คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โอนกรรมสิทธิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 556 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินจากการซื้อขาย ส.ค.1 แม้ยังไม่โอนกรรมสิทธิ์
ซื้อที่ดิน ส.ค.1 ชำระราคาครบและเข้าครอบครองให้คนเช่าตลอดมา แม้สัญญาจะมีความว่าผู้ขายจะโอนกรรมสิทธิ์ให้เสร็จใน 20 วัน ก็ถือว่าผู้ซื้อได้สิทธิครอบครองที่ดินแล้วตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605-1606/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต่อโดยปริยาย – สิทธิเรียกร้องค่าเช่า แม้โอนกรรมสิทธิ์
สัญญาเช่าหมดอายุ ผู้เช่าครองทรัพย์ต่อไปโดยผู้ให้เช่าไม่ทักท้วง ถือว่ามีสัญญาเช่าต่อไป ผู้ให้เช่าฟ้องเรียกค่าเช่าค้างโดยอาศัยสัญญาเช่าได้ แม้ในขณะฟ้องผู้ให้เช่าโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ให้เช่าไปแล้วก็ยังฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1518/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่, การครอบครองก่อนโอนกรรมสิทธิ์, และการฟ้องละเมิด
ผู้ให้เช่าอนุญาตให้ผู้เช่าที่ดินฟ้องขับไล่ผู้ที่อยู่ในที่ดินมาก่อนการเช่าแทนผู้ให้เช่าได้ และมอบอำนาจให้ผู้อื่นเป็นโจทก์ต่อไปก็ได้ ผู้เช่าต้องรับผิดตามสัญญาต่อผู้ให้เช่า ถ้าผู้เช่าไม่สามารถก่อสร้างตามสัญญาเช่าได้ผู้ให้เช่าจึงถูกเรียกเข้ามาในคดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) ได้
ผู้ครอบครองที่ดินอ้างการครอบครองยันผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ตั้งแต่วันที่โอนกรรมสิทธิ์ การครอบครองมาก่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ จะนับเวลายันผู้รับโอนไม่ได้
ฟ้องขับไล่ผู้อยู่ในที่ดินโดยไม่มีสิทธิอันเป็นละเมิด ไม่จำต้องบอกกล่าวก่อนก็ฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์ไม่สมบูรณ์แต่แสดงเจตนาโอนการครอบครอง ทำให้ผู้รับโอนมีสิทธิขับไล่
จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ตึกพิพาทรวมทั้งสิทธิการเช่าที่ดินที่ตึกพิพาทตั้งอยู่ตีใช้หนี้โจทก์ โดยยอมให้โจทก์เข้าทำสัญญาเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน และจำเลยขออยู่ในตึกพิพาทต่อไปอีกสองเดือน แม้การโอนกรรมสิทธิ์ตึกพิพาทจะไม่บริบูรณ์เพราะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ก็มิได้เป็นโมฆะ การที่จำเลยโอนสิทธิการเช่าที่ดินให้โจทก์เป็นการแสดงเจตนาโอนการครอบครองตึกพิพาทให้โจทก์แล้ว ที่จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของโจทก์ โจทก์มีบุคคลสิทธิที่จะบังคับจำเลยให้ออกไปจากตึกพิพาทซึ่งโจทก์มีสิทธิครอบครองได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2519)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์ตึกเพื่อใช้หนี้ที่ไม่สมบูรณ์ แต่มีผลให้โจทก์มีสิทธิครอบครองและฟ้องขับไล่จำเลยได้
การโอนกรรมสิทธิ์ตึกพิพาทตีใช้หนี้ไม่สมบูรณ์ เพราะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่เป็นโมฆะ จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ตึกพิพาทรวมทั้งสิทธิการเช่าที่ดินให้โจทก์ เป็นการแสดงเจตนาโอนการครอบครองให้โจทก์แล้ว จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของโจทก์ โจทก์มีบุคคลสิทธิที่จะบังคับให้จำเลยออกไปจากตึกพิพาทที่โจทก์มีสิทธิครอบครองได้ โจทก์มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิสัญญาเช่าก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยเข้าไปปลูกสร้างอาคารในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าจากเจ้าของเดิมก่อนโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทและเมื่อโจทก์รับโอนที่พิพาทมาแล้ว ก็ยังให้จำเลยเช่าต่อมา แล้วโจทก์บอกเลิกการเช่า จำเลยไม่ยอมออกไปการที่จำเลยยังคงอยู่ในที่พิพาทไม่ยอมออกไป ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2098/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนการซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริต และการโอนกรรมสิทธิ์โดยคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามพินัยกรรมของเจ้ามรดก จำเลยที่ 1 ไปขอรับมรดกที่ดินดังกล่าวโดยไม่สุจริต แล้วจำเลยทั้งสองโดยเจตนาไม่สุจริตซื้อขายที่ดินดังกล่าวกันโดยจำเลยที่ 2 ทราบดีแล้วว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจขาย ขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยทั้งสอง และให้จำเลยที่ 2 โอนโฉนดที่ดินดังกล่าวคืนให้โจทก์ เป็นคำฟ้องที่โจทก์เรียกที่พิพาทซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามพินัยกรรมของเจ้ามรดกคืนจากจำเลยที่ 2 ซึ่งรับโอนจากจำเลยที่ 1 โดยไม่สุจริต ส่วนที่โจทก์ขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยทั้งสอง และให้จำเลยที่ 2 โอนโฉนดที่พิพาทคืนให้โจทก์หากจำเลยที่ 2 ไม่โอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยนั้น เป็นการกระทำเพื่อให้ที่ดินดังกล่าวหลุดพ้นจากการเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 มาเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และเมื่อที่พิพาทตั้งอยู่ในเขตศาลชั้นต้น ที่โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้นจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์เพื่อชำระหนี้ต้องจดทะเบียน มิฉะนั้นไม่สมบูรณ์
เมื่อศาลพิพากษาตามยอมให้โจทก์และจำเลยต่างปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษา ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จำเลยต่างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จำเลยย่อมชอบที่จะร้องขอให้ดำเนินการบังคับไปตามคำพิพากษาในส่วนที่บังคับอีกฝ่ายให้ปฏิบัติ ในเมื่อคดีนี้ยังไม่มีการบังคับคดี จำเลยจึงจะขอให้งดการบังคับคดีเพื่อที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่ และคดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์เพื่อชำระหนี้ ต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย จึงจะสมบูรณ์
บันทึกการหักหนี้และโอนกรรมสิทธิ์ห้องแถวพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้เป็นสัญญาชำระหนี้ โดยการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ เข้าลักษณะนิติกรรมที่จะต้องอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299เมื่อมิได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ การโอนจึงถือว่าไม่บริบูรณ์ กรรมสิทธิ์ในห้องแถวพิพาทยังเป็นของจำเลย โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงนำยึดห้องแถวพิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อผิดพลาดในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วม ศาลแก้ไขให้ถูกต้องตามสัญญา
อ. ทำสัญญาจะขายที่ดินแก่โจทก์บางส่วน แล้วโอนโฉนดทั้งหมดขายแก่จำเลย จำเลยให้โจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รวมในโฉนดด้วยโดยระบุว่า 140 ส่วนใน 762 ส่วน โจทก์นำสืบได้ว่าโจทก์สำคัญผิดที่ถูกเป็น 306 ส่วน ศาลบังคับจำเลยให้แบ่งตามส่วนที่ถูกต้องตามที่โจทก์สัญญากับจำเลยได้
of 56