คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขาดนัด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 616 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2595/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดอย่างชัดเจน มิฉะนั้นศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวน
คำร้องขอพิจารณาใหม่กล่าวแต่เหตุที่จำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่จำเลยอาจชนะคดีได้คำของจำเลยไม่ชอบด้วยป.วิ.พ.มาตรา208วรรคท้ายศาลชอบที่จะยกคำร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมหลังกำหนด & ผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแต่ก็อนุญาตให้จำเลยนำพยานที่ได้อ้างไว้ตามบัญชีระบุพยานที่ยื่นต่อศาลไว้โดยถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคแรก เข้าสืบ ส่วนพยานที่อ้างไว้ตามบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมที่ยื่นต่อศาลโดยฝ่าฝืนต่อ มาตรา 88 วรรคสองไม่อนุญาตให้จำเลยนำเข้าสืบโดยอ้างเหตุผลแห่งการไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมตามเหตุผลที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 วรรคสาม ดังนี้ ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างคดีขาดนัดพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาคดีโดยขาดนัด แต่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยพยานหลักฐานจำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาขอให้พิจารณาใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาไม่ได้ จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมต่อศาลเมื่อล่วงเลยระยะเวลาตามมาตรา 88 วรรคสองแล้ว โดยมิได้อ้างเหตุแห่งการที่ไม่อาจยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมภายในระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 วรรคสาม จึงชอบที่จะไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการโต้แย้งคำสั่งศาล: การที่จำเลยไม่โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ ทำให้ข้อเท็จจริงยุติ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างเหตุว่า จำเลยทราบกำหนดนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ จึงถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนให้งดไต่สวยและกรณียังฟังไม่ได้ตามคำร้องของจำเลย ทั้งคำร้องดังกล่าวไม่ได้โต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 268 จำเลยคงอุทธรณ์แต่เพียงว่า จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน และคำร้องของจำเลยก็ได้ระบุว่าจำเลยมีทางชนะคดี ถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลแล้ว โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในข้อที่ว่า จำเลยมีเหตุผลสมควรที่จะใช้ศาลเลื่อนการไต่สวนไป เพื่อจำเลยจะได้นำพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่า การขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควร ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงเป็นอันยุติไปตามคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว การที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด และได้บรรยายไว้ในคำร้องดังกล่าว แล้วว่าจำเลยจะมีทางชนะคดีได้อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งคัดค้านคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นแล้ว คำขอให้พิจารณาใหม่จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ดังนี้ แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยไม่เป็นสาระแก่คดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาใหม่และการโต้แย้งคำสั่งศาล: เหตุผลการไม่ยอมรับคำร้องเนื่องจากประเด็นการขาดนัดและการไม่โต้แย้งคำสั่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างเหตุ2ประการประการแรกคือจำเลยทราบกำหนดนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและกรณียังฟังไม่ได้ตามคำร้องของจำเลยประการที่สองเห็นว่าคำร้องของจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามป.วิ.พ.มาตรา208จำเลยอุทธรณ์เพียงว่าจำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน15วันและคำร้องของจำเลยก็ระบุว่าจำเลยมีทางชนะคดีถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำชี้ขาดของศาลแล้วเช่นนี้ต้องถือว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในข้อที่ว่าจำเลยไม่มีเหตุผลสมควรที่จะให้ศาลเลื่อนการไต่สวนไปยุติแล้วแม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 813/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำให้การหลังขาดนัด และขอบขยายเวลา ศาลไม่ต้องสั่งไม่รับคำให้การ หากไม่ขยายเวลา
การขออนุญาตยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคแรกแล้ว จำเลยที่ 2 จึงขออนุญาตยื่นคำให้การก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การไม่ได้
