พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6,814 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9275/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งบรรจุยาเสพติดเพื่อเสพ ไม่ถือเป็น 'ผลิต' ตามกฎหมาย และการริบของกลางต้องสัมพันธ์กับความผิดที่ฟ้อง
เมื่อทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 แบ่งบรรจุเฮโรอีนของกลางโดยมีวัตถุประสงค์ที่เป็นอันตรายแก่สังคมอย่างร้ายแรงทำนองเดียวกับการเพาะปลูก ทำ ผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูป หรือสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ฟังว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 อาจแบ่งบรรจุเพื่อความสะดวกในการเสพของตนก็เป็นได้ เช่นนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงไม่เป็นการผลิตตามมาตรา 4,65
กระบอกและเข็มฉีดยาของกลางมิใช่สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับฐานความผิดที่โจทก์ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) เพราะโจทก์มิได้ฟ้องในความผิดฐานเสพยาเสพติดด้วย แม้ทรัพย์ดังกล่าวจะมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด แต่ก็เป็นความผิดฐานอื่นไม่เกี่ยวกับฐานความผิดในคดี จึงไม่อาจริบกระบอกและเข็มฉีดยาของกลางได้
กระบอกและเข็มฉีดยาของกลางมิใช่สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับฐานความผิดที่โจทก์ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) เพราะโจทก์มิได้ฟ้องในความผิดฐานเสพยาเสพติดด้วย แม้ทรัพย์ดังกล่าวจะมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด แต่ก็เป็นความผิดฐานอื่นไม่เกี่ยวกับฐานความผิดในคดี จึงไม่อาจริบกระบอกและเข็มฉีดยาของกลางได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9047/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยต้องไม่ใช่ความผิดผู้ประสบภัย และป้องกันไม่ได้แม้ใช้ความระมัดระวัง
เหตุที่จะถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 8 ต้องเป็นเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่ใช่ความผิดของบุคคลผู้นั้นและต้องเป็นเหตุที่ไม่สามารถป้องกันได้ แม้บุคคลผู้ประสบเหตุนั้นจะได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว การที่จำเลยได้ประกาศขายโครงการก่อสร้างบ้านที่พักอาศัยแก่ประชาชนโดยทั่วไปรวมทั้งโจทก์ไปแล้วโดยที่ยังไม่ได้ตระเตรียมเงินลงทุนไว้ให้พร้อมเสียก่อน เมื่อเกิดมีปัญหาเกี่ยวกับเงินลงทุนโดยสถาบันการเงินระงับการให้กู้ในระหว่างนั้นอันเป็นผลมาจากการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เป็นเหตุให้การดำเนินกิจการโครงการก่อสร้างหยุดชะงักอันเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าการที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับเงินลงทุนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะความผิดของจำเลยโดยแท้ที่ไม่เตรียมป้องกันทั้ง ๆ ที่สามารถป้องกันได้ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยอันจะเป็นเหตุให้จำเลยหลุดพ้นจากความรับผิดไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8991/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด แม้ยังไม่ชำระเงินก็ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 ได้ให้นิยามศัพท์คำว่า "จำหน่าย" หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้ ดังนั้น การที่จำเลยส่งมอบ 3, 4 - เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่สายลับที่เข้าล่อซื้อแม้จะยังไม่ได้ชำระเงินให้จำเลย ก็ถือว่าเป็นการจำหน่ายตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8945/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานนำยาเสพติดเข้าประเทศ จำเลยแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้
ตามสภาพและพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยเป็นความผิดในตัวเอง จำเลยย่อมรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าเมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษเมื่อนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายเป็นความผิดที่มีโทษสถานหนัก จำเลยจะแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อให้พ้นจากความรับผิดในทางอาญาไม่ได้ และจำเลยก็มิได้แสดงพยานหลักฐานต่อศาลให้เชื่อว่าจำเลยไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติไว้เช่นนั้น ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตามบทบัญญัติที่กำหนดกฎเกณฑ์ไว้แน่นอนจึงชอบแล้ว กรณีความผิดของจำเลยไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตาม ป.อ. มาตรา 64 ศาลจึงไม่อาจลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8791/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การฎีกาข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลอุทธรณ์ และการลงโทษเหมาะสม
