คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 670 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการถามค้านพยานภายหลังตามมาตรา 89 วรรค 1(ก) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 89 วรรค 1(ก) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่บัญญัติถึงการที่ผู้นำสืบพยานภายหลัง สืบพยานหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขถ้อยคำพยานของฝ่ายที่นำสืบก่อนนั้น หมายเฉพาะถึงเมื่อข้อความที่ผู้นำสืบภายหลังเป็นข้อความที่พยานของฝ่ายนำสืบก่อนเป็นผู้รู้เห็นอยู่ด้วยเท่านั้น กฎหมายจึงบัญญัติให้ผู้นำสืบพยานภายหลังถามค้านไว้ก่อนเพื่อให้พยานผู้นั้นอธิบายข้อความที่ตนรู้เห็นในข้อที่ฝ่ายหลังนี้นำสืบไว้เสียก่อน เพื่อป้องกันมิให้ฝ่ายหลังเอาเปรียบโดยนำสืบหักล้างมิให้ฝ่ายแรกรู้ตัว ไม่มีโอกาสเสนอพยานหลักฐานครบถ้วน เป็นการเสียความยุติธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการถามค้านพยานภายหลังตามมาตรา 89 วรรคหนึ่ง (ก) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 89 วรรคหนึ่ง (ก) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่บัญญัติถึงการที่ผู้นำสืบพยานภายหลัง สืบพยานหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขถ้อยคำพยานของฝ่ายที่นำสืบก่อนนั้น. หมายเฉพาะถึงเมื่อข้อความที่ผู้นำสืบภายหลังเป็นข้อความที่พยานของฝ่ายนำสืบก่อนเป็นผู้รู้เห็นอยู่ด้วยเท่านั้น กฎหมายจึงบัญญัติให้ผู้นำสืบพยานภายหลังถามค้านไว้ก่อนเพื่อให้พยานผู้นั้นอธิบายข้อความที่ตนรู้เห็นในข้อที่ฝ่ายหลังนี้นำสืบไว้เสียก่อน เพื่อป้องกันมิให้ฝ่ายหลังเอาเปรียบโดยนำสืบหักล้างมิให้ฝ่ายแรกรู้ตัวไม่มีโอกาสเสนอพยานหลักฐานครบถ้วน เป็นการเสียความยุติธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1769/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การพยานผู้เสียหายและผู้กระทำผิดร่วม สามารถใช้ประกอบการพิจารณาได้ แม้มีน้ำหนักน้อย
คำให้การของ ร.ชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า เมื่อไม่ได้ตัว ร.มาเบิกความที่ศาลเพราะถูกคนร้ายลอบยิงตายเสียก่อน แม้จะมีน้ำหนักน้อย แต่ก็ใช้เป็นคำประกอบคำเบิกความของพยานอื่นได้(อ้างฎีกาที่ 692/2499)
เมื่อเจ้าพนักงานจับ ส. ได้ ส. ให้การว่าจำเลยและ ส. ได้ไปทำการปล้น พนักงานสอบสวนกัน ส. ไว้เป็นพยาน ส.มาเบิกความยืนยันข้อความดังกล่าว คำของ ส. ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดและโจทก์กันไว้เป็นพยาน เป็นคำพยานที่รับฟังได้(อ้างฎีกาที่ 200/2474) แต่มีน้ำหนักน้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1769/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การผู้ต้องหาและพยานผู้กระทำผิดใช้ประกอบคำเบิกความอื่นได้ แม้มีน้ำหนักน้อย
คำให้การของ ร.ชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า เมื่อไม่ได้ตัวร.มาเบิกความที่ศาล เพราะถูกคนร้ายลอบยิงตายเสียก่อน แม้จะมีน้ำหนักน้อย แต่ก็ใช้เป็นคำประกอบคำเบิกความของพยานอื่นได้(อ้างฎีกาที่ 692/2499)
เมื่อเจ้าพนักงานจับ ส.ได้ส.ให้การว่าจำเลยและส. ได้ไปทำการปล้นพนักงานสอบสวนกัน ส.ไว้เป็นพยาน ส.มาเบิกความยืนยันข้อความดังกล่าว คำของ ส. ซึ่งเป็นผู้กระทำผิดและโจทก์กันไว้เป็นพยาน เป็นคำพยานที่รับฟังได้ (อ้างฎีกาที่ 200/2474) แต่มีน้ำหนักน้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคลาดเคลื่อนวันเกิดเหตุในฟ้อง ไม่ถึงเหตุให้ยกฟ้อง หากพยานเบิกความสอดคล้องโดยรวม
