คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกาต้องห้าม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 496 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3658/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้อาศัยพยานเอกสารที่จำเลยโต้แย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 จำคุก 2 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดเวลา 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา56เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จำเลยฎีกาว่าแผนที่เกิดเหตุพนักงานสอบสวนทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องข้อเท็จจริง จำเลยจึงปฏิเสธไม่ยอมลงชื่อ จะนำมาใช้ยันจำเลยไม่ได้ เป็นทำนองว่าการรับฟังพยานเอกสารไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณานั้น เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยคดีโดยอาศัยแผนที่เกิดเหตุดังกล่าวเลย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3427/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์ ไม่ถือเป็นการแก้บทความผิด ทำให้ฎีกาต้องห้าม
ศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้เพิ่มโทษจำเลยเป็นไม่เพิ่มโทษ ไม่เป็นการแก้บทความผิด จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำเลยในข้อหามีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งเฮโรอีนกระทงหนึ่ง จำคุก 5 ปี และจำหน่ายเฮโรอีนอีกกระทงหนึ่งจำคุก 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1924/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษเล็กน้อย และหลักการรวมโทษจำคุกตามมาตรา 91
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ จำคุก กระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวม 13 กระทง เป็นจำคุก 43 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยเบียดบังทรัพย์ รายเดียวกัน ลงโทษตามบทเดิม เท่าเดิม แต่แก้เป็น14 กระทง รวมเป็นจำคุก 46 ปี 8 เดือนดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 คำว่า 'อัตราโทษ' ตามที่บัญญัติไว้ในอนุมาตราต่างๆ ของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 นั้นหมายถึงอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้หาได้หมายถึงอัตราโทษจำคุกอย่างสูงที่ศาลลงแก่จำเลยไม่ (วรรคสองวินิจฉัยโดยการประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 220 และการพิจารณาความหนักของข้อหาในคดีอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่า ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าเช่นกัน และบาดแผลไม่ถึงสาหัส พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลย ฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ดังนี้ ข้อหาฐานพยายามฆ่าต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288 จึงต้องห้ามคดีของโจทก์จึงไม่อาจขึ้นมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาและถือไม่ได้ว่าโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นในข้อหาฐานทำร้ายร่างกายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297ด้วย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2526)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2568-2569/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษแต่ไม่เปลี่ยนบทมาตราความผิด โจทก์ฎีกาขอเพิ่มโทษไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279,285 ลงโทษจำเลยตามมาตรา 285 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกจำเลยสำนวนละ 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 ประกอบด้วยมาตรา 279 จำคุกจำเลยสำนวนละ 3 เดือน เป็นการที่ศาลอุทธรณ์มิได้แก้บทมาตราแห่งความผิด เพียงแต่ปรับบทกฎหมายที่ลงโทษให้ถูกต้อง ทั้งโทษเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้แล้วก็ให้จำคุกจำเลยสำนวนละไม่เกิน 5 ปีจึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย คู่ความต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2776/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การโต้เถียงข้อเท็จจริงเรื่องการชำระหนี้และการหักกลบลบหนี้ โดยอ้างอิงมาตรา 653 ไม่ถือเป็นฎีกาในข้อกฎหมาย
โจทก์ฎีกาความว่า การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยอมฟังข้อนำสืบของจำเลยแต่เพียงวาจาว่าเป็นเรื่องหักกลบลบหนี้โดยไม่มีพยานเอกสารใด ๆ นำสืบสนับสนุนให้น่าเชื่อ เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดีทั้ง ๆ ที่สัญญากู้ยังมิได้เวนคืน แทงเพิกถอนหรือมีการจดแจ้งว่าได้ชำระหนี้แล้ว โจทก์เห็นว่าการรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวยังขาดเหตุและผลอยู่ ข้อสำคัญที่ปรากฏในสำนวนคดีนี้ก็คือ หนี้ในสัญญากู้นั้นมิได้มีการเวนคืนเอกสารสัญญากู้หรือเพิกถอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 กรณีจึงรับฟังไม่ได้ว่าได้มีการชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วดังที่จำเลยกล่าวอ้างนำสืบมาแต่ต้น ข้อความในฎีกาดังกล่าว เป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงว่าจำเลยยังมิได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เพียงแต่อ้างมาตรา 653 มาหักล้างข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบในข้อที่ว่าได้หักกลบลบหนี้กับโจทก์แล้วเท่านั้นหาได้เป็นข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงในฎีกาเพื่อเอาชนะคดีโดยชัดแจ้งไม่ จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: โจทก์มิได้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ในชั้นขอคืนของกลาง ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าอุปกรณ์โต๊ะบิลเลียดเป็นของผู้ร้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์ดังนั้นฎีกาของโจทก์ว่า อุปกรณ์ดังกล่าวไม่ใช่ของผู้ร้องจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218: ข้อโต้แย้งเรื่องพยานหลักฐานเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่รับอนุญาต กระทงหนึ่ง จำคุก 5ปี กับฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปโดยไม่รับอนุญาต จำคุก 5 ปีอีกกระทงหนึ่ง คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังและเชื่อถือได้ว่าจำเลย กระทำความผิด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามโดยบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3912/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218: ข้อโต้แย้งเรื่องพยานหลักฐานเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกัน ให้ลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่รับอนุญาต กระทงหนึ่ง จำคุก 5ปี กับฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปโดยไม่รับอนุญาต จำคุก 5 ปีอีกกระทงหนึ่ง คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังและเชื่อถือได้ว่าจำเลย กระทำความผิด เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามโดยบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3020/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: โต้เถียงดุลพินิจพยานหลักฐานในคดีข่มขืน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 90 จำคุกห้าปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 83 จำคุกสองปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ลงโทษจำคุกเท่ากับศาลชั้นต้น ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยทั้งสองฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความสนับสนุนคำฟ้องจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดนั้นเป็นการโต้เถียงดุลพินิจเกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาล เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
of 50