พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,231 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์จากสัญญาสมยอม: ศาลพิจารณาความประสงค์ของผู้ฟ้องที่จะตัดสิทธิจำเลยจากการได้รับส่วนเฉลี่ย
จำเลยสมยอมกันทำสัญญากู้แล้วนำมาฟ้องศาล ทำสัญญายอมความกันแล้วจำเลยผู้ชนะคดี มายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้ยึดทรัพย์มา โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้เพิกถอนสัญญากู้ สัญญายอมความ อีกทั้งคำพิพากษาตามยอม และขอให้จำเลยถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เสียนั้นความประสงค์อันแท้จริงของโจทก์ ก็คือจะไม่ให้จำเลยมีสิทธิได้รับส่วนเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ได้ยึดไว้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาแต่เพียงว่า จำเลยจะอ้างสิทธิตามสัญญากู้และสัญญายอมความอีก ทั้งคำพิพากษาตามยอมในคดีที่สมยอมกันนั้นมาขอเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ยึดในอีกคดีหนึ่งไม่ได้ไม่จำเป็นต้องเพิกถอนสัญญาตามคำขอของโจทก์ เพราะผลคำพิพากษาในคดีของจำเลยนั้นเป็นเรื่องระหว่างจำเลยด้วยกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์ที่ดินทำประโยชน์ แม้ไม่มีหนังสือสำคัญสิทธิ
ที่ดินที่มีเจ้าของยึดถือปกครองมาไม่น้อยกว่า 20 ปี เป็นที่สวนยางทำประโยชน์แล้ว แม้จะไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน อายุความที่จะขาดสิทธิเรียกร้องเอาคืน ต้องถือ 9-10 ปี ถ้าผู้อื่นครองครองยังไม่ถึง 10 ปี เจ้าของยังมีสิทธิเรียกร้องเอากลับคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินแล้วทิ้งร้าง ผู้ครอบครองมีสิทธิเหนือกว่า
ซื้อที่ดินจากผู้อื่นโดยทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ แต่ก็ได้ทิ้งให้รกร้างว่างเปล่าหลายปีจนมีผู้มาขอจับจองเจ้าพนักงานผู้ไปทำการรังวัดก็เห็นเป็นที่ว่างเปล่า จึงได้ออกใบเหยียบย่ำให้ แล้วผู้นั้นได้เข้าครอบครอง ดังนี้ผู้ขอจับจองและเข้าครอบครองจึงมีสิทธิดีกว่าผู้ซื้อ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินทิ้งร้างและสิทธิของผู้ครอบครอง: ผู้ซื้อทิ้งที่ดินไว้นานจนถูกผู้อื่นครอบครอง ย่อมเสียสิทธิ
ซื้อที่ดินจากผู้อื่นโดยทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ แต่ก็ได้ทิ้งให้รกร้างว่างเปล่าหลายปี จนมีผู้มาขอจับจอง เจ้าพนักงานผู้ไปทำการรังวัดก็เห็นเป็นที่ว่างเปล่า จึงได้ออกใบเหยียบย่ำให้ แล้วผู้นั้นได้เข้าครอบครองดังนี้ ผู้ขอจับจองและเข้าครอบครองจึงมีสิทธิดีกว่าผู้ซื้อ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 87/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้เข้าอยู่ทำให้หลุดพ้นจาก พรบ.ควบคุมค่าเช่า สิทธิผู้ให้เช่ากลับสู่ประมวลกฎหมายแพ่งฯ
ผู้ให้เช่า ซึ่งได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าให้เข้าอยู่ในสถานที่เช่าและได้ฟ้องคดีขับไล่ผู้เช่าไว้ก่อนตาย ถือว่าโจทก์ใหม่ผู้รับมรดกความของผู้ให้เช่ามีความจำเป็นเข้าอยู่ในสถานที่เช่ารายนี้ด้วย
เมื่อคณะกรรมการฯ ยินยอมให้ผู้ให้เช่าเข้าอยู่ในสถานที่เช่าแล้วทำให้การเช่านั้นหลุดพ้นจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯฐานะของผู้เช่าและผู้ให้เช่ากลับคืนสู่สภาพเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือผู้ให้เช่าขับไล่ผู้เช่าได้หากมีสิทธิที่จะขับไล่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ผู้เช่าทำสัญญาให้ขึ้นค่าเช่า ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา 10
