พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,243 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจร้องทุกข์ในคดียักยอกเงินค่าสินค้า: เงินตกเป็นของใครเมื่อใด?
จำเลยรับเงินค่าสินค้าไว้ในฐานะตัวแทนของโจทก์ร่วมผู้ขาย เงินนั้นย่อมตกเป็นของโจทก์ร่วมแล้ว ผู้ซื้อสินค้าเมื่อได้ชำระหนี้ค่าสินค้าแล้วหาใช่เป็นเจ้าของเงินนั้นต่อไปไม่เมื่อจำเลยครอบครองเงินของโจทก์ร่วมไว้แล้วไม่ส่งมอบให้โจทก์ร่วมโดยนำเข้าฝากในบัญชีธนาคารของโจทก์ร่วมตามหน้าที่ อันเป็นความผิดฐานยักยอก โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์พนักงานอัยการโจทก์มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ร่วมย่อมขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3748/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีทุจริตโครงการสร้างงานฯ เหตุไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง และไม่มีหน้าที่รับผิดชอบโครงการ
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 24 กันยายน 2514 ข้อ 10 ทวิ กำหนดให้โจทก์มีหน้าที่เกี่ยวกับราชการทางการเมือง หาได้กำหนดให้โจทก์มีหน้าที่เกี่ยวกับโครงการสร้างงานในชนบทไม่ และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการสร้างงานในชนบท พ.ศ.2425 ข้อ 6 วรรคสอง ซึ่งกำหนดว่า "ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการ กสช." ก็หมายถึงให้โจทก์ทำหน้าที่ในด้านธุรการเกี่ยวกับโครงการสร้างงานในชนบทเท่านั้น หาได้กำหนดให้โจทก์มีหน้าที่รับผิดชอบหรือควบคุมการดำเนินการตามโครงการสร้างงานในชนบทไม่ และตามระเบียบฯ ดังกล่าวข้อ 40 ยังได้กำหนดว่า หากมีข้อร้องเรียนหรือพฤติการณ์ที่แสดงว่ามีการทุจริตหรือมีการปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการสอบสวนเพื่อทราบข้อเท็จจริง แล้วรายงานประธาน กสช. ทราบโดยเร็ว ไม่ได้กำหนดให้รายงานให้โจทก์ทราบแต่อย่างใด ทั้งเงินที่ถูกทุจริตละเมิดเอาไปไม่ใช่เงินที่อยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้องของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้มีผลถึงจำเลยที่ขาดนัดยื่อคำให้การและขาดนัดพิจารณาได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: พยานหลักฐานยืนยันรถจักรยานเป็นของผู้เสียหาย แม้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพ
รถจักรยานของกลางเป็นของ ป. ที่ถูกคนร้ายลักไป แต่จำเลยที่ 1 กลับอ้างว่าเป็นของตน ซึ่งไม่เป็นความจริง ประกอบกับรถจักรยานของกลางได้ถูกเปลี่ยนสภาพให้แตกต่างไปจากเดิมในขณะที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 โดยมีการเปลี่ยนที่นั่งซ้อนท้ายใหม่และทาสีเขียวอ่อนทับสีเขียวแก่ไว้ พฤติการณ์ตามรูปคดีแสดงว่าจำเลยที่ 1 รับรถจักรยานของกลางไว้ในความครอบครองโดยรู้ว่าเป็นของคนร้ายที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานรับของโจร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา: การร้องทุกข์โดยไม่ชอบทำให้การฟ้องเป็นโมฆะ
โจทก์ร่วมมอบอำนาจให้ พ. ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 ในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แต่ พ. ไม่ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 กลับไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 ในฐานะส่วนตัวซึ่งเป็นการร้องทุกข์ที่ไม่ชอบ เพราะ พ. ไม่ใช่ผู้เสียหาย เท่ากับว่าโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีนี้ซึ่งเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวแก่จำเลยทั้งสองต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวนตาม ป.วิ.อ.มาตรา 121 และพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา: การร้องทุกข์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้ขาดอำนาจฟ้อง
