พบผลลัพธ์ทั้งหมด 632 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5606/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับหนังสือแจ้งหนี้โดยผู้เยาว์ทำให้การส่งเอกสารไม่ชอบตามกฎหมาย
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือแจ้งความและเตือนให้ผู้ร้องชำระหนี้โดยส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ ปรากฏว่าหุ้นส่วนผู้จัดการของผู้ร้องมิได้รับหนังสือดังกล่าวด้วยตนเอง แต่มีบุตรของหุ้นส่วนผู้จัดการผู้ร้องซึ่งมีอายุไม่เกินยี่สิบปีเป็นผู้รับแทนทั้งสองครั้ง การส่งเอกสารดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 73 ทวิ, 76 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 119.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5606/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งเอกสารทางไปรษณีย์ตอบรับต้องส่งให้ผู้มีอำนาจรับเอกสาร การรับเอกสารโดยบุคคลที่ไม่มีอำนาจทำให้การส่งไม่ชอบ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือแจ้งความและเตือนให้ผู้ร้องชำระหนี้โดยส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ ปรากฏว่าหุ้นส่วนผู้จัดการของผู้ร้องมิได้รับหนังสือดังกล่าวด้วยตนเอง แต่มีบุตรของหุ้นส่วนผู้จัดการผู้ร้องซึ่งมีอายุไม่เกินยี่สิบปีเป็นผู้รับแทนทั้งสองครั้ง การส่งเอกสารดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา73 ทวิ,76 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช2483มาตรา 119.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5256/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.แรงงาน
จำเลยให้การว่าโจทก์รับเงินค่าระวางของจำนวน 600 บาท จากพนักงานของจำเลยแล้วทดเงินไว้เป็นเวลา 7 วัน เป็นการทุจริตต่อหน้าที่และฝ่าฝืนระเบียบของบริษัทจำเลยอย่างร้ายแรงศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ทุจริตเงินค่าระวางของจำนวน 600 บาท หรือไม่ และโจทก์มีสิทธิได้รับเงินตามฟ้องหรือไม่ ดังนี้ ปัญหาว่าการกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรงหรือไม่ จึงมิได้เป็นข้อพิพาทในคดี เมื่อศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทุจริตเงินค่าระวางดังกล่าว อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าการกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีร้ายแรงจึงมิใช่เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้ว ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225ประกอบด้วย มาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 นั้น ศาลแรงงานต้องพิจารณาว่าลูกจ้างกับนายจ้างอาจทำงานร่วมกันต่อไปได้หรือไม่เป็นประการแรกหากไม่อาจทำงานร่วมกันต่อไปจึงจะพิจารณากำหนดค่าเสียหายให้นายจ้างชดใช้ให้ลูกจ้างเป็นประการที่สองศาลแรงงานพึงพิพากษาเพียงประการเดียว การที่ศาลแรงงานพิพากษาให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน หากไม่สามารถรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานได้ก็ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ลูกจ้าง อันเป็นการพิพากษาสองประการโดยมีเงื่อนไขนั้นย่อมเป็นการไม่ชอบ และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ แต่การพิจารณาถึงเหตุสองประการดังกล่าวเป็นดุลพินิจของศาลแรงงาน จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานวินิจฉัย
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 นั้น ศาลแรงงานต้องพิจารณาว่าลูกจ้างกับนายจ้างอาจทำงานร่วมกันต่อไปได้หรือไม่เป็นประการแรกหากไม่อาจทำงานร่วมกันต่อไปจึงจะพิจารณากำหนดค่าเสียหายให้นายจ้างชดใช้ให้ลูกจ้างเป็นประการที่สองศาลแรงงานพึงพิพากษาเพียงประการเดียว การที่ศาลแรงงานพิพากษาให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน หากไม่สามารถรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานได้ก็ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ลูกจ้าง อันเป็นการพิพากษาสองประการโดยมีเงื่อนไขนั้นย่อมเป็นการไม่ชอบ และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ แต่การพิจารณาถึงเหตุสองประการดังกล่าวเป็นดุลพินิจของศาลแรงงาน จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4623/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชี้ตัวผู้ต้องหาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และพยานที่รับสินบน ทำให้พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการลงโทษ