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2493
เมื่อคณะกรรมการฯ ยินยอมให้ผู้ให้เช่าเข้าอยู่ในสถานที่เช่าแล้วทำให้การเช่านั้นหลุดพ้นจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯฐานะของผู้เช่าและผู้ให้เช่ากลับคืนสู่สภาพเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือผู้ให้เช่าขับไล่ผู้เช่าได้หากมีสิทธิที่จะขับไล่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ผู้เช่าทำสัญญาให้ขึ้นค่าเช่า ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา 10
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2493
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทรัพย์สิน: โจทก์มีสิทธิรับคืนทรัพย์สินเมื่อยังอยู่ครบถ้วน แม้มีการฟ้องร้องทำลายทรัพย์สิน
ฟ้องหาว่าจำเลยลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ กับให้ใช้ทรัพย์เมื่อปรากฏว่าทรัพย์ที่พิพาทยังอยู่หาได้ถูกทำลายสูญไป เมื่อศาลตัดสินว่า โจทก์เป็นเจ้าของก็ชอบที่ดจทก์จะได้รับคืนไป ศาลจะพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องนอกความประสงค์ของโจทก์ ไม่มีประเด็นที่จะพิจารณาข้อค่าเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์สินส่วนควบ สัญญาเช่าที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วม และสิทธิในการเรียกค่าปลูกสร้าง
เจ้าของที่ดินทำสัญญากับผู้เช่าให้ผู้เช่าปลูกตึกคอนกรีตลงในที่ดินของตน โดยให้ผู้เช่าเป็นผู้ออกเงินค่าปลูกสร้างเป็นเงินจำนวนหนึ่งแล้วเจ้าของที่ดินยอมให้ผู้เช่าเช่าตึกนั้นมีกำหนด 3 ปี ดังนี้ เป็นเพียงผู้เช่าออกเงินค่าก่อสร้างไปแทนเจ้าของที่ดินเท่านั้น ตามลักษณะของทรัพย์ที่เป็นตึก จะแยกจากที่ดินไม่ได้ ย่อมเป็นส่วนควบของที่ดิน จึงตกเป็นของเจ้าของที่ดินด้วย
การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการทรัพย์มาแต่แรกแต่คนเดียวเอาทรัพย์ให้ผู้อื่นเช่า แล้วเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาเช่าโดยอ้างว่าไม่ได้รับความยินยอมจากตนและเจ้าของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งนั้นเป็นหน้าที่เจ้าของร่วมคนที่ฟ้องจะต้องนำสืบว่าตนและเจ้าของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งไม่ได้ยินยอมและผู้เช่าผู้เป็นคู่สัญญาก็รู้ถึงความเห็นส่วนมากของเจ้าของร่วมนี้ด้วยจึงจะปลีกพ้นจากความรับผิดได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับเงินค่าก่อสร้างตึกที่จำเลยออกแทนไปเพื่อขับไล่จำเลยออกจากตึกนี้ แต่เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิจะขับไล่ทั้งจำเลยก็มิได้ขอเรียกเงินจำนวนนี้จากโจทก์ จึงเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะใช้เขาหรือไม่ไม่ใช่คำบังคับ
