คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลูกหนี้

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 829 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5590/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกร้องค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินต้องรอการประเมินภาษีและแจ้งรายการประเมินให้ลูกหนี้ทราบก่อน จึงจะบังคับชำระหนี้ได้
แม้ลูกหนี้จะมีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนและที่ดินเป็นรายปีก็ตาม แต่จะต้องเสียเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประเมินภาษีและแจ้งรายการประเมินให้ลูกหนี้ทราบแล้วตามความในภาค 3เรื่องวิธีดำเนินการประเมินและจัดเก็บภาษีแห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 ซึ่งผู้รับการประเมินจะต้องเสียภาษีในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินตามมาตรา 38ฉะนั้นเมื่อเจ้าหนี้ยังมิได้ประเมินภาษีและแจ้งให้ลูกหนี้ทราบจำนวนภาษีที่จะต้องเสีย ลูกหนี้ก็ยังไม่ต้องชำระหนี้ภาษีดังกล่าวเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ภาษีนั้น พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 43บัญญัติทางแก้สำหรับกรณีลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระเงินค่าภาษีที่ค้างชำระไว้โดยเฉพาะแล้วว่า ผู้ค้างชำระจะต้องเสียเงินเพิ่มคิดเป็นร้อยละตามจำนวนค่าภาษีที่ค้างและมีอัตราเงินเพิ่มสูงขึ้นตามเวลาที่ค้างชำระ จึงคิดดอกเบี้ยซ้อนเข้าไปอีกในระหว่างผิดนัดไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5425/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิเช่าซื้อ, หน้าที่ลูกหนี้, อำนาจฟ้อง และการที่จำเลยร่วมไม่ใช่คู่สัญญา
ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ จำเลยที่ 1อาจโอนสิทธิในทรัพย์ที่เช่าซื้อให้แก่ผู้อื่นได้ แต่จำเลยที่ 1ยังมีหน้าที่ต้องชำระราคาค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์อยู่หาพ้นความรับผิดไม่ เว้นแต่จะได้มีการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 การที่บริษัทส. ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์เปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาเช่าซื้อ กับให้จำเลยร่วมลงชื่อในแบบพิมพ์คำร้องขอเช่าซื้อรถยนต์และสัญญาเช่าซื้อเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทำสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยร่วม สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1ยังไม่ระงับและมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 จำเลยร่วมมิได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยร่วม อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยร่วมมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเป็นคุณแก่จำเลยร่วมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: การชำระหนี้บางส่วนไม่กระทบต่อการบังคับคดีทั้งหมด และเป็นเรื่องระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้
ในชั้น บังคับคดีนั้น แม้จะได้ความว่าจำเลยได้ ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ไปบางส่วนแล้ว ก็ยังคงมีหนี้ที่จำเลยจะต้อง ชำระแก่โจทก์อยู่อีก ทั้งโจทก์ก็ยังไม่ได้รับรองว่าได้ รับ ชำระ หนี้ไว้แล้วดัง ที่จำเลยอ้าง จึงเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้อง ไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะยกเอาการชำระหนี้ดังกล่าวมาเป็นเหตุให้ศาลยกเลิกหมายบังคับคดี หรืองดการบังคับคดีหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5104/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกหนี้ล้มละลายไม่มีสิทธิยื่นคำขอพิจารณาใหม่เอง อำนาจอยู่ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ก่อนจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยในคดีล้มละลายแล้ว จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา22 (3) การที่จำเลยยื่นขอให้พิจารณาใหม่เป็นการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องให้ชำระหนี้ จำเลยไม่มีสิทธิดำเนินการเอง เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ส่วนที่ศาลจะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนตามมาตรา 25 ได้ต้องเป็นกรณีที่จำเลยได้ยื่นขอพิจารณาใหม่ไว้ก่อน แล้วถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในภายหลัง เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ จึงไม่ต้องตามตามบทบัญญัติ มาตรา 25 ที่ศาลจะต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาว่าคดีแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5104/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีของลูกหนี้หลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่ผู้เดียว