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 7 เม็ด และได้จำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไป 2 เม็ด เป็นความผิดสองกรรม จำเลยอุทธรณ์เฉพาะขอให้ลงโทษสถานเบาเท่านั้น มิได้อุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 7 เม็ดและได้จำหน่ายไป 2 เม็ด จึงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นการที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 8 ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กฎหมายยกเลิกแล้วไม่อาจใช้ลงโทษจำเลยได้ แม้โจทก์อ้างถึง
ความผิดฐานประกอบโรคศิลปะ สาขาเวชกรรมโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 มาตรา 11 มีบัญญัติไว้แล้วใน พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2511 มาตรา 21 จึงถือว่าความผิดตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 ในส่วนที่เกี่ยวกับสาขาเวชกรรมถูกยกเลิกแล้วโดย พ.ร.บ. วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2511 การที่โจทก์อ้างกฎหมายที่ถูกยกเลิกแล้วมาขอให้ลงโทษจำเลย มีผลเท่ากับโจทก์ไม่ได้อ้างกฎหมายอันใดมาเลย ไม่ใช่เรื่องอ้างบทกฎหมายผิด ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2479 ไม่ได้ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8743/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยปัญญาอ่อน ตัดต้นไม้โดยไม่รู้ผิด การขาดเจตนาทำให้ไม่มีความผิดตามกฎหมายอาญา
จำเลยปฏิเสธตลอดมาว่า จำเลยมีความพิการทางสมอง ไม่อาจรู้ได้ว่าการกระทำของตนเป็นความผิดดังนั้นปัญหาว่า จำเลยกระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่อง หรือไม่นั้น ศาลต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่า จำเลยกระทำโดยเจตนาซึ่งได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำอันเป็นเหตุให้จำเลยต้องรับผิดในทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 59 หรือไม่ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยเป็นบุคคล ปัญญาอ่อนที่ถึงขนาดไม่อาจรู้ได้ว่าการตัดต้นไม้เป็นผิดกฎหมาย กรณีจึงมิใช่จำเลยกระทำผิดในขณะที่สามารถรู้ ผิดชอบเพราะมีจิตบกพร่องตาม ป.อ. มาตรา 65 วรรคหนึ่ง เท่านั้น แต่ถึงขั้นที่ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยมิได้รู้สำนึกในการที่กระทำทั้งมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดเพราะขาดเจตนาตาม ป.อ. มาตรา 59
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8743/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยปัญญาอ่อน ตัดต้นไม้โดยไม่รู้ผิด การกระทำจึงไม่มีความผิดเพราะขาดเจตนา
จำเลยปัญญาอ่อนถึงขนาดไม่อาจรู้ได้ว่าการตัดต้นไม้หวงห้ามเป็นผิดกฎหมาย กรณีจึงมิใช่จำเลยกระทำผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบเพราะมีจิตบกพร่องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคหนึ่งเท่านั้น แต่ถึงขั้นที่ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยมิได้รู้สำนึกในการที่กระทำทั้งมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิด เพราะขาดเจตนาตามมาตรา 59
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8731/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คมีมูลหนี้ผิดกฎหมาย (ดอกเบี้ยเกินอัตรา) ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค แม้โอนให้ผู้อื่น
อุทธรณ์ของโจทก์ว่า การที่จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ให้แก่ ฝ. แทนเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 4หรือไม่ โดยมิได้อุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นประการอื่น อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย
การที่จำเลยกู้ยืมเงิน ฝ. ฝ. คิดดอกเบี้ยจากจำเลยอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน จำเลยออกเช็คฉบับแรกจำนวน 4,000,000 บาทให้แก่ ฝ. โดยรวมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนไว้แล้ว ต่อมาธนาคารตามเช็คนั้นปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงออกเช็คให้แก่ ฝ. จำนวน2 ฉบับ ฉบับละ 2,000,000 บาท ซึ่งรวมทั้งเช็คพิพาท แสดงให้เห็นว่าเช็คพิพาทซึ่งออกเพื่อชำระหนี้ตามเช็คฉบับแรกมีมูลหนี้อันเกิดจากการคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้รวมอยู่ ซึ่งการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ มาตรา 3 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ผิดกฎหมายรวมอยู่ด้วย การออกเช็คพิพาทของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง แม้ ฝ. จะโอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ โดยโจทก์ไม่ทราบว่ามีดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วยก็ตาม ก็ไม่ทำให้การออกเช็คพิพาทของจำเลยซึ่งไม่เป็นความผิดต่อกฎหมายกลับมาเป็นความผิดขึ้นมาอีก
