พบผลลัพธ์ทั้งหมด 584 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่: การระบุสภาพแห่งข้อหาในฟ้องเพียงพอแล้ว ศาลไม่รับวินิจฉัยข้ออุทธรณ์เรื่องเคหะ
โจทก์ได้กล่าวมาในฟ้องแล้วว่า จำเลยเช่าห้องพิพาทเพื่อประกอบการค้า เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว ส่วนห้องพิพาทอยู่ในทำเลการค้าและจำเลยได้ประกอบการค้าอะไร มีสภาพอย่างใดนั้น เป็นรายละเอียดที่จะนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ห้องพิพาทเป็นเคหะตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ ซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง อุทธรณ์ข้อนี้ก็เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง เป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมาวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เมื่อเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทะรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ห้องพิพาทเป็นเคหะตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ ซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง อุทธรณ์ข้อนี้ก็เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง เป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมาวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เมื่อเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทะรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่: ประเด็นการใช้สิทธิอุทธรณ์ตามมาตรา 224 และการพิจารณาเคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
โจทก์ได้กล่าวมาในฟ้องแล้วว่า จำเลยเช่าห้องพิพาทเพื่อประกอบการค้าเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว ส่วนห้องพิพาทอยู่ในทำเลการค้า และจำเลยได้ประกอบการค้าอะไร มีสภาพอย่างใดนั้น เป็นรายละเอียดที่จะนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ห้องพิพาทเป็นเคหะตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เมื่อเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ห้องพิพาทเป็นเคหะตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เมื่อเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด, สัญญาเช่า, การรับซื้อฝาก, สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่า, สิทธิการฟ้องขับไล่
จำเลยบอกเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์มีหนังสือยอมตกลงเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย ถือว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับแล้ว
จำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 1 เป็นแม่ลูกกันและอยู่บ้านเดียวกัน จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาให้เช่าตึกแถวซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และจำเลยที่ 1 ได้ยอมผูกพันและปฏิบัติตนตามสัญญาเช่าที่จำเลยที่ 2 ทำกับผู้เช่า ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เชิดจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนไปทำสัญญาเช่ากับผู้เช่า สัญญาเช่านั้นจึงมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ด้วย
โจทก์รับซื้อฝากตึกพิพาทจากจำเลยทั้งๆที่รู้ดีแล้วว่าตึกพิพาทนั้นจำเลยได้ให้คนเช่าอยู่ โจทก์จึงต้องรับโอนตึกพิพาทนั้นไปทั้งสิทธิและหน้าที่ สัญญาเช่าจึงมีผลผูกพันโจทก์ด้วย เมื่อยังไม่ครบกำหนดตามสัญญาเช่า โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่า
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า จำเลยทำสัญญาเช่ากับจำเลยที่2 และมีผลผูกพันโจทก์สัญญาเช่านั้นมีผลผูกพันโจทก์หรือไม่ ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงมูลฐานซึ่งเป็นต้นเหตุให้จำเลยที่ 2 ไปทำสัญญาเช่า การที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 2 ให้ไปทำสัญญาเช่าจึงไม่เป็นเรื่องนอกประเด็น
โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกไปจากทรัพย์พิพาทปรากฏว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยระงับแล้ว และจำเลยมิได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาท ก็ไม่จำต้องพิพากษาบังคับ
จำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 1 เป็นแม่ลูกกันและอยู่บ้านเดียวกัน จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาให้เช่าตึกแถวซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และจำเลยที่ 1 ได้ยอมผูกพันและปฏิบัติตนตามสัญญาเช่าที่จำเลยที่ 2 ทำกับผู้เช่า ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เชิดจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนไปทำสัญญาเช่ากับผู้เช่า สัญญาเช่านั้นจึงมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ด้วย
โจทก์รับซื้อฝากตึกพิพาทจากจำเลยทั้งๆที่รู้ดีแล้วว่าตึกพิพาทนั้นจำเลยได้ให้คนเช่าอยู่ โจทก์จึงต้องรับโอนตึกพิพาทนั้นไปทั้งสิทธิและหน้าที่ สัญญาเช่าจึงมีผลผูกพันโจทก์ด้วย เมื่อยังไม่ครบกำหนดตามสัญญาเช่า โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่า
