คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ป้องกันตัว

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 883 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวในกรณีถูกบุกรุกทำร้ายร่างกายในเวลากลางคืน ศาลวินิจฉัยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายบุกรุกขึ้นไปบนบ้านและเข้าไปในห้องนอนของจำเลยซึ่งเป็นหญิงที่อยู่บ้านแต่ลำพังคนเดียวในเวลาวิกาลและมืด เมื่อจำเลยวิ่งหนีออกมา ผู้ตายก็เข้ากอดปล้ำจนกระทำมิดีมิร้ายจำเลยจำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไปในขณะนั้นเพื่อให้ปล่อยผู้ตายไม่ปล่อย จำเลยแทงซ้ำจนผู้ตายปล่อยจำเลย เป็นบาดแผลที่หน้าอก 2 แผล ที่ชายโครง 3 แผล ลึก 2 เซ็นติเมตร ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการกระทำป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงตอบโต้หลังถูกทำร้ายไม่ถือเป็นการป้องกันตัว หากภยันตรายพ้นไปแล้ว และอาจเข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยถูกยิง แล้วเห็นคนที่ยิงวิ่งออกไปจากใต้ถุนเลี้ยวไปทางทิศใต้แล้วเลี้ยวไปทางทิศตะวันตก จำได้ว่าเป็นโจทก์ร่วม จำเลยจึงได้ยิงตามไปถูกโจทก์ร่วมเช่นนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันสิทธิตามกฎหมาย เพราะภยันตรายที่จำเลยได้รับนั้นผ่านพ้นไปแล้ว พฤติการณ์เห็นได้ว่า จำเลยได้ยิงโจทก์ร่วมตอบไปนั้นก็เพราะบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72ปัญหานี้ แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
หมายเหตุ คดีนี้มีจำเลยหลายคน จำเลยในที่นี้หมายถึงจำเลยที่ 1 (ดูข้อเท็จจริง)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากบุคคลเมาสุราและมีท่าทีข่มขู่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการป้องกันโดยชอบธรรม
ผู้ตายเมาสุราโมโหคนในรถที่จำเลยกับพวกที่นั่งมากดแตรเพื่อไม่ให้ผู้ตายกระแทกข้างรถ พอพวกของจำเลยคนหนึ่งเดินมาที่รถผู้ตายก็เข้าไปต่อว่าแล้วเกิดเป็นปากเสียงกันขึ้น เมื่อจำเลยเข้าไปจะดึงพวกของจำเลยขึ้นรถ ผู้ตายยกมือขึ้นทำท่าจะชกต่อยจำเลยจำเลยจึงชกต่อยผู้ตายไป 1 ที ถูกผู้ตายล้มศีรษะฟาดพื้นถนนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เพราะสมองได้รับความกระเทือน ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ตายเมาสุราโมโหคนในรถที่จำเลยกับพวกที่นั่งมากดแตรเพื่อไม่ให้ผู้ตายกระแทกข้างรถ พอพวกของจำเลยคนหนึ่งเดินมาที่รถผู้ตายก็เข้าไปต่อว่าแล้วเกิดเป็นปากเสียงกันขึ้น เมื่อจำเลยเข้าไปจะดึงพวกของจำเลยขึ้นรถ ผู้ตายยกมือขึ้นทำท่าจะชกต่อยจำเลยจำเลยจึงชกต่อยผู้ตายไป 1 ที ถูกผู้ตายล้มศีรษะฟาดพื้นถนนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เพราะสมองได้รับความกระเทือนดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการละเมิดต่อกฎหมายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1396/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวตามสมควรแก่เหตุ: ศาลฎีกายกฟ้องฐานพยายามฆ่า แม้โจทก์อุทธรณ์
การปรับบทว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นชอบที่จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทงไป ศาลชั้นต้นลงโทษเรียงกระทงความผิดมาศาลอุทธรณ์แก้ในกระทงความผิดกระทงหนึ่งแม้จะเป็นแก้มาก เมื่อศาลอุทธรณ์ยังลงโทษจำคุกในกระทงความผิดที่แก้ไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
เกิดโต้เถียงกันก่อนแล้วผู้เสียหายใช้จอบตีถูกจำเลยเซไปผู้เสียหายใช้จอบฟันซ้ำอีก 1 ที จำเลยล้มพอลุกขึ้นนั่งได้พวกผู้เสียหายต่างถือขวานและมีดจะมาช่วยผู้เสียหาย จำเลยจึงใช้ปืนพกลูกซองสั้นยิงผู้เสียหายไป 1 นัด แล้ววิ่งหนีไปแจ้งความดังนี้เป็นการที่จำเลยยิงผู้เสียหายในเวลากระทันหันที่เหตุการณ์กำลังพัวพันกันอยู่และภยันตรายซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้ายังไม่หมดไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ทางพิจารณาการกระทำของจำเลยเป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุแม้จำเลยจะไม่ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1396/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวตามสมควรแก่เหตุและการยกฟ้องในคดีพยายามฆ่า