การที่จำเลยกู้ยืมเงิน ฝ. ฝ. คิดดอกเบี้ยจากจำเลยอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน จำเลยออกเช็คฉบับแรกจำนวน 4,000,000 บาทให้แก่ ฝ. โดยรวมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนไว้แล้ว ต่อมาธนาคารตามเช็คนั้นปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงออกเช็คให้แก่ ฝ. จำนวน2 ฉบับ ฉบับละ 2,000,000 บาท ซึ่งรวมทั้งเช็คพิพาท แสดงให้เห็นว่าเช็คพิพาทซึ่งออกเพื่อชำระหนี้ตามเช็คฉบับแรกมีมูลหนี้อันเกิดจากการคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้รวมอยู่ ซึ่งการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ มาตรา 3 เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ผิดกฎหมายรวมอยู่ด้วย การออกเช็คพิพาทของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง แม้ ฝ. จะโอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ โดยโจทก์ไม่ทราบว่ามีดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วยก็ตาม ก็ไม่ทำให้การออกเช็คพิพาทของจำเลยซึ่งไม่เป็นความผิดต่อกฎหมายกลับมาเป็นความผิดขึ้นมาอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8634/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานผลิตยาเสพติด: กรรมเดียวผิดหลายบท - การพิจารณาโทษบทที่หนักที่สุด
แม้ความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนและความผิดฐานผลิตอีเฟดรีนเป็นความผิดต่อกฎหมายต่างฉบับมีอัตราโทษแตกต่างกัน และขณะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นจับกุมจำเลยจะพบผงซึ่งมีส่วนผสมอีเฟดรีนจำนวนหนึ่งด้วยกันกับผงเมทแอมเฟตามีนซึ่งมีส่วนผสมของอีเฟดรีนรวมเป็นวัตถุเดียวกันอีกจำนวนหนึ่งก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงก็ได้ความตามคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนตามบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาว่าจำเลยรับผงดังกล่าวรวมกันมาจาก ง. ด้วยเจตนาผลิตเป็นเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดเพื่อให้ ง. นำไปจำหน่ายโดยจำเลยมิได้มีเจตนาหรือมีการกระทำใดที่เป็นการแยกผลิตเป็นเมทแอมเฟตามีนหรืออีเฟดรีนเป็นคนละประเภทต่างหากจากกันนอกจากนั้นผลการตรวจพิสูจน์ของกลางทั้งชนิดเม็ดและชนิดผงมีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีน อีเฟดรีนและคาเฟอีน ดังนี้เมื่อเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดทั้งชนิดเม็ดและชนิดผงถูกผสมด้วยอีเฟดรีนบางส่วนก็เพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เมทแอมเฟตามีนที่มีอีเฟดรีนผสมอยู่จึงเป็นวัตถุอันเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย เพียงแต่บรรยายในฟ้องข้อ 1 ก. ว่า จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ขายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1และอีเฟดรีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 รวม 1,377 เม็ด เป็นผงจำนวน 1 ถุง 5 ซอง รวมน้ำหนัก 590.64 กรัม และเป็นการมีไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่วนฟ้องข้อ 1 ข. บรรยายว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ก. โดยการทำ แปรสภาพเปลี่ยนรูปอันเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ก. อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายเท่านั้นตามคำฟ้องดังกล่าวหาได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวเพื่อจำหน่ายแต่ประการใดไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายและลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวนี้ จึงไม่ชอบปัญหาดังกล่าวนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย เพียงแต่บรรยายในฟ้องข้อ 1 ก. ว่า จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ขายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1และอีเฟดรีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 รวม 1,377 เม็ด เป็นผงจำนวน 1 ถุง 5 ซอง รวมน้ำหนัก 590.64 กรัม และเป็นการมีไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่วนฟ้องข้อ 1 ข. บรรยายว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ก. โดยการทำ แปรสภาพเปลี่ยนรูปอันเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนและอีเฟดรีนที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวในฟ้องข้อ 1 ก. อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายเท่านั้นตามคำฟ้องดังกล่าวหาได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยผลิตเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวเพื่อจำหน่ายแต่ประการใดไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานผลิตเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายและลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวนี้ จึงไม่ชอบปัญหาดังกล่าวนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225