ก่อนจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยในคดีล้มละลายแล้ว จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(3) การที่จำเลยยื่นขอให้พิจารณาใหม่เป็นการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องให้ชำระหนี้ จำเลยไม่มีสิทธิดำเนินการเอง เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ส่วนที่ศาลจะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนตามมาตรา 25 ได้ต้องเป็นกรณีที่จำเลยได้ยื่นขอพิจารณาใหม่ไว้ก่อน แล้วถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในภายหลัง เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ จึงไม่ต้องตามบทบัญญัติ มาตรา 25ที่ศาลจะต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาว่าคดีแทน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5016/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจในการยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่หลังถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
ก่อนจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยหลังจากนั้นเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะฟ้อง ร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 22(3) การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ในคดีนี้เป็นการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องให้ชำระหนี้ จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะยื่นคำขอจำเลยหามีสิทธิยื่นไม่
การที่ศาลจะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 25 นั้น ต้องเป็นกรณีที่จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ไว้ก่อนแล้ว คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา และศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ภายหลัง เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปก่อนแล้วจึงยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายหลัง กรณีย่อมไม่ต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าวที่ศาลจะต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาว่าคดีแทนจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4845/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งตั้งทนายความหลังพิทักษ์ทรัพย์: อำนาจของนิติบุคคลแยกจากลูกหนี้
การห้ามลูกหนี้กระทำการตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลายพ.ศ. 2483 ไม่มีความหมายรวมถึงการจัดการทรัพย์สินของผู้อื่นหรือทำกิจการแทนผู้อื่นด้วย ดังนั้นการที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อประทับตราของบริษัทจำเลยที่ 1 แต่งตั้งทนายความยื่นคำร้องต่อศาลจึงเป็นการกระทำแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลแยกออกไปอีกส่วนหนึ่งจากจำเลยที่ 2 นั้น ย่อมมีอำนาจกระทำได้ไม่ต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4556/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ: ลูกหนี้ต้องปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วน เจ้าหนี้มีสิทธิบังคับคดีได้
