พบผลลัพธ์ทั้งหมด 391 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพรางสัญญากู้: เจตนาที่แท้จริงคือการลงทุนร่วมธุรกิจ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยตามหนังสือสัญญากู้จำเลยต่อสู้ว่าเป็นนิติกรรมอำพราง เมื่อคดีได้ความว่าความจริงเป้นเรื่องโจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนกันในการแสดงลครเพื่อหาผลกำไร จำนวนเงินที่โจทก์จะมอบให้จำเลยไปซื้อหาและใช้จ่ายในการแสดงลครนั้นโจทก์ให้จำเลยทำหนังสือสัญญากู้โจทก์ไว้ เพื่อให้จำเลยเอาเงินไปใช้เพื่อประโยชน์ในการจัดการแสดงลครจริง ๆ และเพื่อป้องกันเจ้าหนี้อื่น ถ้าหากจำเลยจะไปก่อให้เกิดขึ้น มิให้มาฟ้องร้องโจทก์ในฐานเป็นหุ้นส่วน ดังนี้ สัญญากู้ดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมอำพราง ตกเป็นโมฆะ ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 118.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อากรแสตมป์สัญญากู้: การปิดอากรเพิ่มเติมหลังทำสัญญาไม่กระทบความเป็นพยานหลักฐาน
สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ในวันทำสัญญา ขาดอัตราไป 2 บาท ต่อมาในวันยื่นฟ้อง ผู้ให้กู้ซึ่งเป็นโจทก์ปิดเพิ่มอีก 2 บาท ครบตามอัตราที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ดังนี้ ย่อมใช้สัญญากู้นั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีได้ มิจำจะต้องเสียอากรและเงินเพิ่มอากร เพราะการที่จะรับผิดเสียอากรเพิ่มขึ้นเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ไม่กระทบกระทั่งถึงการที่จะฟังตราสารนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนในวันทำสัญญา แต่แก้ไขให้ถูกต้องก่อนฟ้อง ไม่กระทบการใช้สัญญากู้เป็นหลักฐาน
สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ในวันทำสัญญา ขาดอัตราไป 2 บาทต่อมาในวันยื่นฟ้อง ผู้ให้กู้ซึ่งเป็นโจทก์ปิดเพิ่มอีก 2 บาท ครบตามอัตราที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้วดังนี้ ย่อมใช้สัญญากู้นั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีได้ มิจำจะต้องเสียอากรและเงินเพิ่มอากรเพราะการที่จะรับผิดเสียอากรเพิ่มขึ้นเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ไม่กระทบกระทั่งถึงการที่จะฟังตราสารนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้แม้ไม่มีอากรแสตมป์ใช้ได้ หากจำเลยรับสภาพหนี้ และการนำสืบถึงที่มาของหนี้ไม่เป็นการนอกประเด็น
ฟ้องเรียกเงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้ แม้หนังสือสัญญากู้นั้นจะมิได้ปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรก็ดี แต่เมื่อผู้กู้ให้การรับอยู่ว่าได้ทำสัญญากู้ให้โจทก์ไว้จริง เป็นแต่ต่อสู้ว่าเกิดจากเรื่องซื้อขาย ซึ่งไม่จำต้องอาศัยสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานในคดีอย่างไรแล้ว ศาลก็ย่อมพิพากษาให้ผู้กู้ชำระเงินแก่ผู้ให้กู้ตามสัญญานั้นได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่นำสืบว่าเป็นหนี้ค่าซื้อปลา อันเป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งสัญญากู้ ดังนี้ หาเป็นการสืบนอกประเด็นไปจากคำฟ้องไม่
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่นำสืบว่าเป็นหนี้ค่าซื้อปลา อันเป็นการนำสืบถึงที่มาแห่งสัญญากู้ ดังนี้ หาเป็นการสืบนอกประเด็นไปจากคำฟ้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เงิน: การสันนิษฐานการได้รับเงิน และหน้าที่การนำสืบของจำเลย
