พบผลลัพธ์ทั้งหมด 687 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: จำเลยต้องนำสืบพิสูจน์การไม่มีมูลหนี้เมื่อออกเช็ค หากไม่อาจพิสูจน์ได้ต้องรับผิดตามเช็ค
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน นัดสืบพยานจำเลยนัดแรก จำเลยอ้างว่าป่วยขอเลื่อนคดี นัดที่สองอ้างว่าทนายจำเลยป่วยขอเลื่อนคดี นัดที่สามจำเลยและโจทก์แถลงขอเลื่อนคดีเพื่อเจรจา นัดที่สี่จำเลยยอมรับว่าจำเลยผิดนัดไม่ไปตรวจสอบหนี้สินตามที่โจทก์นัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำพยานเข้าสืบ แต่จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานปากเดียว ส่วนพยานอื่นไม่มาศาล.ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จในนัดหน้า ถ้าพยานไม่มาให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบ นัดที่ห้าจำเลยนำพยานเข้าสืบ 4 ปาก แล้วแถลงว่ายังติดใจสืบพยานอีก 2 ปาก ซึ่งมาศาลแล้วแต่กลับไปก่อนและติดธุระมาศาลไม่ได้ ปรากฏว่าพยานที่จำเลยยังติดใจสืบนั้น ก็เพื่อประโยชน์คดีอื่นของจำเลยไม่เกี่ยวกับเช็คพิพาทคดีนี้ และไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีนี้ พฤติการณ์ของจำเลยส่อเจตนาประวิงคดี ชอบที่ศาลชั้นต้นจะตัดพยานจำเลยดังกล่าว
จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค จึงต้องสันนิษฐานว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 เมื่อจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้โจทก์ยืมไปแลกเงินสดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์ โดยจำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จักต้องชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบแก่โจทก์ไปแลกเงินสดจาก ส. ให้จำเลย โดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คนั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงได้ใช้เงินตามเช็คนั้นไปและรับมอบเช็คคืนมา เช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ได้เช็คไว้ในครอบครองก็นับว่าเป็นผู้ทรงมีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลยผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายได้ดังนี้คำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบหาขัดแย้งกันไม่
จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค จึงต้องสันนิษฐานว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 เมื่อจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้โจทก์ยืมไปแลกเงินสดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์ โดยจำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จักต้องชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบแก่โจทก์ไปแลกเงินสดจาก ส. ให้จำเลย โดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คนั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงได้ใช้เงินตามเช็คนั้นไปและรับมอบเช็คคืนมา เช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ได้เช็คไว้ในครอบครองก็นับว่าเป็นผู้ทรงมีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลยผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายได้ดังนี้คำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบหาขัดแย้งกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2120/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารมหาชนมีน้ำหนักในการรับฟัง การรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัดและลูกจ้าง
ใบสำคัญการสมรสใบมรณบัตรสูติบัตรเป็นเอกสารมหาชนให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารตามป.วิ.พ.มาตรา127 แม้ส. ซึ่งเป็นคนขับรถโดยสารคันเกิดเหตุของจำเลยที่3จะเป็นเพียงผู้รับจ้างขับรถเป็นรายเที่ยวก็ถือได้ว่าส. เป็นลูกจ้างและขับรถโดยสารคันเกิดเหตุในทางการที่จ้างของจำเลยที่3ๆต้องร่วมรับผิดกับส. ในผลแห่งละเมิดด้วย หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องร่วมรับผิดต่อบุคคลภายนอกโดยไม่จำกัดความรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ห้างหุ้นส่วนฯก่อให้เกิดขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1973/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้สั่งจ่ายเช็คสองคนร่วมกันรับผิด แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงสถานะทางธุรกิจ หากไม่มีเจตนาฉ้อฉล