จำเลยฎีกาว่าพยานโจทก์เบิกความวันเกิดเหตุแตกต่างกับวันที่โจทก์กล่าวในฟ้องศาลต้องยกฟ้อง ได้ความว่าโจทก์ฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 3 กรกฎาคม 2508 ซึ่งตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 8 ในชั้นพิจารณาจำเลยคนหนึ่งและพยานของจำเลยผู้ฎีกาเบิกความรับว่าเหตุเกิดตรงกับวันที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จำเลยเองก็เบิกความรับว่าเหตุเกิดที่บ้านนายช่วงนางพุ่มซึ่งมีงานบวชนาค จำเลยกับผู้ตายต่างไปที่บ้านงาน และรับว่าเหตุเกิดตรงตามเวลาที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้ เห็นได้ว่าการที่พยานโจทก์บางคนเบิกความถึงวันเกิดเหตุว่าเหตุเกิดวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 8 ผิดพลาดไปจากที่กล่าวในฟ้องนั้น อาจเนื่องจากจำผิดพลาดก็ได้ ฎีกาจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 140/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท: การให้การต่อพนักงานสอบสวนเป็นเพียงข่าวลือ ไม่ถือเป็นการใส่ความทำให้เสียชื่อเสียง
ฎีกาโจทก์ที่ว่า โจทก์ได้นำสืบพยานหลักฐานให้เห็นว่าจำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวน จำเลยต้องมีความผิดตามมาตรา 172,174 นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่างทั้ง 2 วินิจฉัยต้องกันว่า จำเลยมิได้กล่าวยืนยันข้อเท็จจริง ไม่เป็นการแจ้งความเท็จ พิพากษายกฟ้อง ฎีกาโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219
จำเลยถูกพนักงานสอบสวนสอบสวนเป็นพยานในคดีที่โจทก์กับพวกเป็นจำเลยต้องหากระทำผิดวางเพลิง จำเลยให้การว่า "ข้าพเจ้าเองเมื่อนางแอ๊ดเล่าให้ฟังเช่นนี้มีความรู้สึกสงสัยอยู่เพราะข้าพเจ้าเองก็เคยทราบจากชาวตลาดล่ำลือกันอยู่แล้วว่านายห้างศรีอัมฤทธิ์ผู้นี้ได้จ่ายเงินห้าหมื่นบาทให้นายเสรี อิทธสมบัติ (โจทก์) เป็นค่าจ้างในการวางเพลิงครั้งนี้ แต่ข้าพเจ้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเป็นความจริงเพียงใด" ดังนี้ จำเลยกล่าวแต่เพียงว่าเป็นข่าวเล่าลือ ไม่ใช่ผู้หนึ่งผู้ใดรู้เห็นมาบอกเล่าจำเลย ไม่ใช่คำบอกเล่าที่กล่าวให้ผู้ฟังเชื่อตามคำจำเลย จำเลยถูกสอบสวนเป็นพยานจึงให้การต่อเจ้าพนักงาน ไม่กระทำให้ผู้อื่นเกิดความเข้าใจหรือเชื่อว่าโจทก์ได้รับเงินค่าจ้างวางเพลิงเผาตลาดได้ เพราะเป็นแต่ข่าวเล่าลือ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ตามมาตรา 326.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 140/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท: ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลล่างว่าการให้การเป็นพยานโดยกล่าวถึงข่าวลือไม่ถือเป็นการแจ้งความเท็จหรือหมิ่นประมาท
ฎีกาโจทก์ที่ว่า โจทก์ได้นำสืบพยานหลักฐานให้เห็นว่าจำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวนจำเลยต้องมีความผิดตามมาตรา 172,174 นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเมื่อศาลล่างทั้ง 2 วินิจฉัยต้องกันว่า จำเลยมิได้กล่าวยืนยันข้อเท็จจริง ไม่เป็นการแจ้งความเท็จ พิพากษายกฟ้องฎีกาโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