โจทก์ร่วมมอบอำนาจให้ พ. ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 ในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แต่ พ. ไม่ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 กลับไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1ในฐานะส่วนตัวซึ่งเป็นการร้องทุกข์ที่ไม่ชอบ เพราะ พ. ไม่ใช่ผู้เสียหาย เท่ากับว่าโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีนี้ซึ่งเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวแก่จำเลยทั้งสองต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวนตาม ป.วิ.อ.มาตรา 121 และพนักงานอัยการโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3289/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงประชาชนหลายกรรม: การรับเงินแต่ละครั้งจากผู้เสียหายถือเป็นความผิดสำเร็จต่างกรรมกัน
จำเลยแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชนทั่วไปรวมทั้งผู้เสียหายทั้ง 47 คน ต่างวันต่างเวลากันและรับเงินจากผู้เสียหายทั้ง 47 คนแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสำเร็จทันทีที่รับเงินจากผู้เสียหายแต่ละคน ซึ่งจำเลยกระทำทั้งหมด 47 ครั้ง ต่างวันต่างเวลากันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนหลายกรรมต่างกันรวม 47 กรรม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีละเมิด: ผู้ว่าฯ ไม่สามารถฟ้องแทนหน่วยงานส่วนกลางที่เป็นผู้เสียหายได้
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515เป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบบริหารราชการและกำหนดอำนาจหน้าที่ผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารราชการส่วนจังหวัดเท่านั้นหาได้ให้อำนาจแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะเป็นผู้ดำเนินการแทนหน่วยราชการในส่วนกลาง คือ กรมอนามัย ผู้เสียหายไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขัดขืนคำสั่งศาล: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้มีสิทธิและหน้าที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งศาลโดยตรง
บทบัญญัติ ป.อ. มาตรา 170 มีความมุ่งหมายจะเอาโทษแก่ผู้ที่ได้ขัดขืนหมายหรือคำสั่งของศาลให้มาให้ถ้อยคำ ให้มาเบิกความหรือให้ส่งทรัพย์หรือเอกสารใดในการพิจารณาคดีอันเป็นบทบัญญัติถึงการกระทำความผิดต่อศาลซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในการยุติธรรมโดยเฉพาะแม้โจทก์จะอ้างว่าได้รับความเสียหายจากการที่จำเลยขัดขืนคำสั่งศาลไม่ส่งเงินที่อายัดไว้ไปยังศาลแพ่ง แต่ก็ไม่ใช่ความเสียหายโดยตรงอันเกิดจากการกระทำผิดของจำเลย เพราะโจทก์จำเลยมิได้มีสิทธิและหน้าที่ต่อกัน การกระทำของจำเลยไม่เป็นการล่วงสิทธิของโจทก์โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์และการไม่ผิดฐานทำร้ายร่างกายเมื่อความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นบทเฉพาะ
จำเลยกับพวกร่วมกันเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ผู้เสียหายมีความผิดฐาน ปล้นทรัพย์ซึ่ง เป็นบทเฉพาะแล้ว จำเลยไม่มีความผิดฐาน ทำร้ายร่างกายอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1927/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง หากโจทก์ในคดีอาญาไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง และการประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย
ความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกเป็นความผิดต่อ รัฐ การฟ้องคดีของอัยการศาลทหารกรุงเทพ มิอาจถือ ได้ ว่าเป็นการฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ โจทก์จึงมิใช่คู่ความเดียว กับโจทก์ในคดีอาญาของศาลทหารกรุงเทพ ดังนั้นผลของคำพิพากษาคดีอาญาของ ศาลทหารกรุงเทพจึงไม่ผูกพันโจทก์และศาลที่พิจารณาคดีแพ่งหาจำต้องถือ ข้อเท็จจริงตาม ที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาไม่.