พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,231 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งงานไม่จดทะเบียนสมรส: สิทธิในการฟ้องหย่าและแบ่งสินสมรส
โจทก์ฟ้องขอหย่าจากการเป็นสามีภริยากับจำเลย และขอแบ่งสินสมรสทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์จำเลยไม่เป็นสามีภริยากัน ศาลก็ไม่จำต้องวินิจฉัยในเรื่องเหตุหย่าและในเรื่องแบ่งทรัพย์ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สิทธิในสิ่งปลูกสร้างเมื่อสัญญาหมดอายุ ผู้ให้เช่าต้องแจ้งล่วงหน้าและให้เวลาผู้เช่ารื้อถอน
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโรงเรือนและรั้วสังกะสีซึ่งผู้เช่าปลูกขึ้นเป็นของโจทก์ ซึ่งตามสัญญาเช่าที่ดิน มีความว่า "บรรดารั้ว และโรงเรือนต่าง ๆ ที่ผู้เช่าได้ปลูกสร้างลงในที่ดินของผู้ให้เช่า เมื่อจะครบกำหนดสัญญา 15 ปีแล้ว ผู้ให้เช่าไม่มีความประสงค์จะให้ผู้เช่ากระทำการต่อไปแล้ว ผู้ให้เช่าจะแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าก่อนกำหนด 15 ปี เป็นเวลา 6 เดือน เมื่อครบ 15 ปีแล้ว ผู้เช่าต้องรื้อถอนขนเอาไปให้หมดสิ้น ภายในเวลา 3 เดือน ถ้าพ้น 3 เดือนไปแล้ว จะต้องตกเป็นของผู้ให้เช่า ผู้เช่าจะรื้อถอนขนเอาไปไม่ได้เป็นอันขาด" สัญญาข้อนี้หมายความว่า ถ้าผู้ให้เช่าประสงค์จะไม่ให้อยู่ เมื่อครบ 15 ปี ผู้ให้เช่าต้องบอกล่วงหน้า 6 เดือน และผู้เช่าต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างไปภายใน 3 เดือน (แต่วันครบกำหนดตามสัญญาเช่า) มิฉะนั้นสิ่งปลูกสร้างตกเป็นของผู้ให้เช่า เมื่อผู้ให้เช่ามิได้ปฏิบัติตามข้อสัญญาดังกล่าวแล้ว และเมื่อก่อนถึงกำหนด 3 เดือน ยังซ้ำให้บุคคลภายนอกเช่าแต่ที่ดินในราคาค่าเช่าเท่ากับสัญญาฉะบับก่อนต่อมาอีก โดยไม่ได้ระบุถึงสิ่งปลูกสร้างเลย ดังนั้น โดยข้อความตามสัญญาก็ดี โดยพฤตติการณ์ที่ปฏิบัติก็ดี โจทก์จะถือว่าสิ่งปลูกสร้างรายนี้ตกเป็นของโจทก์ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการระบุสิทธิทายาทเพิ่มเติมหลังคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ที่ดินของนางชมตกทอดเป็นของนายกิม นายกิมตายตกทอดเป็นของผู้ร้อง คือภรรยาและบุตรอีก 3 คน ของนายกิม นายเพิ่มอ้างว่าเป็นทายาทของนางชม ยื่นคำคัดค้าน เมื่อศาลพิพากษายกคำร้องของผู้ร้อง ศาลย่อมมีอำนาจจะกล่าวไว้ในคำพิพากษาได้ว่า คำพิพากษาไม่ตัดสิทธิเด็กทั้งสามที่จะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าตนเป็นบุตรของนายกิม และขอรับมฤดกของนายกิมต่อไปได้นั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุและการใช้สิทธิป้องกันตัวตามกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนา ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อเท็จจริงว่า จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายเป็นการป้องกันตัว แต่กระทำเกินกว่าเหตุควรรับโทษ โจทก์ไม่อุทธรณ์ ดังนี้ ชั้นฎีกา โจทก์จะกลับขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาหาได้ไม่
ผู้ตายมีพรรคพวก 5 คน พากันไปหน้าบ้านจำเลย ผู้ตายผลักบานประตูบ้านจำเลยเปิดออกและผู้ตายกับจำเลยพูดโต้เถียงกัน จำเลยบอกให้ผู้ตายกลับไปเสีย หายเมาจึงพูดกันใหม่ ผู้ตายไม่ยอมกลับ จำเลยปิดประตู ผู้ตายผลักบานประตูกระแทกจำเลยเซ แล้วผู้ตายก้าวเท้าข้างหนึ่งล้ำเข้าไปในประตู และใช้มีดปลายแหลมจ้วงแทงจำเลย ๆ หลบเสีย มีดจึงไม่ถูกผู้ตายแทงซ้ำ จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตาย 2 นัดซ้อน ผู้ตายเซถอยแล้วล้มลงขาดใจตาย ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ทำการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุไม่ควรลงโทษจำเลย
