คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องซ้ำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,459 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5199/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ค่าภาษีรถยนต์จากสัญญาเช่าซื้อเดิม ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.148
คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยมีข้ออ้างว่าจำเลยต้องรับผิดชำระค่าภาษีรถยนต์ที่โจทก์ได้ชำระแทนจำเลยตลอดระยะเวลาที่จำเลยครอบครองอยู่จนถึงวันส่งคืนการครอบครองให้แก่โจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อ ส่วนคดีก่อนข้ออ้างที่โจทก์กล่าวหาก็คือเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าซื้อซื้อแล้วจำเลยยังครอบครองรถยนต์เช่าซื้ออยู่ทำให้โจทก์เสียหายขอให้ใช้ราคารถยนต์และค่าขาดประโยชน์ข้อหาของโจทก์ทั้งสองคดีเป็นเรื่องเรียกค่าเสียหายอันเนื่องมาจากสัญญาเช่าซื้อฉบับเดียวกันแม้ฟ้องของโจทก์ในคดีเรื่องก่อนจะขอให้จำเลยรับผิดในค่าเสียหายที่จำเลยครอบครองรถยนต์แล้วไม่ยอมส่งมอบให้โจทก์หลังจากบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้วส่วนคดีนี้เป็นเรื่องเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าภาษีรถยนต์ที่โจทก์ชำระแทนจำเลยไปแต่ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยก็เนื่องมาจากมูลฐานเดียวกันคือความเสียหายอันเกิดแต่สัญญาเช่าซื้อนั่นเองค่าภาษีรถยนต์ที่จำเลยจะต้องรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อนั้นเป็นหนี้ที่อยู่ในขณะที่โจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อนแล้วโจทก์อาจฟ้องเรียกจากจำเลยได้ในคดีเรื่องก่อนแต่โจทก์ไม่ฟ้องจึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5179/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำที่ถูกห้ามตามกฎหมาย: ประเด็นสัญญาเช่าและการเช่าช่วง
โจทก์ จำเลย และผู้ร้องสอดในคดีนี้เป็นคู่ความรายเดียวกับคู่ความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3772/2529 เมื่อคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าววินิจฉัยว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าต่อจำเลยด้วยการนำตึกแถวพิพาทไปให้ผู้ร้องสอดเช่าช่วงโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีนั้นย่อมผูกพันโจทก์จำเลยและผู้ร้องสอดตามป.วิ.พ.มาตรา 145 วรรคหนึ่ง เมื่อคดีนี้โจทก์นำสืบและฎีกามาว่า การที่โจทก์ให้ผู้ร้องสอดเช่าช่วงตึกแถวพิพาท โจทก์มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าเพราะมีบันทึกท้ายหนังสือสัญญาเช่าตึกแถวมีกำหนด 25 ปี และสัญญาเช่าตึกแถวยินยอมให้โจทก์นำตึกแถวพิพาทออกให้เช่าช่วงได้ และแม้โจทก์จะฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาตัวแทนที่ดูประหนึ่งว่ามิได้เกี่ยวกับประเด็นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3772/2529 ของศาลชั้นต้นก็ตาม แต่ตามเนื้อหาแห่งคดีที่โจทก์นำสืบและเนื้อความแห่งฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์โต้เถียงว่าโจทก์มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าต่อจำเลยในการที่โจทก์ให้ผู้ร้องสอดเช่าตึกแถวพิพาท ซึ่งเป็นการโต้เถียงในประเด็นเดียวกันกับในคดีดังกล่าวนั่นเอง ฟ้องโจทก์จึงเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าว ต้องห้ามตามป.วิ.พ.มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5179/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ-ขาดประโยชน์ฟ้อง: คำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความ ห้ามฟ้องประเด็นเดียวกันซ้ำ