จำเลยถูกพนักงานสอบสวนสอบสวนเป็นพยานในคดีที่โจทก์กับพวกเป็นจำเลยต้องหากระทำผิดวางเพลิง จำเลยให้การว่า'ข้าพเจ้าเองเมื่อนางแอ๊ดเล่าให้ฟังเช่นนี้มีความรู้สึกสงสัยอยู่เพราะข้าพเจ้าเองก็เคยทราบจากชาวตลาดล่ำลือกันอยู่แล้วว่านายห้างศรีอัมฤทธิ์ผู้นี้ได้จ่ายเงินห้าหมื่นบาทให้นายเสรีอิทธสมบัติ (โจทก์) เป็นค่าจ้างในการวางเพลิงครั้งนี้แต่ข้าพเจ้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเป็นความจริงเพียงใด' ดังนี้ จำเลยกล่าวแต่เพียงว่าเป็นข่าวเล่าลือไม่ใช่ผู้หนึ่งผู้ใดรู้เห็นมาบอกเล่าจำเลยไม่ใช่คำบอกเล่าที่กล่าวให้ผู้ฟังเชื่อตามคำจำเลย จำเลยถูกสอบสวนเป็นพยานจึงให้การต่อเจ้าพนักงาน ไม่กระทำให้ผู้อื่นเกิดความเข้าใจหรือเชื่อว่าโจทก์ได้รับเงินค่าจ้างวางเพลิงเผาตลาดได้ เพราะเป็นแต่ข่าวเล่าลือยังถือไม่ได้ว่าเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ตามมาตรา 326

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีและการงดสืบพยาน: ศาลชอบธรรมในการงดสืบพยานเมื่อโจทก์ไม่สามารถนำตัวพยานมาศาลได้
วันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ พยานโจทก์ 2 ปากไม่มาศาล โจทก์ขอเลื่อน ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ประวิงความ ให้งดสืบพยานโจทก์นั้นเสีย โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ขอเลื่อนการพิจารณาไปอีกทั้ง ๆ ที่ศาลชั้นต้นได้กำชับแล้ว เหตุที่ร้อยตรีทวีปมาศาลไม่ได้ อ้างว่าป่วยเป็นไข้หวัดทั้งสองครั้งศาลชั้นต้นจะไปเผชิญสืบ ทนายโจทก์ก็ขัดข้องว่าไม่ทราบที่อยู่ของพยาน ไม่สามารถนำศาลไปเผชิญสืบได้ ส่วนพยานโจทก์อีกปากหนึ่งนั้น โจทก์อ้างว่าไปต่างจังหวัด ไม่ทราบที่อยู่ของพยาน ตามพฤติการณ์เช่นนี้ เป็นการประวิงคดีที่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานโจทก์ 2 ปากนั้น ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีและการงดสืบพยาน: ศาลชอบที่จะงดสืบพยานเมื่อโจทก์ไม่สามารถนำพยานมาศาลได้และมีพฤติการณ์ประวิงคดี
วันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ พยานโจทก์ 2 ปากไม่มาศาลโจทก์ขอเลื่อนศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ประวิงความ ให้งดสืบพยานโจทก์นั้นเสีย โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ขอเลื่อนการพิจารณาไปอีกทั้งๆ ที่ศาลชั้นต้นได้กำชับแล้ว เหตุที่ร้อยตรีทวีปมาศาลไม่ได้ อ้างว่าป่วยเป็นไข้หวัดทั้งสองครั้งศาลชั้นต้นจะไปเผชิญสืบ ทนายโจทก์ก็ขัดข้องว่าไม่ทราบที่อยู่ของพยาน ไม่สามารถนำศาลไปเผชิญสืบได้ ส่วนพยานโจทก์อีกปากหนึ่งนั้น โจทก์อ้างว่าไปต่างจังหวัด ไม่ทราบที่อยู่ของพยาน. ตามพฤติการณ์เช่นนี้ เป็นการประวิงคดีที่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานโจทก์ 2 ปากนั้น ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรส, พินัยกรรม, การครอบครองปรปักษ์ และข้อยกเว้นการเป็นพยานในคดี
สามีภริยาซึ่งทำการสมรสกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สินสมรสของภริยามีอยู่ 1 ใน 3 และของสามีมีอยู่ 2 ใน 3
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1477 สามีภริยาทำพินัยกรรมยกทรัพย์อันเป็นสินบริคณห์ให้แก่ผู้อื่นได้เฉพาะแต่ที่เป็นส่วนของตนเท่านั้น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1653 ผู้เขียนหรือพยานในพินัยกรรมจะเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมไม่ได้เท่านั้น มิได้ห้ามศาลไม่ให้รับฟังคำบุคคลเหล่านี้เป็นพยาน
ผู้ที่ครอบครองมิได้มีเจตนาครอบครองที่พิพาทไม่มีทางได้กรรมสิทธิ์
เดิม โจทก์มอบอำนาจให้ไวยาวัจกรดำเนินคดี ต่อมาไวยาวัจกรตาย โจทก์จึงมอบอำนาจให้บุคคลอีกคนหนึ่งดำเนินคดีต่อไปในชั้นฎีกา ผู้รับมอบอำนาจคนหลังจึงมีสิทธิยื่นฎีกาได้
of 67