ผู้ตายมีพรรคพวก 5 คน พากันไปหน้าบ้านจำเลย ผู้ตายผลักบานประตูบ้านจำเลยเปิดออกและผู้ตายกับจำเลยพูดโต้เถียงกัน จำเลยบอกให้ผู้ตายกลับไปเสีย หายเมาจึงพูดกันใหม่ ผู้ตายไม่ยอมกลับ จำเลยปิดประตู ผู้ตายผลักบานประตูกระแทกจำเลยเซ แล้วผู้ตายก้าวเท้าข้างหนึ่งล้ำเข้าไปในประตู และใช้มีดปลายแหลมจ้วงแทงจำเลย ๆ หลบเสีย มีดจึงไม่ถูกผู้ตายแทงซ้ำ จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตาย 2 นัดซ้อน ผู้ตายเซถอยแล้วล้มลงขาดใจตาย ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้ทำการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุไม่ควรลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินเมื่อเจ้าของไม่รู้เห็นสัญญาขายฝาก การโอนสิทธิโดยไม่สุจริต
เจ้าของที่ดินมีสิทธิครอบครองในที่สวนยางรายพิพาทมิได้รู้เห็นในการที่บุตรบุญธรรมของตนไปทำสัญญาขายฝากที่พิพาทแก่นาง ก. นาง ก. ย่อมไม่ได้สิทธิในที่รายนี้ ดังนี้ โจทก์ผู้รับโอนที่ดินไปจากนาง ก. ก็ย่อมไม่มีสิทธิดีกว่านาง ก. ผู้โอน ทั้งการโอนก็เป็นไปโดยไม่สุจริต รูปคดีไม่เข้าลักษณะมาตรา 1299,1300 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วง-บริวาร: สิทธิในการอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ผู้ร้องได้เช่าเคหะซึ่งจำเลยปลูกในที่ดินซึ่งจำเลยเช่ามาจากโจทก์ โดยไม่ปรากฎว่าโจทก์ยินยอมด้วย ต้องถือว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย ผู้ร้องไม่ได้เป็นผู้เช่าจากโจทก์ จะอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันยันโจทก์ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องสินเดิมและสิทธิในสินสมรส: การกำหนดประเด็นชัดเจนและการสืบพยาน
ประเด็นที่โจทก์ตั้งมาในคำฟ้องมีว่า ภริยาโจทก์ไม่มีสิทธิได้ส่วนแบ่งในสินสมรสเพราะไม่มีสินเดิม จำเลยให้การว่าภริยาโจทก์มีสิทธิได้ส่วนแบ่งเพราะมีสินเดิมดังนี้ คำให้การของจำเลยเป็นการถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองแล้วจำเลยไม่จำเป็นต้องระบุลงไปในคำให้การว่ามีทรัพย์อะไรบ้างเป็นสินเดิมซึ่งผิดกับกรณีที่มีประเด็น ขอให้หักสินสมรสชดใช้สินเดิมด้วย เพราะในกรณีหลังนี้ความสำคัญอยู่ที่ว่าอะไรเป็นสินเดิม ราคาเท่าใด มิฉะนั้นก็ให้ชดใช้กันไม่ได้การตั้งประเด็นจึงต้องระบุถึงทรัพย์ที่เป็นสินเดิมและราคา
หากโจทก์เห็นว่าข้อต่อสู้ของจำเลยยังไม่ชัด เพื่อที่โจทก์จะได้สืบหักล้างเสียก่อนในกรณีที่โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อนเช่นนี้โจทก์ชอบที่จะขอต่อศาลให้สอบถามจำเลยในชั้นชี้สองสถานเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ได้ เมื่อได้มีการสอบถามมัดประเด็นลงไปแน่นอนว่าสินเดิมเป็นทรัพย์อะไรแล้วคู่ความก็ต้องดำเนินการตามประเด็นที่มัดไว้
หากโจทก์เห็นว่าข้อต่อสู้ของจำเลยยังไม่ชัด เพื่อที่โจทก์จะได้สืบหักล้างเสียก่อนในกรณีที่โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อนเช่นนี้โจทก์ชอบที่จะขอต่อศาลให้สอบถามจำเลยในชั้นชี้สองสถานเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ได้ เมื่อได้มีการสอบถามมัดประเด็นลงไปแน่นอนว่าสินเดิมเป็นทรัพย์อะไรแล้วคู่ความก็ต้องดำเนินการตามประเด็นที่มัดไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทแทนที่, ความไม่สุจริตผู้จัดการมรดก, และอายุความในการเรียกร้องทรัพย์มรดก
น้าของเจ้ามรดกเป็นทายาทของเจ้ามรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1629(6) อยู่แล้ว แม้จะตายไปก่อนเจ้ามรดก ผู้สืบสันดานของเขา ย่อมมีสิทธิรับมรดกแทนที่ ตามมาตรา 1639 โดยตรง