โจทก์ จำเลย และผู้ร้องสอดในคดีนี้เป็นคู่ความรายเดียวกับคู่ความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 3772/2529 เมื่อคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าววินิจฉัยว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าต่อจำเลยด้วยการนำตึกแถวพิพาทไปให้ผู้ร้องสอดเช่าช่วงโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีนั้นย่อมผูกพันโจทก์จำเลยและผู้ร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา145 วรรคหนึ่ง เมื่อคดีนี้โจทก์นำสืบและฎีกามาว่า การที่โจทก์ให้ผู้ร้องสอดเช่าช่วงตึกแถวพิพาท โจทก์มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าเพราะมีบันทึกท้ายหนังสือสัญญาเช่าตึกแถวมีกำหนด25 ปี และสัญญาเช่าตึกแถวยินยอมให้โจทก์นำตึกแถวพิพาทออกให้เช่าช่วงได้ และแม้โจทก์จะฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาตัวแทนที่ดูประหนึ่งว่ามิได้เกี่ยวกับประเด็นในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่3772/2529 ของศาลชั้นต้นก็ตาม แต่ตามเนื้อหาแห่งคดีที่โจทก์นำสืบและเนื้อความแห่งฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์โต้เถียงว่าโจทก์มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าต่อจำเลยในการที่โจทก์ให้ผู้ร้องสอดเช่าตึกแถวพิพาท ซึ่งเป็นการโต้เถียงประเด็นเดียวกันกับในคดีดังกล่าวนั่นเอง ฟ้องโจทก์จึงเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5067/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งสิทธิจากสัญญาประนีประนอมยอมความ การฟ้องบังคับตามสัญญายังไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลได้พิพากษาตามยอมให้แบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์จำเลยต่อมาจำเลยได้จดทะเบียนโอนที่พิพาทให้แก่ตนเองแต่ผู้เดียวซึ่งผิดไปจากข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีดังกล่าว โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามสิทธิของตนในสัญญาประนีประนอมยอมความได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5067/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินขัดแย้งกับสัญญาประนีประนอมยอมความ มิใช่ฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลได้พิพากษาตามยอมให้แบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์จำเลยต่อมาจำเลยได้จดทะเบียนโอนที่พิพาทให้แก่ตนเองแต่ผู้เดียวซึ่งผิดไปจากข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีดังกล่าวโจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามสิทธิของตนในสัญญาประนีประนอมยอมความได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4778/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว การฟ้องคดีประเด็นเดียวกันอีกจึงเป็นการฟ้องซ้ำ
คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างเหตุมาจากการที่โจทก์นำเช็คจำนวน 3 ฉบับตามฟ้องเดิมไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยโดยโจทก์ไม่ขอรับเป็นเงินสด แต่ยื่นคำขอให้จำเลยออกแคชเชียร์เช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายให้แทน ซึ่งเป็นฉบับเดียวกับแคชเชียร์เช็คตามฟ้องเดิมนั่นเอง ปรากฏว่าศาลฎีกาได้วินิจฉัยในคดีเดิมแล้วว่าความผูกพันระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นไปตามแคชเชียร์เช็คดังกล่าว โดยหาได้นำเงินสดมาแลกแคชเชียร์เช็คและเช็คทั้งสามฉบับที่นำมาแลกก็ขึ้นเงินไม่ได้โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างหนี้เดิมตามคำขอให้ออกแคชเชียร์เช็ค เมื่อโจทก์ไม่อาจเรียกเก็บเงินตามแคชเชียร์เช็คโจทก์ก็ยังมีสิทธิเรียกให้จำเลยคืนเงิน 400,000บาท นั้น ก็เป็นคำฟ้องเนื่องจากจำเลยไม่จ่ายเงินตามแคชเชียร์เช็คนั่นเอง เมื่อคดีเดิมมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4778/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คดีเดิมวินิจฉัยความผูกพันตามแคชเชียร์เช็คแล้ว การฟ้องเรียกเงินตามหนี้เดิมเป็นฟ้องซ้ำ
คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างเหตุมาจากการที่โจทก์นำเช็คจำนวน3ฉบับตามฟ้องเดิมไปเรียกเก็บเงินจากจำเลยโดยโจทก์ไม่ขอรับเป็นเงินสดแต่ยื่นคำขอให้จำเลยออกแคชเชียร์เช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายให้แทนซึ่งเป็นฉบับเดียวกับแคชเชียร์เช็คตามฟ้องเดิมนั่นเองปรากฎว่าศาลฎีกาได้วินิจฉัยในคดีเดิมแล้วว่าความผูกพันระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นไปตามแคชเชียร์เช็คดังกล่าวโดยหาได้นำเงินสดมาแลกแคชเชียร์เช็คและเช็คทั้งสามฉบับที่นำมาแลกก็ขึ้นเงินไม่ได้โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอ้างหนี้เดิมตามคำขอให้ออกแคชเชียร์เช็คเมื่อโจทก์ไม่อาจเรียกเก็บเงินตามแคชเชียร์เช็คโจทก์ก็ยังมีสิทธิเรียกให้จำเลยคืนเงิน400,000บาทนั้นก็เป็นคำฟ้องเนื่องจากจำเลยไม่จ่ายเงินตามแคชเชียร์เช็คนั่นเองเมื่อคดีเดิมมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4717/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ-ค่าเสียหายบุกรุก: ศาลฎีกาแก้ค่าใช้ที่ดินจากข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยกระทำละเมิดโจทก์โดยจำเลยก่อสร้างตีนช้างหรือฐานรากอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานละเมิดส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชดใช้ค่าใช้ที่ดินในกรณีที่ตีนช้างหรือบานรากอาคารของจำเลยปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์กับให้จำเลยไปจดทะเบียนภารจำยอมในส่วนที่รุกล้ำนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1312จึงเป็นข้อพิพาทคนละประเด็นกันมิใช่ประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148 ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเนื้อที่ดินที่ก่อสร้างตีนช้างผิดพลาดไปเป็นเนื้อที่ดินครึ่งต่อครึ่งซึ่งจำนวนเนื้อที่ดินที่ผิดพลาดนี้ไม่ว่าจะคิดเฉพาะจุดที่ก่อสร้างตีนช้างหรือจะคิดเป็นเนื้อที่ตลอดแนวความยาวก่อสร้างตีนช้างทั้งแถวย่อมมีผลกระทบกระเทือนถึงการกำหนดค่าใช้ที่ดินของศาลให้ผิดพลาดไปด้วยศาลฎีกาเห็นสมควรฟังข้อเท็จจริงเสียใหม่และกำหนดค่าเสียหายลดลงจากที่ศาลทั้งสองกำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำคดีแรงงาน: คำสั่งลงโทษทางวินัยชอบแล้ว การเรียกร้องค่าจ้างและโบนัสจึงเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เคยฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่จำเลยสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือนโจทก์โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยระเบียบข้อบังคับการทำงานและกฎหมายศาลฎีกาพิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยที่สั่งลงโทษโจทก์ชอบแล้วการที่โจทก์นำคดีมาฟ้องใหม่โดยขอให้จำเลยจ่ายเงินเดือนที่ถูกลดไปตามคำสั่งดังกล่าวและเงินโบนัสที่จำเลยไม่ได้จ่ายให้โจทก์เนื่องมาจากการที่โจทก์ถูกลงโทษตามคำสั่งนั้นซึ่งโจทก์อาจเรียกร้องให้พิจารณาถึงสิทธิดังกล่าวได้ในคดีเดิมอยู่แล้วคดีนี้จึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิมเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำคดีแรงงาน: ศาลฎีกายืนตามศาลแรงงานกลางว่าการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคำสั่งลงโทษเดิม เป็นฟ้องซ้ำ
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่จำเลยสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือนโจทก์1ขั้นโดยอ้างว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยระเบียบข้อบังคับการทำงานและกฎหมายเพราะโจทก์มิได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลางว่าโจทก์ทำผิดระเบียบข้อบังคับการทำงานคำสั่งของจำเลยที่สั่งลงโทษโจทก์นั้นชอบแล้วการที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินเดือนที่ถูกลดไป1ขั้นตามคำสั่งดังกล่าวและเงินโบนัสที่จำเลยไม่ได้จ่ายให้โจทก์ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่โจทก์ถูกลงโทษตามคำสั่งนั้นเมื่อโจทก์ฟ้องคดีเดิมโจทก์อาจเรียกร้องให้พิจารณาถึงสิทธิต่างๆตามที่โจทก์ฟ้องคดีนี้อยู่แล้วการที่โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องมีกรณีที่ต้องพิจารณาว่าคำสั่งดังกล่าวของจำเลยชอบด้วยระเบียบข้อบังคับการทำงานและกฎหมายหรือไม่ซึ่งเป็นประเด็นที่คดีเดิมมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วข้ออ้างตามฟ้องโจทก์จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเดิมและคู่ความเดียวกันเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148ประกอบกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานกลางและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา31
of 146