เช็คพิพาทมีผู้สั่งจ่ายสองนายลงนามร่วมกันโอนเช็คให้ผู้ทรงเมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ทรงรับโอนเช็คโดยคบคิดกันฉ้อฉลกับผู้สั่งจ่ายคนใดคนหนึ่งแล้วผู้สั่งจ่ายทั้งสองก็ต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 989, 914 ผู้สั่งจ่ายจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างกันเองปฏิเสธความรับผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1826/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้แทนบุคคลอื่น: สัญญาไม่มีผลเมื่อเจ้าหนี้ไม่ใช่เจ้าหนี้เดิม
การที่ ท.และ ส.ยืมเงินจากโจทก์ไปชำระให้แก่บุตรจำเลยเป็นค่าสมัครไปทำงานต่างประเทศ เมื่อ ท.และ ส.ไม่ได้ไปทำงานบุตรจำเลยจึงเป็นลูกหนี้ที่ต้องชำระเงินให้แก่ ท.และ ส.โจทก์เป็นเพียงเจ้าหนี้ของ ท.และ ส.เมื่อ ท.และ ส.มิได้โอนสิทธิเรียกร้องให้โจทก์ บุตรจำเลยจึงไม่เป็นลูกหนี้โจทก์และไม่มีหนี้ที่จำเลยจะต้องรับผิดใช้แทนแต่อย่างใด การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากบุตรจำเลยเป็นจำเลยจึงเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นการที่จำเลยทำสัญญากู้ให้โจทก์เพื่อชำระหนี้แทนบุตร จึงไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยต้องรับผิด โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้รายนี้มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361-1372/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรถต้องรับผิดต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุ แม้จะทำสัญญาประกันภัย และอายุความไม่ตัดสิทธิผู้รับประกันภัย
จำเลยที่1มีชื่อเป็นคู่สัญญาซื้อรถบรรทุกคันเกิดเหตุและมีชื่อเป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์นั้นไว้กับจำเลยร่วมเมื่อเกิดเหตุรถชนกันขึ้นอ. บุตรชายของจำเลยที่2และเป็นผู้มีส่วนในการดำเนินกิจการของจำเลยที่1อยู่ด้วยได้ให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนว่ารถเป็นของจำเลยที่1ส. เป็นคนขับรถของจำเลยที่1โดยในวันเกิดเหตุอ. ได้สั่งให้ส. ขับรถเอามันเส้นของจำเลยที่1ไปส่งที่อำเภอบางประกง นอกจากนี้จำเลยที่2ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่1ได้มอบอำนาจให้อ. ไปรับรถคืนจากพนักงานสอบสวนโดยอ้างว่าเป็นรถของจำเลยที่1พยานหลักฐานต่างๆเหล่านี้รับฟังได้ว่ารถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุเป็นของจำเลยที่1และส. เป็นลูกจ้างของจำเลยที่1ได้ขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่1 เมื่อโจทก์นำสืบให้ปรากฏแล้วว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นแก่โจทก์แม้โจทก์จะไม่นำสืบหรือนำสืบไม่ได้ว่าค่าเสียหายเป็นจำนวนเท่าใดศาลก็อาจกำหนดให้ได้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิด แม้จำเลยที่1ที่2จะขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีเป็นเวลาเกิน1ปีนับแต่วันละเมิดแต่ได้เรียกเข้ามาในฐานะเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของจำเลยที่1ที่2จำเลยร่วมจึงไม่อาจยกอายุความละเมิดขึ้นต่อสู้ให้ยกฟ้องคดีโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136-146/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับเหมาชั้นต้นต้องรับผิดค่าจ้างลูกจ้างของผู้รับเหมาช่วง แม้จะจ่ายค่าจ้างให้ผู้รับเหมาช่วงแล้ว
การที่จำเลยที่ 2 รับเหมาตกแต่งห้องพักของโรงแรมโดยใช้วัสดุและอุปกรณ์ของจำเลยที่ 2 นั้น เป็นสัญญาจ้างทำของ ต่อมาจำเลยที่ 2 ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ตกแต่งห้องพักก็เป็นกรณีจ้างทำของเช่นเดียวกัน จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นผู้รับเหมาชั้นต้นและผู้รับเหมาช่วงตามลำดับ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับเหมาชั้นต้นต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงในฐานะลูกหนี้ร่วมชำระค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง แม้จำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่าจ้างให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้จ่ายให้แก่ลูกจ้างไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม จำเลยที่ 2 ก็คงต้องรับผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ข้อ 7