การที่จำเลยไปร้องขอต่อศาลให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกนั้น จำเลยได้ปกปิดความจริงอันควรบอกให้ชัดแจ้งว่าทายาทโดยธรรมของผู้ตาย ยังคงมีตัวอยู่ถึง 3 คนแสดงความไม่สุจริตของจำเลยมาตั้งแต่ต้น และเมื่อได้รับตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว จำเลยก็ไม่ปรารถนาที่จะทำบัญชีทรัพย์มรดกตามหน้าที่ที่กฎหมายบังคับไว้ในมาตรา 1728,1729 ซ้ำในชั้นศาล ในคดีนี้ จำเลยก็ยังคงยืนยันว่าโจทก์ไม่ใช่ทายาทโดยธรรมที่จะได้รับมรดกย่อมเป็นการสมควรทุกประการที่ศาลจะถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกเสียตามมาตรา 1731
คดีที่ทายาทเรียกร้องเอาทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิ์ตกทอดแก่ตน โดยขอให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกเสียก่อนโดยจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกเป็นผู้ที่ไม่มีสิทธิในกองมรดกที่จะยึดถือทรัพย์สินอันเป็นมรดกนั้นไว้อย่างไรได้แม้จำเลยจะยังคงเป็นผู้จัดการมรดกอยู่จำเลยก็ต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา 1720 โดยลักษณะตัวแทนตัวการ จำเลยจะยกฐานะผู้จัดการมรดกมาต่อสู้อายุความกับทายาทตามมาตรา 1754,1755 หาได้ไม่
คดีเกี่ยวกับการจัดการมรดก ผู้จัดการมรดกจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ทายาทได้ก็แต่มาตรา 1733 วรรคสอง ซึ่งมีกำหนด 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกสุดสิ้นลง
การที่จำเลยไปร้องขอต่อศาลให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกนั้น จำเลยได้ปกปิดความจริงอันควรบอกให้ชัดแจ้งว่าทายาทโดยธรรมของผู้ตาย ยังคงมีตัวอยู่ถึง 3 คนแสดงความไม่สุจริตของจำเลยมาตั้งแต่ต้น และเมื่อได้รับตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว จำเลยก็ไม่ปรารถนาที่จะทำบัญชีทรัพย์มรดกตามหน้าที่ที่กฎหมายบังคับไว้ในมาตรา 1728,1729 ซ้ำในชั้นศาล ในคดีนี้ จำเลยก็ยังคงยืนยันว่าโจทก์ไม่ใช่ทายาทโดยธรรมที่จะได้รับมรดกย่อมเป็นการสมควรทุกประการที่ศาลจะถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกเสียตามมาตรา 1731
คดีที่ทายาทเรียกร้องเอาทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิ์ตกทอดแก่ตน โดยขอให้ถอดถอนผู้จัดการมรดกเสียก่อนโดยจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกเป็นผู้ที่ไม่มีสิทธิในกองมรดกที่จะยึดถือทรัพย์สินอันเป็นมรดกนั้นไว้อย่างไรได้แม้จำเลยจะยังคงเป็นผู้จัดการมรดกอยู่จำเลยก็ต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา 1720 โดยลักษณะตัวแทนตัวการ จำเลยจะยกฐานะผู้จัดการมรดกมาต่อสู้อายุความกับทายาทตามมาตรา 1754,1755 หาได้ไม่
คดีเกี่ยวกับการจัดการมรดก ผู้จัดการมรดกจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ทายาทได้ก็แต่มาตรา 1733 วรรคสอง ซึ่งมีกำหนด 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกสุดสิ้นลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีภาษีโรงค้าก่อนมีประเมินภาษีเป็นสิทธิที่ไม่ชอบตามกฎหมาย
เมื่อยังไม่มีการประเมินภาษีผู้ที่จะต้องเสียภาษีจะนำคดีเกี่ยวกับภาษีนั้นมาฟ้องร้องต่อศาลทีเดียวไม่ได้ ถือว่า ไม่ใช่กรณีจะฟ้องได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 55.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีภาษีโรงค้าก่อนได้รับการประเมินภาษีเป็นสิทธิที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อยังไม่มีการประเมินภาษี ผู้ที่จะต้องเสียภาษีจะนำคดีเกี่ยวกับภาษีนั้น มาฟ้องร้องต่อศาลทีเดียวไม่ได้ถือว่า ไม่ใช่กรณีจะฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 55