต่พนักงานอัยการสั่งฟ้อง
คดีอาญาอยู่ในอำนาจศาลแขวงพนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้องและจำเลยมีประกันตัว แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง ดังนี้ กรณีต้องบังคับด้วยมาตรา 10 (2) และ 12 เท่านั้น หาตกอยู่ในบังคับมาตรา 7 และ 9 ไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องขออนุญาตอธิบดีกรมอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 661/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง: การบังคับใช้มาตรา 10(2) และ 12 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
คดีอาญาอยู่ในอำนาจศาลแขวงพนักงานสอบสวนมีคำสั่งไม่ฟ้องและจำเลยมีประกันตัว แต่พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องดังนี้ กรณีต้องบังคับด้วยมาตรา 10(2) และ 12 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯเท่านั้นหาตกอยู่ในบังคับมาตรา 7 และ 9 ไม่โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องขออนุญาตอธิบดีกรมอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลแขวงให้คดีมีมูลเด็ดขาด ไม่อุทธรณ์ฎีกาได้ แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องอำนาจฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูลและประทับฟ้องส่งสำนวนให้อัยการดำเนินการ คำสั่งของศาลแขวงที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาด จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาว่า ผู้ว่าคดีโจทก์ฟ้องคดีพ้นระยะเวลาตามที่ กำหนดไว้ใน มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. 2499 โดยไม่มีการขอและรับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตาม มาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ. นั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ หาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลแขวงให้คดีมีมูลเด็ดขาด ห้ามอุทธรณ์ฎีกา แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องอำนาจฟ้อง
ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูลและประทับฟ้องส่งสำนวนให้อัยการดำเนินการ คำสั่งของศาลแขวงที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาดจำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาว่าผู้ว่าคดีโจทก์ฟ้องคดีพ้นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 7 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499โดยไม่มีการขอและรับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตาม มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัตินั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องดังนี้ หาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีกู้ยืม แม้ลงชื่อบริษัทแทนตัวการ โจทก์มีอำนาจฟ้องได้ และการฟ้องซ้ำหลังถอนฟ้อง
คำบรรยายฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ แต่ลงชื่อบริษัทนิยมวานิช จำกัดเป็นเจ้าของเงิน จำเลยให้การว่า เอกสารท้ายฟ้องระบุชัดว่า เป็นการยืมเงินจากห้างนิยมพานิช ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด โจทก์ในฐานะส่วนตัว ไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ เมื่อจำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงินของโจทก์ เป็นแต่ต่อสู้ว่าผู้อื่นเป็นผู้ให้กู้ จึงต้องฟังตามฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินของโจทก์ แม้จะลงชื่อคนอื่นในหนังสือสัญญากู้ ก็ย่อมมีลักษณะเป็นการลงชื่อไว้แทนโจทก์ โจทก์ซึ่งเป็นตัวการย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกเงินกู้ได้
บรรยาย ฟ้องเรื่องกู้เงิน แม้ทางพิจารณาได้ความว่า การกู้เกิดจากการเล่นแชร์ จำเลยต้องรับผิดตามสัญญากู้แล้ว มูลกรณีแห่งการกู้ยืมเป็นมาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องแตกต่างผิดไปจากฟ้อง
คดีมีการฟ้องร้องกันครั้งหนึ่งและได้ถอนฟ้องไปแล้ว ก็ไม่เป็นการต้องห้ามที่โจทก์จะฟ้องใหม่ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 176
บรรยาย ฟ้องเรื่องกู้เงิน แม้ทางพิจารณาได้ความว่า การกู้เกิดจากการเล่นแชร์ จำเลยต้องรับผิดตามสัญญากู้แล้ว มูลกรณีแห่งการกู้ยืมเป็นมาอย่างไร ไม่ใช่เรื่องแตกต่างผิดไปจากฟ้อง
คดีมีการฟ้องร้องกันครั้งหนึ่งและได้ถอนฟ้องไปแล้ว ก็ไม่เป็นการต้องห้ามที่โจทก์จะฟ้องใหม่ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 176
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินแม้ลงชื่อบริษัทอื่น ก็ถือเป็นการลงชื่อแทนโจทก์ โจทก์มีอำนาจฟ้องได้
คำบรรยายฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์แต่ลงชื่อบริษัทนิยมวานิช จำกัด เป็นเจ้าของเงิน จำเลยให้การว่าเอกสารท้ายฟ้องระบุชัดว่าเป็นการยืมเงินจากห้างนิยมพานิชซึ่งเป็นบริษัทจำกัดโจทก์ในฐานะส่วนตัวไม่มีอำนาจฟ้องดังนี้ เมื่อจำเลยไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงินของโจทก์ เป็นแต่ต่อสู้ว่าผู้อื่นเป็นผู้ให้กู้จึงต้องฟังตามฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินของโจทก์แม้จะลงชื่อคนอื่นในหนังสือสัญญากู้ ก็ย่อมมีลักษณะเป็นการลงชื่อไว้แทนโจทก์ โจทก์ซึ่งเป็นตัวการย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกเงินกู้ได้
บรรยายฟ้องเรื่องกู้เงิน แม้ทางพิจารณาได้ความว่า การกู้เกิดจากการเล่นแชร์จำเลยก็ต้องรับผิดตามสัญญากู้แล้วมูลกรณีแห่งการกู้ยืมเป็นมาอย่างไรเป็นเพียงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงไม่ใช่เรื่องแตกต่างผิดไปจากฟ้อง
คดีมีการฟ้องร้องกันครั้งหนึ่งและได้ถอนฟ้องไปแล้วนั้น ก็ไม่เป็นการต้องห้ามที่โจทก์จะฟ้องใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176
บรรยายฟ้องเรื่องกู้เงิน แม้ทางพิจารณาได้ความว่า การกู้เกิดจากการเล่นแชร์จำเลยก็ต้องรับผิดตามสัญญากู้แล้วมูลกรณีแห่งการกู้ยืมเป็นมาอย่างไรเป็นเพียงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงไม่ใช่เรื่องแตกต่างผิดไปจากฟ้อง
คดีมีการฟ้องร้องกันครั้งหนึ่งและได้ถอนฟ้องไปแล้วนั้น ก็ไม่เป็นการต้องห้ามที่โจทก์จะฟ้องใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 176
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดฐานะ ‘เจ้าพนักงาน’ และความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่: จำเลยไม่ใช่ข้าราชการจึงไม่อยู่ในอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานทำการทุจริตต่อหน้าที่และจดหลักฐานเท็จแต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยได้รับแต่งตั้งจากอธิบดีกรมชลประทานให้เป็นช่างบังคับหมู่เขื่อนระบายน้ำโพธิ์เตี้ยมีหน้าที่ควบคุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบำรุงรักษา ควบคุมการเบิกจ่ายค่าแรงคนงาน ควบคุมคนงานโดยได้รับเงินค่าจ้างเป็นรายวันจากงบประมาณ ซึ่งมิใช่ประเภทเงินเดือน เมื่อจำเลยได้เบิกค่าแรงคนงานเกินความจริงและจดหลักฐานเท็จ ก็จะเอาผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่และทำหลักฐานเท็จตามฟ้องไม่ได้เพราะถือว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานและตามฟ้องของโจทก์ก็มิได้บรรยายถึงความผิดอย่างอื่นอันเป็นเรื่องที่เห็นได้ว่า โจทก์มีความประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยซึ่งไม่ใช่ในฐานเป็นเจ้าพนักงานด้วย เมื่อเป็นดังนี้ คดีก็ไม่มีทางจะลงโทษจำเลยได้