คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หลักฐาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,327 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3596/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาศุลกากรต้องมีหลักฐานเปรียบเทียบราคาที่น่าเชื่อถือและเป็นปัจจุบัน หากไม่มีหลักฐานเพียงพอ การประเมินราคาสินค้าเพิ่มเติมจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
บัตรราคาสินค้าและบันทึกการวิเคราะห์ราคาของกรมศุลกากรเป็นเอกสารภายในของโจทก์ที่ทำขึ้น บุคคลภายนอกไม่อาจจะทราบได้ทั้งการประเมินราคาสินค้าของโจทก์ก็ปรากฏว่ามีการประเมินภายหลังจากจำเลยที่ 1 นำสินค้าเข้ามาแล้วเป็นเวลากว่า 4-5 ปี กรณีเช่นนี้จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่า ราคาสินค้าที่ปรากฏในบัตรราคาสินค้าและบันทึกการวิเคราะห์ราคาที่เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์นำมาเทียบเคียง กับราคาสินค้าตามใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าของจำเลยที่ 1 เป็นราคาของสินค้าประเภทเดียวกันชนิดเดียวกันกับสินค้าของผู้อื่นซึ่งนำเข้าในราชอาณาจักรมาแล้วในเวลาเดียวกันและใกล้เคียงกันกับเวลาที่จำเลยที่ 1 นำเข้า เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้ได้ความดังกล่าวจึงไม่อาจจะถือเอาราคาตามที่เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์ทำการประเมินสินค้าของจำเลยที่ 1 เพิ่มเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดได้ การประเมินภาษีอากรขาเข้าเพิ่มเติมสำหรับใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3418/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาสำเนาใช้ฟ้องร้องได้ หากต้นฉบับไม่อยู่ในความครอบครองของศาล หรือคู่ความ
โจทก์จำเลยทำสัญญากู้ 2 ฉบับ โดยใช้กระดาษก๊อปปี้คั่นกลางต้นฉบับอยู่ที่จำเลย ฉบับสำเนาอยู่ที่โจทก์ เมื่อโจทก์นำสืบว่าต้นฉบับสัญญากู้นำมาไม่ได้ จึงรับฟังสัญญาฉบับสำเนาซึ่งอยู่ที่โจทก์ได้ เท่ากับโจทก์มีหลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือฟ้องร้องบังคับคดีจำเลยได้ตามกฎหมายแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืม - เอกสารหลายฉบับประกอบกันได้ - ไม่ต้องมีคำว่า 'กู้ยืม' ระบุชัดเจน
ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคหนึ่ง มิได้บังคับว่า หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือต้องมีข้อความว่า ใครเป็นผู้ให้กู้ ใครเป็นผู้กู้กู้ยืมกันเมื่อไร กำหนดชำระเงินกันอย่างไร อีกทั้งตามมาตราดังกล่าวที่ว่าถ้า มิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ นั้น หาได้มีความหมายเคร่งครัดว่าจะต้องมีถ้อยคำว่ากู้ยืมปรากฏอยู่ในเอกสารนั้นไม่ และข้อความที่จะรับฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้นั้นไม่จำต้องมีบรรจุอยู่ในเอกสารฉบับเดียวกัน อาจรวบรวมจากเอกสารหลายฉบับที่เกี่ยวโยงเป็นเรื่องเดียวกัน และรับฟังประกอบกันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมไม่จำเป็นต้องระบุคำว่า 'กู้ยืม' หรือรายละเอียดครบถ้วน สามารถรวบรวมจากเอกสารหลายฉบับได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง มิได้บังคับว่าหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือต้องมีข้อความว่า ใครเป็นผู้ให้กู้ ใครเป็นผู้กู้ กู้ยืมกันเมื่อไรกำหนดชำระเงินกันอย่างไร อีกทั้งหาได้มีความหมายเคร่งครัดว่าต้องมีถ้อยคำว่า กู้ยืม เป็นหลักฐานในเอกสารนั้นไม่ และข้อความที่จะรับฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้นั้นไม่จำต้องมีบรรจุอยู่ในเอกสารฉบับเดียวกัน อาจรวบรวมจากเอกสารหลายฉบับที่เกี่ยวโยงเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์บ้านพิพาท: การสร้างบนที่ดินผู้อื่นและหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของ