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า จำเลยทำสัญญาเช่ากับจำเลยที่2 และมีผลผูกพันโจทก์สัญญาเช่านั้นมีผลผูกพันโจทก์หรือไม่ ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงมูลฐานซึ่งเป็นต้นเหตุให้จำเลยที่ 2 ไปทำสัญญาเช่า การที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 2 ให้ไปทำสัญญาเช่าจึงไม่เป็นเรื่องนอกประเด็น
โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกไปจากทรัพย์พิพาทปรากฏว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยระงับแล้ว และจำเลยมิได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาท ก็ไม่จำต้องพิพากษาบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่จดทะเบียน, สิทธิผู้รับโอน, สัญญาต่างตอบแทน, การฟ้องขับไล่, การคุ้มครองผู้เช่า
แม้สัญญาเช่าห้องพิพาทจะเป็นสัญญาต่างตอบแทนสัญญานั้นก็ก่อให้เกิดเพียงบุคคลสิทธิ มีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น ไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนและเมื่อไม่ใช่สัญญาเช่าธรรมดา จำเลยจะอ้างประโยชน์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 ไม่ได้
เงินกินเปล่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า ฉะนั้น ข้อตกลงระหว่างเจ้าของเดิมกับจำเลยจึงเป็นสัญญาเช่าธรรมดาเมื่อไม่ได้จดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การเช่านั้นก็ใช้ได้เพียง 3 ปีเมื่อครบ 3 ปีและได้บอกเลิกการเช่าแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของห้องพิพาทย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้
เมื่อจำเลยเช่าห้องพิพาทเพื่อทำการค้าขายเป็นส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ
เงินกินเปล่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่า ฉะนั้น ข้อตกลงระหว่างเจ้าของเดิมกับจำเลยจึงเป็นสัญญาเช่าธรรมดาเมื่อไม่ได้จดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การเช่านั้นก็ใช้ได้เพียง 3 ปีเมื่อครบ 3 ปีและได้บอกเลิกการเช่าแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของห้องพิพาทย่อมฟ้องขับไล่จำเลยได้
เมื่อจำเลยเช่าห้องพิพาทเพื่อทำการค้าขายเป็นส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่จากการเช่าที่ดินและอาคาร จำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่า โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องขับไล่
เมื่อจำเลยมิได้ยกประเด็นขึ้นสู้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ก็ต้องพิจารณาตามบทกฎหมายว่าด้วยการเช่าทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์มิได้ตั้งประเด็นฟ้องว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีกำหนดเวลา คดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเลิกการเช่า ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566
โจทก์ฟ้องตั้งประเด็นว่า เมื่อโจทก์รับโอนที่พิพาทมาเป็นของโจทก์ โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบ ให้จำเลยปฏิบัติการชำระค่าเช่าให้โจทก์อย่างเคย แต่จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่า จำเลยสู้ว่าจำเลยเช่าที่พิพาทปลูกอาคารเพื่ออยู่อาศัย จำเลยมิได้ผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่า จึงมีข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า จำเลยได้ผิดสัญญาดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ ถ้าจำเลยผิดสัญญา โจทก์จะมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยและมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่
โจทก์มิได้ตั้งประเด็นฟ้องว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีกำหนดเวลา คดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเลิกการเช่า ซึ่งไม่มีกำหนดเวลาตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566
โจทก์ฟ้องตั้งประเด็นว่า เมื่อโจทก์รับโอนที่พิพาทมาเป็นของโจทก์ โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบ ให้จำเลยปฏิบัติการชำระค่าเช่าให้โจทก์อย่างเคย แต่จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่า จำเลยสู้ว่าจำเลยเช่าที่พิพาทปลูกอาคารเพื่ออยู่อาศัย จำเลยมิได้ผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่า จึงมีข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า จำเลยได้ผิดสัญญาดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ ถ้าจำเลยผิดสัญญา โจทก์จะมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยและมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการฟ้องขับไล่ เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าเช่า และประเด็นการพิจารณาตามกฎหมายเช่าทรัพย์
เมื่อจำเลยมิได้ยกประเด็นขึ้นสู้ว่า จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 ก็ต้องพิจารณาตามบทกฎหมายว่าด้วยการเช่าทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์มิได้ตั้งประเด็นฟ้องว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีกำหนดเวลา คดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเลิกการเช่าซึ่งไม่มีกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา566