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยให้การรับว่าได้ลงชื่อเป็นผู้กู้ในสัญญาจริง แต่ไม่ได้รับเงินไปสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ดังนี้ เมื่อในสัญญากู้ข้อ 1 มีความชัดว่าจำเลยได้รับเงินไปครบถ้วนแล้วก็ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยได้รับเงินไปตามสัญญาแล้วฉะนั้นเมื่อจำเลยมีข้อต่อสู้อย่างใดที่จะหักล้างได้ก็ต้องเป็นหน้าที่จำเลยนำสืบ เพราะถ้าไม่มีการสืบกันแล้วข้อเท็จจริงก็อันเป็นอันยุติว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์และรับเงินไปตามที่ปรากฏในสัญญานั้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์จากสัญญากู้สมยอม: ศาลจำกัดสิทธิเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องโดยตรง
จำเลยสมยอมกันทำสัญญากู้แล้วนำมาฟ้องศาล ทำสัญญายอมความกัน แล้วจำเลยผู้ขนะคดีมายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้ยึดทรัพย์มาโจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้เพิกถอนสัญญากู้ สัญญายอมความอีกทั้งคำพิพากษาตามยอมและขอให้จำเลยถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เสียนั้น ความประสงค์อันแท้จริงของโจทก์ ก็คือจะไม่ให้จำเลยมีสิทธิได้รับส่วนเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ได้ยึดไว้ ฉะนั้นศาลจึ่งพิพากษาแต่เพียงว่า จำเลยจะอ้างสิทธิตามสัญญากู้และสัญญายอมความอีกทั้งคำพิพากษาตามยอมในคดีที่สมยอมกันนั้นมาขอเฉลี่ย ทรัพย์ที่โจทก์ยึดในอีกคดีหนึ่งไม่ได้ไม่จำเป็นต้องเพิกถอนสัญญาตามคำขอของโจทก์ เพราะผลคำพิพากษาในคดีของจำเลยนั้นเป็นเรื่องระหว่างจำเลยด้วยกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้สมบูรณ์ แม้ผู้กู้ต่อสู้ว่าไม่ได้รับเงิน การนำสืบแก้ไขข้อความในสัญญาต้องห้าม
สัญญากู้มีข้อความว่า "ข้าพเจ้าได้กู้เงินของท่านไปจำนวน 2,500 บาท และได้รับเงินไปเสร็จแล้ว แต่ในวันทำสัญญานี้" ดังนี้ผู้กู้จะขอนำสืบว่าไม่ได้รับเงิน ก็เท่ากับเป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงต้องห้าม ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94 วรรคต้น(ข)
จำเลยต่อสู้ว่า เหตุที่ทำสัญญากู้นี้ขึ้น ก็เนื่องจากโจทก์ออกเงินซื้อเป็ดให้จำเลยเลี้ยง จกลงแบ่งผลประโยชน์กัน ตีราคาเป็ดเท่าจำนวนเงินที่ลงไว้ในสัญญากู้ เพื่อป้องกันมิให้จำเลยฉ้อโกง จึงให้ทำสัญญากู้ไว้ ดังนี้เป็นเรื่องจำเลยยอมตนเข้าผูกพันตามสัญญากู้โดยสมัครใจ เนื่องจากมีมูลหนี้ต่อกันมาก่อนแล้ว สัญญากู้นั้นจึงสมบูรณ์
จำเลยต่อสู้ว่า เหตุที่ทำสัญญากู้นี้ขึ้น ก็เนื่องจากโจทก์ออกเงินซื้อเป็ดให้จำเลยเลี้ยง จกลงแบ่งผลประโยชน์กัน ตีราคาเป็ดเท่าจำนวนเงินที่ลงไว้ในสัญญากู้ เพื่อป้องกันมิให้จำเลยฉ้อโกง จึงให้ทำสัญญากู้ไว้ ดังนี้เป็นเรื่องจำเลยยอมตนเข้าผูกพันตามสัญญากู้โดยสมัครใจ เนื่องจากมีมูลหนี้ต่อกันมาก่อนแล้ว สัญญากู้นั้นจึงสมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1873/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สัญญากู้เป็นหลักฐาน แม้ปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนแต่ภายหลังได้ดำเนินการให้ถูกต้อง
ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 บังคับแต่เพียงจะใช้ตราสารเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้จนกว่าจะได้ปิดอากรแสดมป์บริบูรณ์และขีดฆ่าแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นที่เห็นได้ชัดว่าตราสารที่มิได้อากรแสตมป์บริบูรณ์มาแต่เดิมก็ดีถ้าได้มีการปิดอากรแสตมป์ขึ้นแล้วในภาย หลัง ก็ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ทันที มิได้มีอะไรสูญเสียไป