การที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้จัดการทรัพย์มาแต่แรกแต่คนเดียวเอาทรัพย์ให้ผู้อื่นเช่า แล้วเจ้าของร่วมอีกคนหนึ่งมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาเช่าโดยอ้างว่าไม่ได้รับความยินยอมจากตนและเจ้าของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งนั้นเป็นหน้าที่เจ้าของร่วมคนที่ฟ้องจะต้องนำสืบว่าตนและเจ้าของร่วมคนอื่นอีกคนหนึ่งไม่ได้ยินยอมและผู้เช่าผู้เป็นคู่สัญญาก็รู้ถึงความเห็นส่วนมากของเจ้าของร่วมนี้ด้วยจึงจะปลีกพ้นจากความรับผิดได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับเงินค่าก่อสร้างตึกที่จำเลยออกแทนไปเพื่อขับไล่จำเลยออกจากตึกนี้ แต่เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิจะขับไล่ทั้งจำเลยก็มิได้ขอเรียกเงินจำนวนนี้จากโจทก์ จึงเป็นสิทธิของโจทก์ที่จะใช้เขาหรือไม่ไม่ใช่คำบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินและเรือนพิพาท: เจ้าของเดิม vs. บุตรภรรยา
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับที่ดินและเรือนโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์และภรรยาจำเลยต่อสู้ว่าที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของจำเลยทำมาหากินได้ด้วยตนเองตลอดจนเรือนก็ปลูกสร้างขึ้นด้วยทุนของจำเลยดังนี้ เมื่อได้ความตามทางพิจารณาว่าที่ดินและเรือนเป็นของโจทก์กับภรรยามิใช่ของจำเลยทำมาหาได้ด้วยตนเองตามที่ต่อสู้ไว้แล้ว แม้จะได้ความว่าจำเลยเป็นบุตรของภรรยาโจทก์ติดมารดามาอยู่กับโจทก์ขับไล่และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องในที่และเรือนพิพาทได้ และคดีไม่มีประเด็นเรื่องมรดกศาลไม่จำต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องคดีซ้ำ และอำนาจศาลในการแบ่งทรัพย์มรดกตามส่วน
ผู้ร้องสอดซึ่งมิได้เป็นโจทก์หรือผู้เแทนโจทก์ย่อมไม่ต้องถูกผูกมัดตามคำพิพากษาในคดีนั้นและมาฟ้องคดีอีกได้ ไม่ถือว่าฟ้องซ้ำ
ทรัพย์ที่โจทก์อ้างว่าเป็นของตนทั้งหมด ถ้าศาลเห็นว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ให้ศาลแบ่งให้ได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการนอกฟ้องคำขอ
ทรัพย์ที่โจทก์อ้างว่าเป็นของตนทั้งหมด ถ้าศาลเห็นว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ให้ศาลแบ่งให้ได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการนอกฟ้องคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขับไล่ผู้เช่าหลังสัญญาเช่าหมดอายุ: การระงับข้อพิพาทระหว่างสัญญาเช่าที่สิ้นสุดแล้วกับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ในกรณีที่สัญญาเช่าสิ้นอายุแล้วแต่ผู้เช่ายังอยู่ในความคุ้มครองของพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ หากผู้เช่าทำผิดหน้าที่ไม่สงวนทรัพย์สินที่เช่าเสมอวิญญูชน ผู้ให้เช่ามีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่าด้วยเหตุนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ มาตรา 16(4) โดยไม่จำต้องส่งคำเตือนตามมาตรา 554 ก่อน
แต่ถ้าผู้ให้เช่าจะฟ้องขับไล่โดยอ้างเหตุว่า จำเลยผิดสัญญาเช่าตามมาตรา 16(2) จะต้องส่งคำเตือนให้ผู้เช่าปฏิบัติก่อน
คำให้การจำเลยที่อ้างสิทธิตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ และว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะไม่มีข้อที่ว่าโจทก์ต้องบอกกล่าวก่อน ศาลก็ยกกฎหมายนั้นขึ้นวินิจฉัยได้
แต่ถ้าผู้ให้เช่าจะฟ้องขับไล่โดยอ้างเหตุว่า จำเลยผิดสัญญาเช่าตามมาตรา 16(2) จะต้องส่งคำเตือนให้ผู้เช่าปฏิบัติก่อน
คำให้การจำเลยที่อ้างสิทธิตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ และว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง แม้จะไม่มีข้อที่ว่าโจทก์ต้องบอกกล่าวก่อน ศาลก็ยกกฎหมายนั้นขึ้นวินิจฉัยได้