คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หลอกลวง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 493 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพโดยไม่ได้ถูกจูงใจ: พนักงานสอบสวนทราบข้อมูลเท็จของผู้ต้องหาแต่ไม่ทักท้วง ไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวง
การที่พนักงานสอบสวนรู้ว่าผู้ต้องหาปิดบังอาชีพและยศไว้โดยพนักงานสอบสวนมิได้ท้วงติงนั้นไม่ถือว่าเป็นการจูงใจหรือหลอกลวงให้จำเลยรับสารภาพ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเพื่อเอาทรัพย์ การแสดงเจตนาที่ไม่ชัดเจนไม่ถึงขั้นหลอกลวง
ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยมาพูดหลอกลวงโจทก์โดยเจตนาทุจริตขอเอาหนังสือสัญญาขายฝากไปโดยหลอกลวงว่าจะเอาไปรักษาไว้ให้เพื่อความปลอดภัยในการสูญหาย เมื่อถึงกำหนดไถ่ถอนจะคืนให้และจะมาบอกให้ไปไถ่นั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งตามความใน มาตรา341 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เพราะถ้อยคำของจำเลยดังที่โจทก์ระบุมาในฟ้องนั้นเป็นแต่เพียงมีความหมายว่าจะเอาไปเก็บไว้ให้เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นความจริงดังโจทก์กล่าวหา ก็เอาผิดแก่จำเลยตามโจทก์ฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341-1342/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องทุกข์ในคดีฉ้อโกง: การมอบทรัพย์ตามคำหลอกลวงไม่เป็นความผิด
การส่งมอบทรัพย์ให้ไปตามคำหลอกลวงของจำเลยที่ว่าจะช่วยให้เข้ารับราชการนั้น ไม่ใช่การกระทำอันมีความประสงค์ผิดกฎหมาย ผู้ส่งทรัพย์จึงเป็นผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์ เพื่อให้อัยการฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341-1342/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจร้องทุกข์ในคดีฉ้อโกง: การมอบทรัพย์ตามคำหลอกลวงไม่ใช่ความผิดทางอาญา
การส่งมอบทรัพย์ให้ไปตามคำหลอกลวงของจำเลยที่ว่าจะช่วยให้เข้ารับราชการนั้น ไม่ใช่การกระทำอันมีความประสงค์ผิดกฎหมาย ผู้ส่งทรัพย์จึงเป็นผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์ เพื่อให้อัยการฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานหลอกลวงประชาชนด้วยการอ้างวิทยาคมและขายน้ำมนต์ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวง โดยเอาความเท็จมากล่าวว่าจำเลยสามารถใช้วิทยาอาคมทำน้ำธรรมดาให้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงให้พวกเจ้าทุกข์ส่งเงินให้แก่จำเลย"
และว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวงโดยเอาความเท็จมากล่าวว่า จำเลยมีความสามารถใช้วิทยาคมได้"
และว่า "จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าน้ำมนต์ที่จำเลยทำสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้" เหล่านี้ย่อมชัดแจ้งตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานหลอกลวงขายน้ำมนต์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า 'จำเลยใช้อุบายหลอกลวง โดยเอาความเท็จมากล่าวว่าจำเลยสามารถใช้วิทยาอาคมทำน้ำธรรมดาให้เป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงให้พวกเจ้าทุกข์ส่งเงินให้แก่จำเลย'และว่า'จำเลยใช้อุบายหลอกลวงโดยเอาความเท็จมากล่าวว่าจำเลยมีความสามารถใช้วิทยาคมได้'
และว่า' จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าน้ำมนต์ที่จำเลยทำสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หายได้' เหล่านี้ย่อมชัดแจ้งตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารสัญญากู้ยืมเงินที่ปรากฏการรับเงิน ย่อมแสดงว่าลูกหนี้ได้รับเงินแล้ว แม้ลูกหนี้จะอ้างถูกหลอกลวง
เอกสารความว่า จำเลยได้ยืมเงินโจทก์ไป ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยได้รับเงินที่ยืมแล้ว
จำเลยรับว่า ทำเอกสารยืมเงินให้โจทก์ แต่ต่อสู้ว่าไม่ได้รับเงินโดยโจทก์หลอกลวงให้ทำ เนื่องจากโจทก์ฝากเครื่องอะไหล่รถยนต์ให้จำเลยขาย ไม่เรียกว่าจำเลยอ้างเหตุที่ทำให้หนี้ไม่สมบูรณ์ จำเลยนำสืบพยานไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบเมื่อต่อสู้ว่าถูกหลอกลวงให้ลงลายมือชื่อในสัญญา
ตามฟ้องและคำให้การฟังได้ว่าจำเลยได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินให้แก่โจทก์ไว้จริง เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์เจตนาลวง จำเลยให้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินซึ่งจำเลยไม่ได้กู้เช่นนี้ จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนตามคำกล่าวแก้ .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่เข้าข่ายฉ้อโกงต้องมีการหลอกลวงเป็นสาระสำคัญ การรับว่าจะทำสิ่งใดแล้วไม่ทำไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกง
โจทก์กล่าวฟ้องว่า จำเลยใช้อุบายหลอกลวงเอาความเท็จมากล่าวแก่ผู้เสียหายว่าจำเลยร้อนเงิน ขอยืมเข็มขัดนาคไปจำนำก่อนเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ วันรุ่งขึ้นจะจัดการไถ่คืนให้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้มีเจตนาจะนำเข็มขัดนาคไปจำนำและจัดการไถ่คืนให้ผู้เสียหายดังกล่าว แต่จำเลยมีเจตนาจะเอาเข็มขัดนาคนั้นเสียเลย ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงมอบเข็มขัดนาคของผู้เสียหายให้จำเลยไป แล้วจำเลยเอาเข็มขัดนาคสายนี้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การบรรยายฟ้องเช่นนี้ ไม่เป็นฟ้องฐานฉ้อโกง ในฟ้องแสดงเพียงว่าจำเลยรับจะทำอะไรแล้วไม่ทำตามรับเท่านั้น การไม่ทำตามรับเช่นนี้ไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกง แม้ในฟ้องมีคำว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวง แต่เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดจะพบว่า ไม่มีการหลอกลวงอันเป็นความผิดอาญา.
(ประชุมครั้งใหญ่ 11/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 693/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้อุบายหลอกลวงเพื่ออนาจารเข้าข่ายความผิดตาม ม.276 อาญา
การที่จำเลยเอาความเท็จมากล่าวอ้างกับหญิงมีชื่อว่าตนเป็นตำรวจจะพาญิงมีชื่อไปส่งบ้านเพราะเป็นผู้หญิงจะไปคนเดียวในเวลาดึกเช่นนั้นไม่ได้ แล้วจำเลยพาหญิงมีชื่อเดินไปถึงสวนลุมพีนีและพาเข้าไปในส่วนลุมพีนีและให้นั่งลงบนสนามหญ้าและพูดจาชักชวนให้หญิงมีชื่อไปบ้านจำเลยแต่หญิงมีชื่อไม่ยอมไปแล้วจำเลยก็รั้งตัวหญิงมีชื่อมากอดจูบ หญิงมีชื่อดิ้นเช่นนี้วินิจฉัยว่าเป็นการใช้อุบายทุจริตล่อลวงพาหญิงมีชื่อไปเพื่อการอนาจาร การกระทำเป็นความผิดต้องด้วยบท ก.ม.อาญา ม.276 แล้ว.
of 50