การปรับบทว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นชอบที่จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทงไป ศาลชั้นต้นลงโทษเรียงกระทงความผิดมาศาลอุทธรณ์แก้ในกระทงความผิดกระทงหนึ่ง แม้จะเป็นแก้มาก เมื่อศาลอุทธรณ์ยังลงโทษจำคุกในกระทงความผิดที่แก้ไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
เกิดโต้เถียงกันก่อนแล้วผู้เสียหายใช้จอบตีถูกจำเลยเซไปผู้เสียหายใช้จอบฟันซ้ำอีก 1 ที จำเลยล้ม พอลุกขึ้นนั่งได้ พวกผู้เสียหายต่างถือขวานและมีดจะมาช่วยผู้เสียหาย จำเลยจึงใช้ปืนพกลูกซองสั้นยิงผู้เสียหายไป 1 นัดแล้ววิ่งหนีไปแจ้งความดังนี้เป็นการที่จำเลยยิงผู้เสียหายในเวลากระทันหันที่เหตุการณ์กำลังพัวพันกันอยู่และภยันตรายซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้ายังไม่หมดไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ทางพิจารณาการกระทำของจำเลยเป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุแม้จำเลยจะไม่ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1378/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน แต่การตอบโต้ด้วยอาวุธอันตรายถึงแก่ชีวิตถือเป็นเจตนาฆ่า
ผู้ตายซึ่งมีอาการเมาสุรายืนพูดต่อว่าอยู่กับผู้อื่น จำเลยซึ่งเมาสุราเหมือนกันเข้าไปถามผู้ตายตอบว่า ไม่ใช่เรื่องของมึงพร้อมกับชักมีดดาบปลายปืนตัวมีดยาว 15 นิ้ว ออกมาแทงจำเลยก่อน แล้วผู้ตายกับจำเลยแย่งมีดกัน จำเลยแย่งมีดได้จึงแทงผู้ตายมีบาดแผล 3 แห่งที่หน้าอกด้านขวา ที่หน้าท้องใต้สะดือถึงไส้ไหลออกมากองหน้าท้องและที่ตะโพกซ้าย ดังนี้ การที่จำเลยแย่งมีดได้แล้วแทงผู้ตายไปเป็นการกระทำในเวลากระชั้นชิดติดพันมาจากการกระทำเพื่อป้องกันตนแต่การที่จำเลยซึ่งหนุ่มกว่าและรูปร่างใหญ่กว่าผู้ตาย ใช้มีดซึ่งตัวมีดยาวถึง 15 นิ้วแทงผู้ตายที่อวัยวะสำคัญ โดยที่ผู้ตายไม่มีอาวุธอะไรเลยย่อมเป็นการฆ่าคนโดยเจตนาด้วยการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1378/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุและการฆ่าโดยเจตนาเมื่อมีการแย่งอาวุธ
ผู้ตายซึ่งมีอาการเมาสุรายืนพูดต่อว่าอยู่กับผู้อื่น จำเลยซึ่งเมาสุราเหมือนกันเข้าไปถาม ผู้ตายตอบว่า ไม่ใช่เรื่องของมึงพร้อมกับชักมีดดาบปลายปืนตัวมีดยาว 15 นิ้ว ออกมาแทงจำเลยก่อน แล้วผู้ตายกับจำเลยแย่งมีดกัน จำเลยแย่งมีดได้จึงแทงผู้ตายมีบาดแผล 3 แห่งที่หน้าอกด้านขวา ที่หน้าท้องใต้สะดือถึงไส้ไหลออกมากองหน้าท้องและที่ตะโพกซ้าย ดังนี้ การที่จำเลยแย่งมีดได้แล้วแทงผู้ตายไปเป็นการกระทำในเวลากระชั้นชิดติดพันมาจากการกระทำเพื่อป้องกันตนแต่การที่จำเลยซึ่งหนุ่มกว่าและรูปร่างใหญ่กว่าผู้ตาย ใช้มีดซึ่งตัวมีดยาวถึง 15 นิ้วแทงผู้ตายที่อวัยวะสำคัญ โดยที่ผู้ตายไม่มีอาวุธอะไรเลยย่อมเป็นการฆ่าคนโดยเจตนาด้วยการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิวาทและการอ้างเหตุป้องกันตัว: กรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นฝ่ายเริ่มวิวาท ย่อมไม่อ้างเหตุป้องกันตัวได้
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย แต่มูลเหตุเนื่องมาจากวัวของผู้ตายเข้าไปกินข้าวในนาจำเลย จึงเกิดการวิวาทต่อว่าและด่ากันระหว่างจำเลยกับภรรยาผู้ตายซึ่งลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธและพลกำลังทำร้ายซึ่งกัน ในขณะนั้นผู้ตายเข้ามาช่วยภรรยาต่อสู้กับจำเลยแล้วทั้งจำเลยและผู้ตายต่างชักปืนออกมา แต่จำเลยยิงผู้ตายเสียก่อน ดังนี้ เมื่อเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกัน จำเลยจะอ้างเหตุป้องกันตัวมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมัครใจวิวาท ยิงต่อสู้: เหตุป้องกันตัวฟังไม่ได้
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย แต่มูลเหตุเนื่องมาจากวัวของผู้ตายเข้าไปกินข้าวในนาจำเลย จึงเกิดการวิวาทต่อว่าและด่ากันระหว่างจำเลยกับภรรยาผู้ตายซึ่งลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธและพลกำลังทำร้ายซึ่งกัน ในขณะนั้นผู้ตายเข้ามาช่วยภรรยาต่อสู้กับจำเลย แล้วทั้งจำเลยและผู้ตายต่างชักปืนออกมา แต่จำเลยยิงผู้ตายเสียก่อนดังนี้ เมื่อเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกัน จำเลยจะอ้างเหตุป้องกันตัวมิได้
of 89