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยตามเอกสารสัญญากู้แต่ปรากฎว่า สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ยังไมครบถ้วนเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วสืบพยานจำเลยได้ 1 ปากโจทก์ยื่นคำร้องขอปิดอากรแสตมป์ให้ครบ จำเลยคัดค้านเมื่อสืบพยานจำเลยเสร็จแล้ว ศาลยอมให้โจทก์นำสัญญากู้ไปปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนี้ศาลย่อมรับฟังสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยตามเอกสารสัญญากู้แต่ปรากฎว่า สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ยังไมครบถ้วนเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วสืบพยานจำเลยได้ 1 ปากโจทก์ยื่นคำร้องขอปิดอากรแสตมป์ให้ครบ จำเลยคัดค้านเมื่อสืบพยานจำเลยเสร็จแล้ว ศาลยอมให้โจทก์นำสัญญากู้ไปปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนี้ศาลย่อมรับฟังสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1873/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สัญญากู้เป็นพยานหลักฐานหลังปิดอากรแสตมป์ครบถ้วน แม้จะมิได้ปิดอากรแสตมป์มาแต่เดิม
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 บังคับแต่เพียงจะใช้ตราสารเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้จนกว่าจะได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์และขีดฆ่าแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นที่เห็นได้ชัดว่าตราสารที่มิได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์มาแต่เดิมก็ดี ถ้าได้มีการปิดอากรแสตมป์ขึ้นแล้วในภายหลัง ก็ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ทันที มิได้มีอะไรสูญเสียไป
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยตามเอกสารสัญญากู้ แต่ปรากฏว่า สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ยังไม่ครบถ้วน เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วสืบพยานจำเลยได้ 1 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอปิดอากรแสตมป์ให้ครบ จำเลยคัดค้านเมื่อสืบพยานจำเลยเสร็จแล้ว ศาลยอมให้โจทก์นำสัญญากู้ไปปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยตามเอกสารสัญญากู้ แต่ปรากฏว่า สัญญากู้ปิดอากรแสตมป์ยังไม่ครบถ้วน เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วสืบพยานจำเลยได้ 1 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอปิดอากรแสตมป์ให้ครบ จำเลยคัดค้านเมื่อสืบพยานจำเลยเสร็จแล้ว ศาลยอมให้โจทก์นำสัญญากู้ไปปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังสัญญากู้เป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความขัดแย้งระหว่างฟ้องซื้อขายกับหลักฐานสัญญากู้ ศาลไม่บังคับตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินแก่โจทก์ตามที่โจทก์จำเลยตกลงกันไว้โดยบรรยายฟ้องมีความว่าโจทก์จำเลยตกลงซื้อขายที่ดินกัน จำเลยต้องการเงินไปใช้ก่อนโจทก์จึงมอบเงินให้จำเลยไป 700 บาท อีก 100 บาทจะชำระกันเมื่อทำโอนจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นเงิน 800 บาท ต่อมาจำเลยไม่ยอมโอนที่ดินให้แก่โจทก์ ๆ จึงฟ้องและได้แนบสำเนาสัญญากู้มาท้ายฟ้องด้วย ดังนี้แม้เดิมจะไ้ดมีการตกลงซื้อขายที่ดินหรือไม่ก็ดีแต่ที่กล่าวในฟ้องว่าได้ตกลงทำสัญญากู้กันประกอบด้วยตัว สัญญากู้เอง เห็นได้ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องตกลงจะซื้อขายที่ดินกัน ฉะนั้นจึงถือได้ว่าโจทก์ฟ้องเรื่องซื้อขายที่ดินอ้างสัญญากู้มาเป็นหลักฐาน ซึ่งมีข้อความชัดเจนเป็นเรื่องสัญญากู้เงินไว้ชัดแจ้งแล้วเช่นนี้ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินโดยอาศัยสัญญากู้หาได้ไม่ เพราะฟ้องกับคำขอท้ายฟ้องขัดกันอยู่ศาลจะบังคับให้ตามคำขอของโจทก์ไม่ได้