โจทก์ฟ้องตั้งประเด็นว่า เมื่อโจทก์รับโอนที่พิพาทมาเป็นของโจทก์โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบ ให้จำเลยปฏิบัติการชำระค่าเช่าให้โจทก์อย่างเคยแต่จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่า จำเลยสู้ว่าจำเลยเช่าที่พิพาทปลูกอาคารเพื่ออยู่อาศัย จำเลยมิได้ผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าจึงมีข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า จำเลยได้ผิดสัญญาดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ ถ้าจำเลยผิดสัญญา โจทก์จะมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยและมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่
โจทก์มิได้ตั้งประเด็นฟ้องว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์จำเลยไม่มีกำหนดเวลา คดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเลิกการเช่าซึ่งไม่มีกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา566
โจทก์ฟ้องตั้งประเด็นว่า เมื่อโจทก์รับโอนที่พิพาทมาเป็นของโจทก์โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบ ให้จำเลยปฏิบัติการชำระค่าเช่าให้โจทก์อย่างเคยแต่จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่า จำเลยสู้ว่าจำเลยเช่าที่พิพาทปลูกอาคารเพื่ออยู่อาศัย จำเลยมิได้ผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าจึงมีข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า จำเลยได้ผิดสัญญาดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ ถ้าจำเลยผิดสัญญา โจทก์จะมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยและมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่: ปัญหาข้อเท็จจริงเรื่องการใช้พื้นที่เช่าเพื่อการค้าเป็นส่วนใหญ่หรือไม่ ถือเป็นฎีกาที่ต้องห้าม
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าเมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยและไปเผชิญสืบห้องพิพาทด้วยแล้วจึงวินิจฉัยว่า จำเลยทำการค้าเป็นส่วนใหญ่ เช่นนี้ จำเลยจะอุทธรณ์หรือฎีกาว่าทำการค้าเป็นส่วนน้อยไม่ได้ ถือว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่ได้จดทะเบียน, การฟ้องขับไล่, การหักล้างข้อต่อสู้, การอ้างพยานเพิ่มเติม
การที่โจทก์ขอให้ศาลบังคับจำเลยในคดีนี้ให้ออกจากตึกพิพาทในฐานะบริวารจำเลยในคดีอื่น ศาลสั่งว่าจำเลยไม่ใช่บริวาร โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยในคดีนี้ตามสัญญาเช่นนั้น ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยให้การว่าเช่าตึกพิพาทเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายโจทก์ย่อมนำสืบหักล้างข้อต่อสู้ของจำเลยได้ว่า จำเลยมิได้ใช้ตึกพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยหากแต่ทำเป็นโรงโสเภณีจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504
เมื่อจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนและยังสืบไม่เสร็จ โจทก์ย่อมอ้างพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสอง
จำเลยให้การว่าเช่าตึกพิพาทเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายโจทก์ย่อมนำสืบหักล้างข้อต่อสู้ของจำเลยได้ว่า จำเลยมิได้ใช้ตึกพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยหากแต่ทำเป็นโรงโสเภณีจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504
เมื่อจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนและยังสืบไม่เสร็จ โจทก์ย่อมอ้างพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ผิดนัดชำระค่าเช่าและการพิจารณาข้อเท็จจริงในอุทธรณ์
ฟ้องของโจทก์ระบุให้เห็นว่ามีสัญญาเช่าซึ่งกำหนดอัตราค่าเช่าเป็นรายเดือน จำเลยไม่ได้ชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์เป็นเวลาหลายเดือน ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ย่อมแสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าติด ๆ กันเกินกว่าสองคราวแล้ว
โจทก์ฟ้องขับไล่และให้จำเลยใช้เงิน 3,348 บาท เป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224
โจทก์ฟ้องขับไล่และให้จำเลยใช้เงิน 3,348 บาท เป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้เช่าที่ผิดนัดชำระค่าเช่า การพิจารณาข้อเท็จจริงโดยศาลอุทธรณ์ และการระบุรายละเอียดในฟ้อง
ฟ้องของโจทก์ระบุให้เห็นว่ามีสัญญาเช่าซึ่งกำหนดอัตราค่าเช่าเป็นรายเดือน จำเลยไม่ได้ชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์เป็นเวลาหลายเดือนฟ้องของโจทก์ เช่นนี้ย่อมแสดงว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าติดๆ กันเกินกว่าสองคราวแล้ว
โจทก์ฟ้องขับไล่และให้จำเลยใช้เงิน 3,348 บาท เป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
โจทก์ฟ้องขับไล่และให้จำเลยใช้เงิน 3,348 บาท เป็นคดีมีทุนทรัพย์เกิน 2,000 บาท ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224