คำร้องของจำเลยที่ 2 บรรยายไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2525 และพ้นกำหนดที่จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำให้การแก้คดีแล้ว การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ จึงเท่ากับเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งกรณีนี้เมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้วจึงจะถึงขั้นพิจารณาเกี่ยวกับการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การ หากศาลสั่งไม่อนุญาตก็ไม่ต้อง พิจารณาถึงการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การต่อไป ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้น ไม่ขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 จึงไม่จำต้องสั่งไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 2 ด้วย
คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การไม่ใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (5) เพราะไม่ได้ตั้งประเด็นระหว่างคู่ความฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาจึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความและเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 813/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำให้การหลังขาดนัด: ศาลไม่ต้องสั่งไม่รับคำให้การหากไม่อนุญาตขยายเวลา
การขออนุญาตยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 นั้นจะต้องเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา197 วรรคแรกแล้ว จำเลยที่ 2 จึงขออนุญาตยื่นคำให้การก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การไม่ได้
คำร้องของจำเลยที่ 2 บรรยายไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2ได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2525และพ้นกำหนดที่จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำให้การแก้คดีแล้วการที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ จึงเท่ากับเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่ จำเลยที่2 ซึ่งกรณีนี้เมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้วจึงจะถึงขั้นพิจารณา เกี่ยวกับการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การ หากศาลสั่งไม่อนุญาตก็ไม่ต้อง พิจารณาถึงการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การต่อไป ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้น ไม่ขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 จึงไม่จำต้องสั่งไม่รับ คำให้การของจำเลยที่ 2 ด้วย
คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การไม่ใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(5) เพราะไม่ได้ตั้งประเด็น ระหว่างคู่ความฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลา จึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความและเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องคดีอาญาเนื่องจากขาดนัด และสิทธิในการขอให้พิจารณาคดีใหม่ หากมีเหตุผลสมควร
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาลศาลชอบที่จะยกฟ้องเพราะโจทก์ไม่มาตามกำหนดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 และมาตรา 181 ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้ภายใน 15 วัน แม้ศาลชั้นต้นจะยกฟ้องโดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ก็ไม่เป็นการตัดสิทธิดังกล่าวของโจทก์
เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่โดยอ้างว่าโจทก์เข้าใจวันนัดสืบพยานโจทก์คลาดเคลื่อนผิดวันไป หากเป็นความจริงก็พอถือได้ว่ามีเหตุผลสมควรที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งในเรื่องนี้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5104/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องระบุเหตุคัดค้านคำพิพากษา มิใช่แค่อ้างเหตุขาดนัด
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าจำเลยไม่ทราบถึงการนัดสืบพยานโจทก์ของศาลเลยเนื่องจากจำเลยต้องออกไปทำธุรกิจนอกบ้านเป็นประจำ มาทราบว่าศาลมีคำพิพากษาเมื่อได้รับคำบังคับของศาลแล้วเท่านั้น ดังนี้ เป็นการกล่าวแต่เพียงเหตุที่ตนได้ขาดนัด ไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น จึงเป็นคำร้องขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5104/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการคัดค้านคำพิพากษา จำเป็นต้องระบุเหตุคัดค้านชัดเจนในคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าจำเลยไม่ทราบถึงการนัดสืบพยานโจทก์ของศาลเลยเนื่องจากจำเลยต้องออกไปทำธุรกิจนอกบ้านเป็นประจำ มาทราบว่าศาลมีคำพิพากษาเมื่อได้รับคำบังคับของศาลแล้วเท่านั้นดังนี้ เป็นการกล่าวแต่เพียงเหตุที่ตนได้ขาดนัดไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นจึงเป็นคำร้องขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4876-4878/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดยื่นคำให้การ แต่เบิกความต่อสู้คดี ถือเป็นการกล่าวแก้กรรมสิทธิ์ได้หรือไม่
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแต่ได้อ้างตนเองเป็นพยานและถามค้านพยานโจทก์นั้นเป็นเรื่องสิทธิของจำเลยที่ขาดนัดยื่นคำให้การพึงกระทำได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 199วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอันมีเจตนารมณ์เพื่อให้จำเลยมีโอกาสอ้างตนเองเป็นพยานเพื่อเสนอข้อเท็จจริงที่จะเป็นการหักล้างพยานหลักฐานโจทก์เท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์เพราะจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี
of 62