โจทก์และจำเลยต่างมิได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความความทุกข้อที่ทำกันไว้ในศาลชั้นต้นแต่ที่จำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามสัญญาข้อ 6 โดยไม่ยอมให้โจทก์เช่าตึกแถวนั้นปรากฏว่าโจทก์ยังมิได้โอนกรรมสิทธิ์ในตึกแถวดังกล่าวให้จำเลยตามสัญญาข้อ 2 โจทก์จะอ้างว่าจำเลยผิดสัญญายังมิได้ และที่จำเลยยังมิได้จัดการโอนหุ้นตามสัญญาข้อ 8 และยังมิได้โอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ตามสัญญาข้อ 2 นั้น เนื่องจากสัญญาข้อ 8 และข้อ 2 มิได้เกี่ยวข้องหรือเป็นเงื่อนไขของสัญญาข้ออื่น ทั้งสัญญาข้อ 10 ระบุว่าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด อีกฝ่ายบังคับคดีได้ทันที โจทก์ก็อาจบังคับคดีได้เช่นกัน ไม่เป็นเหตุขัดข้องในการที่โจทก์จะปฏิบัติตามสัญญาข้อ 2 ถึง ข้อ 5 เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมและคำบังคับ จำเลยก็มีสิทธิบังคับคดีแก่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3997/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดสิทธิเรียกร้องและการชำระหนี้ตามกฎหมาย แม้มีคดีแรงงานอยู่ระหว่างพิจารณา
จำเลยเป็นลูกหนี้ของโจทก์ที่จะต้องชำระเงินบำเหน็จให้แก่โจทก์เจ้าหนี้ของโจทก์ย่อมมีสิทธิอายัดสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อจำเลยได้ ฉะนั้น ไม่ว่าโจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางแล้วหรือไม่ เมื่อจำเลยได้รับหมายอายัดชั่วคราวจากศาลแพ่ง จำเลยย่อมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหมายอายัดของศาลแพ่ง การที่จำเลยนำเงินบำเหน็จดังกล่าวไปวางต่อศาลแพ่ง จึงไม่เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตแต่ถือว่าเป็นการชำระหนี้ตามกฎหมายแล้ว ข้อความในหมายอายัดที่ว่า ถ้ามีเหตุคัดค้านประการใดให้ยื่นคำคัดค้านภายในกำหนดเวลานั้น หมายความว่า หากจำเลยมีเหตุคัดค้านหมายอายัดในเหตุส่วนตัวของจำเลย เช่น จำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามที่ถูกอายัด จำเลยก็อาจจะคัดค้านภายในกำหนดเวลานั้นได้แต่ปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์จริง จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะคัดค้าน และแม้จำเลยถูกโจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลแรงงานกลาง จำเลยก็ไม่มีหน้าที่ต้องคัดค้านการอายัดหรือนำเงินบำเหน็จมาวางต่อศาลแรงงานกลางแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3939/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยจากเหตุสุดวิสัยหลังก่อหนี้ ลูกหนี้หลุดพ้นจากการชำระหนี้
เหตุที่จำเลยทั้งสี่ไม่สามารถจัดการออกโฉนดและโอนที่ดินให้แก่โจทก์ได้ตามสัญญาจะซื้อขาย เป็นเพราะผู้ขายซึ่งซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลไม่สามารถโอนที่ดินให้แก่จำเลยทั้งสี่ เนื่องจากถูกบุคคลอื่นฟ้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด และศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาดในเวลาต่อมา ต้องถือว่าการชำระหนี้ของจำเลยทั้งสี่กลายเป็นพ้นวิสัยและพฤติการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่จำเลยทั้งสี่ก่อหนี้ตามสัญญาจะซื้อขายทั้งไม่ปรากฏว่าได้เกิดขึ้นเนื่องจากการกระทำของจำเลยทั้งสี่จะถือว่าจำเลยทั้งสี่ต้องรับผิดชอบในพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นหาได้ไม่ จำเลยทั้งสี่จึงหลุดพ้นจากการชำระหนี้ ไม่ต้องโอนที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่ฝ่ายโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 219 เมื่อการชำระหนี้บางส่วนกลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ซึ่งจำเลยทั้งสี่ในฐานะลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบและการชำระหนี้ส่วนที่เป็นวิสัยที่จะทำได้ซึ่งหมายถึงการโอนที่ดินแปลงอื่น ๆตามสัญญาให้แก่โจทก์ยังเป็นประโยชน์แก่โจทก์ โจทก์จะไม่ยอมรับโอนที่ดินแปลงที่อยู่ในวิสัยจะโอนได้ แล้วเรียกค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำระหนี้เสียทั้งหมดหาได้ไม่ โจทก์จำเลยยังมีหนี้ที่จะต้องชำระให้แก่กันและกันอยู่กล่าวคือฝ่ายจำเลยจะต้องโอนที่ดินที่เหลืออีก 5 แปลงให้แก่โจทก์ และฝ่ายโจทก์ก็ต้องชำระราคาตามที่ตกลงกันไว้นอกจากนั้นปรากฏว่าจำเลยทั้งสี่ได้จัดการโอนที่ดินให้แก่โจทก์แล้ว 1 แปลง กับได้จัดการออกโฉนดที่ดินแปลงที่เหลืออีก 5 แปลง พร้อมที่จะโอนให้แก่โจทก์ตามสัญญาทั้งการที่จำเลยทั้งสี่ไม่สามารถโอนที่ดินอีกแปลงหนึ่งนั้นหาได้เกิดจากพฤติการณ์ซึ่งจำเลยทั้งสี่ต้องรับผิดชอบไม่ จะถือว่าจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นฝ่ายรับเงินมัดจำละเลยไม่ชำระหนี้ไม่ได้กรณีจึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ที่จะคืนเงินมัดจำให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 378(1)(3)
of 83