ปัญหาที่ว่า บ้านพิพาทปลูกสร้างบนที่ดินของผู้ร้องที่ 2 ในลักษณะถาวรเป็นส่วนควบของที่ดินจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นสามีภรรยากันนั้น ผู้ร้องทั้งสองมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้คงวินิจฉัยให้เฉพาะพยานหลักฐานอื่นที่แสดงว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องทั้งสองหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีต้องทำตามขั้นตอน ม.19 ก่อนแจ้งประเมิน ม.20 มิได้ตรวจสอบหลักฐานเป็นส่วนๆ
การประเมินตาม ป.รัษฎากร มาตรา 20 จะต้องมีการออกหมายเรียกตัวผู้ยื่นรายการมาไต่สวนตามมาตรา 19 ก่อน และเจ้าพนักงานประเมินจะต้องอาศัยพยานหลักฐานที่ปรากฏจากการไต่สวนตามอำนาจในมาตรา 19ว่ามีอยู่เท่าใด เจ้าพนักงานประเมินจะต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนในคราวเดียวกัน แล้วจึงจะแจ้งการประเมิน มิใช่ว่าจะให้อำนาจเจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบหลักฐานเป็นส่วน ๆ แล้วทยอยแจ้งการประเมินแต่ละคราวเท่าที่เห็นสมควร เมื่อปรากฏว่าการประเมินครั้งแรกและครั้งหลังเป็นการประเมินภาษีที่ต้องชำระตามมาตรา 66และ 70 ทวิ แห่ง ป. รัษฏากร จึงเป็นการทยอยการประเมินตามหลักฐานที่ได้มาจากการไต่สวนเป็นส่วน ๆ ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นทั้งการแจ้งการประเมินครั้งแรกแสดงว่าพยานหลักฐานที่ปรากฏจากการไต่สวนตามมาตรา 19 ได้มีการพิจารณาเสร็จสิ้นไปแล้วถ้า จะมีการประเมินอีกครั้งก็ต้องมีการออกหมายเรียกตัวผู้ยื่นรายการมาไต่สวนภายในกำหนดเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ได้ยื่นรายการแล้วตามที่กำหนดไว้ใน ป. รัษฎากร มาตรา 19 ก่อน ไม่อาจที่จะอาศัยหมายเรียกมาไต่สวนครั้งเดียวนั้นเพื่อทำการแจ้งการประเมินอีกดังนั้นการที่จำเลยประเมินครั้งหลังโดยไม่มีการออกหมายเรียกมาไต่สวนตามกำหนดเวลาที่มาตรา 19 กำหนดไว้ จึงเป็นการประเมินที่ไม่ชอบด้วยมาตรา 20.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2565/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาซื้อขาย, การนำสืบหลักฐาน, สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายและการหักกลบลบหนี้
เมื่อจำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดีว่า จ.หาใช่หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ไม่ การที่ จ.ลงลายมือชื่อในสัญญาซื้อขายเป็นการทำในฐานะส่วนตัว โจทก์ย่อมมีสิทธินำสืบได้ว่าผู้ขายคือโจทก์เพราะในสัญญาซื้อขายดังกล่าวได้ระบุด้วยว่าผู้ขายคือโจทก์และมีตราประทับของโจทก์ด้วย สัญญาซื้อขายข้อ 10 กำหนดว่า ถ้าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อหนึ่งข้อใดก็ตาม จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยที่ 2 แล้วโจทก์ยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาแก่จำเลยที่ 2 โดยสิ้นเชิงภายใน 30 วันนับแต่เมื่อได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นข้อกำหนดเพียงให้สิทธิจำเลยที่ 2 เรียกค่าเสียหายจากโจทก์เท่านั้น