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136-146/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับเหมาชั้นต้นมีหน้าที่รับผิดร่วมกับผู้รับเหมาช่วงในค่าจ้างลูกจ้าง แม้จ่ายค่าจ้างให้ผู้รับเหมาช่วงแล้วก็ตาม
การที่จำเลยที่2รับเหมาตกแต่งห้องพักของโรงแรมโดยใช้วัสดุและอุปกรณ์ของจำเลยที่2นั้นเป็นสัญญาจ้างทำของต่อมาจำเลยที่2ว่าจ้างจำเลยที่1ตกแต่งห้องพักก็เป็นกรณีจ้างทำของเช่นเดียวกันจำเลยที่2และจำเลยที่1ย่อมเป็นผู้รับเหมาชั้นต้นและผู้รับเหมาช่วงตามลำดับจำเลยที่2ในฐานะผู้รับเหมาชั้นต้นต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่1ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงในฐานะลูกหนี้ร่วมชำระค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างแม้จำเลยที่2ได้จ่ายค่าจ้างให้จำเลยที่1และจำเลยที่1มิได้จ่ายให้แก่ลูกจ้างไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตามจำเลยที่2ก็คงต้องรับผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่103ข้อ7.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5037/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฐานะผู้รับเหมาชั้นต้นกับการรับผิดในค่าจ้าง: ต้องมีฐานะนายจ้างตามกฎหมาย จึงจะรับผิดได้
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ข้อ 7 เป็นบทบังคับให้ผู้รับเหมาชั้นต้นซึ่งมิได้เป็นนายจ้างของลูกจ้างมีหน้าที่ต้องรับผิดในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วมกับผู้รับเหมาช่วงที่เป็นนายจ้างของลูกจ้างในหนี้เงินบางประเภทดังที่กำหนดไว้มิได้หมายความว่าผู้รับเหมาชั้นต้นมีฐานะเป็นนายจ้างของลูกจ้างไปด้วย สภาพของการเป็นนายจ้างหรือลูกจ้างต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 2 โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยและจำเลยให้การว่ามิได้เป็นนายจ้าง ไม่เคยว่าจ้างโจทก์ ประเด็นข้อพิพาทจึงมีว่าโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยหรือไม่ หากโจทก์จะขอให้บังคับจำเลยให้รับผิดในฐานะเป็นผู้รับเหมาชั้นต้นซึ่งมิได้เป็นนายจ้างของโจทก์ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103ข้อ 7 ก็ชอบที่จะต้องบรรยายฟ้องให้ปรากฏถึงฐานะของจำเลยให้แจ้งชัด ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า แม้จำเลยมิได้เป็นนายจ้างของโจทก์ก็ต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้รับเหมาชั้นต้นนั้น เป็นเรื่องนอกเหนือคำฟ้องและคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4689/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนกับการรับผิดในสัญญาจ้างก่อสร้าง: กรรมการตรวจการจ้างไม่ต้องรับผิดส่วนตัว
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจำเลยที่ 1 แต่งตั้งจำเลยที่ 3ถึงที่ 7 เป็นคณะกรรมการตรวจการจ้าง ในการจ้างเหมาโจทก์ก่อสร้างอาคารเพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตามรายการและแบบแปลน จำเลยที่ 3 ถึงที่ 7 ย่อมเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้เงินแก่โจทก์ในฐานะส่วนตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4538/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้สินของผู้ตายจากเงินทุนเลี้ยงชีพธนาคารออมสิน
เงินทุนเลี้ยงชีพประเภทหนึ่งของธนาคารออมสินสำหรับพนักงานแต่ละคนให้สะสมขึ้นด้วยเงินที่ธนาคารคำนวณเพิ่มให้ร้อยละสิบจากเงินเดือนที่พนักงานได้รับในวันจ่ายเงินเดือนทุกเดือนโดยขึ้นบัญชีแยกไว้สำหรับพนักงานแต่ละคนเรียกว่าบัญชี"เงินทุนเลี้ยงชีพประเภทหนึ่ง" และให้ธนาคารคิดดอกเบี้ยให้ในอัตราร้อยละสี่ต่อปี ถ้าผู้ตายยังไม่ตายและออกจากธนาคารไป ธนาคารออมสินก็ต้องจ่ายเงินจำนวนนี้ให้แก่ผู้ตายตามระเบียบ เงินทุนเลี้ยงชีพประเภทหนึ่งจึงเป็นมรดกของผู้ตายจำเลยรับเอาไปจำเลยจึงได้ครอบครองทรัพย์มรดกดังกล่าวของผู้ตาย จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้ของผู้ตายให้โจทก์ตามกฎหมาย