พบผลลัพธ์ทั้งหมด 990 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์จากเงินที่ถูกอายัดชั่วคราว ผู้ร้องมีสิทธิขอเฉลี่ยภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
ผู้ร้องได้บรรยายในคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ถึงสภาพแห่งข้อหาว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษา และไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้ คงมีเฉพาะเงินที่โจทก์มีสิทธิที่จะได้รับจากศาล ซึ่งเป็นจำนวนเงินงวดสุดท้ายที่จำเลยมีสิทธิได้รับและเหลืออยู่เท่านั้น ผู้ร้องจึงไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยได้อีก ขอให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในเงินจำนวนดังกล่าวดังนี้คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้บรรยายไว้ชัดแจ้ง ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่จำต้องบรรยายถึงรายละเอียดเรื่องวันเวลาที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โอนเงินที่ผู้ร้องอายัดไว้ชั่วคราวมายังคดีของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเมื่อใดไว้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนอยู่แล้ว และคู่ความสามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จึงไม่เคลือบคลุม
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งตามคำร้องขอของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาให้อายัดเงินซึ่งธนาคารส่งมาตามหมายอายัดชั่วคราวของศาลเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2533 แต่ก็ยังไม่มีการชำระเงินตามคำสั่งดังกล่าวระยะเวลาสิบสี่วันตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคห้า จึงยังไม่เริ่มนับ ดังนั้นเมื่อผู้ร้องนำเงินมาชำระคืนตามคำสั่งศาลในวันที่ 31 พฤษภาคม 2533 พร้อมกับยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จากเงินจำนวนดังกล่าวในวันเดียวกัน จึงถือได้ว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในกำหนดเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 290 วรรคห้าแล้ว จึงเป็นการยื่นขอเฉลี่ยทรัพย์โดยชอบ
แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งตามคำร้องขอของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาให้อายัดเงินซึ่งธนาคารส่งมาตามหมายอายัดชั่วคราวของศาลเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2533 แต่ก็ยังไม่มีการชำระเงินตามคำสั่งดังกล่าวระยะเวลาสิบสี่วันตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคห้า จึงยังไม่เริ่มนับ ดังนั้นเมื่อผู้ร้องนำเงินมาชำระคืนตามคำสั่งศาลในวันที่ 31 พฤษภาคม 2533 พร้อมกับยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จากเงินจำนวนดังกล่าวในวันเดียวกัน จึงถือได้ว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในกำหนดเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 290 วรรคห้าแล้ว จึงเป็นการยื่นขอเฉลี่ยทรัพย์โดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเฉลี่ยทรัพย์: การยื่นคำร้องภายในกำหนดเวลาและการบรรยายคำร้องที่ชัดแจ้ง
ผู้ร้องได้บรรยายในคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ถึงสภาพแห่งข้อหาว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาและไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้คงมีเฉพาะเงินที่โจทก์มีสิทธิที่จะได้รับจากศาลซึ่งเป็นจำนวนเงินงวดสุดท้ายที่จำเลยมีสิทธิได้รับและเหลืออยู่เท่านั้นผู้ร้องจึงไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นๆของจำเลยได้อีกขอให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในเงินจำนวนดังกล่าวดังนี้คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้บรรยายไว้ชัดแจ้งชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่จำต้องบรรยายถึงรายละเอียดเรื่องวันเวลาที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โอนเงินที่ผู้ร้องอายัดไว้ชั่วคราวมายังคดีของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเมื่อใดไว้เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนอยู่แล้วและคู่ความสามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งตามคำร้องขอของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาให้อายัดเงินซึ่งธนาคารส่งมาตามหมายอายัดชั่วคราวของศาลเมื่อวันที่4มกราคม2533แต่ก็ยังไม่มีการชำระเงินตามคำสั่งดังกล่าวระยะเวลาสิบสี่วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา290วรรคห้าจึงยังไม่เริ่มนับดังนั้นเมื่อผู้ร้องนำเงินมาชำระคืนตามคำสั่งศาลในวันที่31พฤษภาคม2533พร้อมกับยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จากเงินจำนวนดังกล่าวในวันเดียวกันจึงถือได้ว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา290วรรคห้าแล้วจึงเป็นการยื่นขอเฉลี่ยทรัพย์โดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องยื่นภายในกำหนดเวลาและมีรายละเอียดครบถ้วน หากไม่เป็นไปตามกฎหมาย ศาลมีอำนาจยกคำร้องได้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ที่ยื่นมานั้นถ้าศาลพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่าเป็นคำร้องที่ไม่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งสาเหตุที่ขาดนัดและข้อคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208วรรคสองศาลก็มีอำนาจสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้และเมื่อมีคำสั่งให้ยกคำร้องเสียแล้วก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องส่งสำเนาคำร้องให้แก่อีกฝ่ายเพื่อคัดค้านหรือไม่อีก จำเลยทราบว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอพิจารณาใหม่ฉบับแรกแล้วได้ยื่นคำร้องฉบับที่2อีกครั้งหนึ่งเพื่อให้คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยสมบูรณ์ตามกฎหมายแม้คำร้องฉบับที่2จะต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกันกับฉบับแรกก็ตามแต่จำเลยก็ต้องยื่นต่อศาลภายในกำหนด15วันนับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาตามสัญญาประนีประนอมที่ตรงกับวันหยุดราชการ การปฏิบัติตามสัญญา