มิได้ให้สิทธิจำเลยที่ 2 ไม่ต้องชำระราคาที่ค้างหรือหักกลบลบหนี้กันได้เอง หากจำเลยที่ 2 มีความเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะฟ้องแย้งหรือหักกลบลบหนี้เข้ามาในคำให้การทั้งตามคำให้การของจำเลยก็ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนค่าเสียหายที่แน่นอนอันพอจะถือได้ว่าจำเลยประสงค์จะให้เกิดประเด็นในเรื่องหักกลบลบหนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสัญญาซื้อขายอ้อย: การชำระเงินขัดแย้ง การสืบพยาน และหลักฐานสัญญา
เมื่อข้อความในสัญญาซื้อขายระบุเรื่องการชำระราคาสินค้าไว้ขัดแย้งกันไม่อาจรับฟังเป็นยุติไปในทางใดได้ จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีต้องนำสืบให้เห็นว่าแท้จริงเรื่องนี้ได้ตกลงกันไว้อย่างไรไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารอันจะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 จำเลยให้การรับว่าทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ตามฟ้อง จึงไม่ใช่กรณีที่จะต้องใช้สัญญาซื้อขายเป็นพยานหลักฐาน แม้สัญญาซื้อขายดังกล่าวไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ก็ถือว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือใช้ฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขัดแย้งกัน ไม่อาจฟังยุติ ต้องสืบข้อเท็จจริงตามที่ตกลงกันจริง สัญญาไม่ติดอากรแสตมป์ใช้ฟ้องได้
เมื่อข้อความในสัญญาฉบับเดียวกันขัดแย้งกันเอง ไม่อาจฟังเป็นยุติไปในทางใดได้กรณีจึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีต้องนำสืบให้เห็นว่าแท้จริงแล้วได้ตกลงกันไว้อย่างไร ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 ตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การจำเลยรับว่า ได้ทำสัญญาซื้อขายกันจึงไม่ใช่กรณีที่จะต้องใช้สัญญาซื้อขายดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานแม้สัญญาซื้อขายดังกล่าวจะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ก็ถือว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือใช้ฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษี: เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจตรวจสอบรายได้จากหลักฐานอื่นได้หากผู้เสียภาษีไม่สามารถแสดงหลักฐานได้
ประมวลรัษฎากรที่บัญญัติให้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เสียก่อน แล้วจึงจะอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลได้นั้นเป็นบทบัญญัติที่จำกัดสิทธิในการฟ้องคดีต่อศาล และประมวลรัษฎากร มาตรา 30(2)ก็มิได้บัญญัติว่าการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาลจะต้องอ้างเหตุผลเช่นเดียวกับที่อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ฉะนั้นโจทก์จึงอ้างเหตุอื่นเพิ่มเติมจากที่เคยอุทธรณ์ไว้ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง การที่โจทก์ขอคืนเงินภาษีอากรที่หัก ณ ที่จ่ายเป็นจำนวนสูงถึง 2,700,000 บาทเศษ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าโจทก์แสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงหรือไม่บริบูรณ์ จำเลยที่ 2 จึงมีอำนาจออกหมายเรียกโจทก์ไปตรวจสอบไต่สวนโดยอ้างอำนาจตามประมวลรัษฎากรมาตรา 19 ได้ และเมื่อจำเลยที่ 2 ได้ทราบข้อความจากการตรวจสอบไต่สวนดังกล่าวแล้ว ก็ย่อมมีอำนาจที่จะแก้ จำนวนเงินที่ยื่นรายการไว้เดิม โดยอาศัยพยานหลักฐานที่ปรากฏได้ตามมาตรา 20.
of 133