หลังเกิดเหตุนานประมาณ 2 เดือน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามผู้เสียหายถึงเรื่องถูกคนร้ายชิงทรัพย์แล้วให้ไปดู ตัวและชี้ คนร้ายผู้เสียหายชี้ ว่าจำเลยเป็นคนร้าย แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ผู้เสียหายแอบดู จำเลยที่ม่านในห้องพนักงานสอบสวนก่อนชี้ ตัวเช่นนี้ จะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวมาลงโทษจำเลยไม่ได้ พ. พยานโจทก์สามารถชี้ ตัวจำเลยว่าเป็นคนร้ายได้ถูกต้องเพราะได้รับเงินจากเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 400 บาท พยานปากนี้ได้กระทำไปโดยมีอามิสสินจ้าง จึงเป็นพยานที่ขาดน้ำหนัก ฟังลงโทษจำเลยไม่ได้เช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อยังไม่ส่งมอบรถยนต์คืน
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลย หากโจทก์จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก็อาจทำได้ด้วยการส่งมอบรถยนต์คืนแก่จำเลย ดังนั้น เมื่อโจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาโดยยังครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้ออยู่ การบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากผู้เช่าซื้อยังครอบครองทรัพย์สิน
โจทก์ผู้เช่าซื้อจะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก็อาจทำได้ด้วยการส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อกลับคืนให้แก่จำเลย การที่โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยโจทก์ยังครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้ออยู่ การบอกเลิกสัญญาจึงไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 573.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อยังไม่คืนรถ
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลย หากโจทก์จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก็อาจทำได้ด้วยการส่งมอบรถยนต์คืนแก่จำเลย ดังนั้นเมื่อโจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาโดยยังครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้ออยู่ การบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นโมฆะ ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลล่างเพื่อดำเนินกระบวนการใหม่
ศาลชั้นต้นมิได้สั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยโดยวิธีปิดหมาย แต่เจ้าพนักงานศาลกลับส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีปิดหมาย จึงเป็นการไม่ชอบ รายงานการส่งหมายของเจ้าพนักงานศาลก็ขัดแย้งกัน กล่าวคือ ในครั้งแรกรายงานว่าได้ปิดหมายไว้ที่บ้านของจำเลย แต่ในครั้งหลังซึ่งห่างกันเพียงเดือนเศษ รายงานว่าจำเลยรื้อเรือนและไปอยู่ที่อื่นหลายเดือนแล้ว ต้องถือว่าศาลยังมิได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยและภายหลังแต่นั้นมาเป็นการไม่ชอบ และไม่มีผลตามกฎหมาย
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ แต่เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ แต่เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้กระบวนการพิจารณาเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องของโจทก์ว่า ถ้า ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิได้สั่งให้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง แต่เจ้าพนักงานศาลกลับส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยด้วยวิธีปิดหมายซึ่งไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 76จึงต้องถือว่าศาลยังไม่ได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยและภายหลังแต่นั้นมาเป็นการไม่ชอบและไม่มีผลตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่แม้จำเลยยื่นคำขอเมื่อพ้นกำหนด 6 เดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายส่งผลให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นโมฆะ ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาใหม่ได้
ศาลชั้นต้นมิได้สั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยโดยวิธีปิดหมาย แต่เจ้าพนักงานศาลกลับส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีปิดหมาย จึงเป็นการไม่ชอบ รายงานการส่งหมายของเจ้าพนักงานศาลก็ขัดแย้งกัน กล่าวคือ ในครั้งแรกรายงานว่าได้ปิดหมายไว้ที่บ้านของจำเลย แต่ในครั้งหลังซึ่งห่างกันเพียงเดือนเศษ รายงานว่าจำเลยรื้อเรือนและไปอยู่ที่อื่นหลายเดือนแล้ว ต้องถือว่าศาลยังมิได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยและภายหลังแต่นั้นมาเป็นการไม่ชอบ และไม่มีผลตามกฎหมาย
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ แต่เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ แต่เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้