วันสุดท้ายที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างนั้นตรงกับวันเสาร์ และวันถัดมาเป็นวันอาทิตย์ อันเป็นวันหยุดราชการตามปกติทั้งสองวัน จำเลยจึงขอปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอม-ยอมความต่อโจทก์ในวันแรกที่ทางราชการเปิดทำการได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีล่วงหน้าตามมาตรา 18 ทวิ ต้องทำก่อนถึงกำหนดเวลายื่นแบบฯ หากเกินกำหนดการประเมินนั้นไม่ชอบ
การออกหมายเรียกเพื่อประเมินภาษีการค้าล่วงหน้าตามมาตรา18ทวิแห่งประมวลรัษฎากรเจ้าพนักงานประเมินไม่จำต้องระบุเลขมาตราเนื่องจากประมวลรัษฎากรไม่ได้กำหนดไว้ว่าในการออกหมายเรียกเพื่อตรวจสอบภาษีอากรจะต้องระบุมาตราที่จะใช้ในการประเมินภาษีอากรแต่อย่างใด การประเมินเรียกเก็บภาษีล่วงหน้าตามมาตรา18ทวินั้นกำหนดให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจเรียกเก็บได้ก่อนถึงกำหนดเวลายื่นรายการเมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการขยายหรือเลื่อนกำหนดระยะเวลาสำหรับการยื่นแบบแสดงรายการการค้าของโจทก์สำหรับเดือนภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีปี2528และ2529การที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยประเมินภาษีการค้าของโจทก์สำหรับเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมีนาคม2528และของเดือนเมษายนถึงมีนาคม2529ล่วงหน้าตามมาตรา18ทวิเมื่อวันที่27มิถุนายน2531จึงเป็นการประเมินหลังจากพ้นกำหนดเวลายื่นรายการการค้าสำหรับเดือนภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีปี2528และ2529แล้วการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: กำหนดเวลาและสิทธิของผู้ค้ำประกัน
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันลูกหนี้และได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปแล้วหากจะขอรับชำระหนี้ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตาม พ.ร.บ.ล้มละลายพ.ศ.2483 มาตรา 27, 91 การที่ผู้ร้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว ผู้ร้องจะขอเข้ารับช่วงสิทธิการขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ที่ยื่นไว้แล้วไม่ได้ เพราะไม่มีบทบัญญัติใน พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 ให้กระทำได้ เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้ว ปัญหาที่ว่าการถอนคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งศาลยังมิได้มีคำสั่งอนุญาตมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัย เนื่องจากไม่เปลี่ยนแปลงผลแห่งคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ค้ำประกันไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามกำหนด จึงไม่สามารถรับช่วงสิทธิจากเจ้าหนี้ในคดีล้มละลายได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสองแล้วผู้ร้องในฐานะผู้ค้ำประกันลูกหนี้ที่2เมื่อได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้แล้วย่อมได้รับช่วงสิทธิการขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ที่มีต่อกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่2แต่ปรากฏว่าผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา27และมาตรา91ผู้ร้องจะอ้างว่าได้รับช่วงสิทธิและขอรับชำระหนี้แทนเจ้าหนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ค้ำประกันชำระหนี้หลังหมดกำหนด ยื่นขอรับช่วงสิทธิการรับชำระหนี้ไม่ได้ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันลูกหนี้และได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปแล้วหากจะขอรับชำระหนี้ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา27,91การที่ผู้ร้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้ดังกล่าวแล้วผู้ร้องจะขอเข้ารับช่วงสิทธิการขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ที่ยื่นไว้แล้วไม่ได้เพราะไม่มีบทบัญญัติในพระราชบัญญัติ ล้มละลายพ.ศ.2483ให้กระทำได้เมื่อวินิจฉัยดังนี้แล้วปัญหาที่ว่าการถอนคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งศาลยังมิได้มีคำสั่งอนุญาตมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่จึงไม่ต้องวินิจฉัยเนื่องจากไม่เปลี่ยนแปลงผลแห่งคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากขยายเวลาไถ่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นโมฆะ
โจทก์ทั้งสองทำสัญญาขายฝากที่ดินไว้แก่จำเลยที่ 1 มีกำหนดเวลาไถ่ 3 ปี การที่โจทก์ทั้งสองตกลงกับจำเลยที่ 1 ก่อนเวลาไถ่ครบกำหนดว่ายอมให้โจทก์ซื้อในราคาเดิมเมื่อสิ้นสุดสัญญาแล้ว ข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีผลเช่นเดียวกับให้โจทก์ทั้งสองมีสิทธิไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากคืนได้ แม้จะพ้นกำหนดเวลาไถ่3 ปี ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาขายฝาก เป็นการขยายกำหนดเวลาไถ่ทรัพย์สินต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 496 ข้อตกลงจึงเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินตามข้อตกลงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งหนี้และการปฏิเสธหนี้ตามกฎหมายล้มละลาย การพิจารณาวันได้รับแจ้งหนี้ที่ถูกต้อง
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119 วรรคแรกไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการส่งคำคู่ความหรือเอกสารไว้โดยเฉพาะจึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 73 ทวิและ 76 มาใช้โดยอนุโลมตามมาตรา 153 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 ป. ลูกจ้างของผู้ร้องซึ่งอยู่ที่สำนักทำการงานของผู้ร้องมีอายุเกิน 20 ปี ได้รับหนังสือทวงหนี้จากผู้คัดค้านไว้เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2531 ตามใบไปรษณีย์ตอบรับ ซึ่งถือได้ว่ามีการส่งหนังสือทวงหนี้ให้แก่ผู้ร้องโดยชอบแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 73 ทวิ,76แต่อย่างไรก็ยังถือเป็นเด็ดขาดไม่ได้ว่าผู้ร้องได้รับหนังสือทวงหนี้จากผู้คัดค้านในวันที่ส่งนั้น ผู้ร้องอาจนำสืบความจริงว่า ตนได้รับเมื่อใด เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่าตนได้ตอบปฏิเสธหนี้ผู้คัดค้านภายในกำหนด