คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำให้การ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1964/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้สัตยาบันคำให้การของตัวแทน และการรับพยานหลักฐานที่มิได้ส่งสำเนาตามอำนาจศาลแรงงาน
หนังสือมอบอำนาจของจำเลยที่มอบอำนาจให้ ช.ต่อสู้คดีไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลย แต่การที่ ช. ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้วจำเลยได้แต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีต่อมาโดยนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้ให้สัตยาบันยอมรับคำให้การดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นได้โดยชอบ.
จำเลยนำสืบเอกสารหมาย ล.1 ถึงล.15 โดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์ แต่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับคดีและจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุอ้างเป็นพยานแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมถือว่าเป็นพยานที่ศาลเรียกมา ดังนี้ เมื่อศาลแรงงานได้ใช้อำนาจตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 แล้ว เอกสารดังกล่าวย่อมรับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1964/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้สัตยาบันคำให้การของตัวแทน และการรับฟังพยานที่ศาลเรียกเองในคดีแรงงาน
หนังสือมอบอำนาจของจำเลยที่มอบอำนาจให้ช.ต่อสู้คดีไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลยแต่การที่ช.ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้วจำเลยได้แต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีต่อมาโดยนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นถือได้ว่าจำเลยได้ให้สัตยาบันยอมรับคำให้การดังกล่าวแล้วจำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นได้โดยชอบ. จำเลยนำสืบเอกสารหมายล.1ถึงล.15โดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์แต่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับคดีและจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุอ้างเป็นพยานแล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมถือว่าเป็นพยานที่ศาลเรียกมาดังนี้เมื่อศาลแรงงานได้ใช้อำนาจตามมาตรา45แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522แล้วเอกสารดังกล่าวย่อมรับฟังได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 813/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำให้การหลังขาดนัด: ศาลไม่ต้องสั่งไม่รับคำให้การหากไม่อนุญาตขยายเวลา
การขออนุญาตยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 นั้นจะต้องเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา197 วรรคแรกแล้ว จำเลยที่ 2 จึงขออนุญาตยื่นคำให้การก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การไม่ได้
คำร้องของจำเลยที่ 2 บรรยายไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2ได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2525และพ้นกำหนดที่จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำให้การแก้คดีแล้วการที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ จึงเท่ากับเป็นการขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่ จำเลยที่2 ซึ่งกรณีนี้เมื่อศาลสั่งอนุญาตแล้วจึงจะถึงขั้นพิจารณา เกี่ยวกับการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การ หากศาลสั่งไม่อนุญาตก็ไม่ต้อง พิจารณาถึงการสั่งรับหรือไม่รับคำให้การต่อไป ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้น ไม่ขยายระยะเวลายื่นคำให้การให้แก่จำเลยที่ 2 จึงไม่จำต้องสั่งไม่รับ คำให้การของจำเลยที่ 2 ด้วย
คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การไม่ใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(5) เพราะไม่ได้ตั้งประเด็น ระหว่างคู่ความฉะนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลา จึงไม่ใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความและเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 2 จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นในระหว่างพิจารณาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4876-4878/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดยื่นคำให้การ แต่เบิกความต่อสู้คดี ถือเป็นการกล่าวแก้กรรมสิทธิ์ได้หรือไม่
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแต่ได้อ้างตนเองเป็นพยานและถามค้านพยานโจทก์นั้นเป็นเรื่องสิทธิของจำเลยที่ขาดนัดยื่นคำให้การพึงกระทำได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 199วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอันมีเจตนารมณ์เพื่อให้จำเลยมีโอกาสอ้างตนเองเป็นพยานเพื่อเสนอข้อเท็จจริงที่จะเป็นการหักล้างพยานหลักฐานโจทก์เท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์เพราะจำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3910/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกอายุความต้องชัดเจนในคำให้การ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากไม่ระบุรายละเอียด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่1และที่2ให้ร่วมรับผิดในมูลละเมิดฟ้องจำเลยที่ 3 ให้รับผิดตามสัญญาประกันภัยค้ำจุนคำให้การจำเลยที่ 3 กล่าวเพียงว่า 'กรณีจะเป็นประการใดก็ตามจำเลยที่3ขอให้การตัดฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อขาดอายุความตามกฎหมายแล้ว' ไม่ชัดแจ้งว่าคดีขาดอายุความเรื่องอะไรและเพราะเหตุใด. จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ย่อมไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทในเรื่องอายุความ แม้ศาลล่าง จะได้วินิจฉัยให้ก็เป็นการนอกประเด็น ถือว่าเป็นข้อที่ มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่าง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3679/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การที่ไม่ชัดเจน ถือเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงของโจทก์ และการยกอายุความต้องแสดงเหตุในคำให้การ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสอง ซึ่งเป็นสามีภริยากันและร่วมกันประกอบการค้าใช้ชื่อร้านว่า อารีรัตน์ ได้ซื้อสินค้าเครื่องเคมีภัณฑ์ ประเภทหัวน้ำหอมไปจากโจทก์แล้วไม่ชำระเงิน จำเลยทั้งสองหาได้ให้การปฏิเสธว่ามิได้เป็นสามีภริยากันและมิได้ร่วมกันประกอบการค้าใช้ชื่อร้านว่าอารีรัตน์แต่อย่างใดไม่ย่อมถือได้ว่าจำเลยทั้งสองรับข้อเท็จจริงดังกล่าว ข้อที่ให้การว่าไม่เคยรับสินค้าตามฟ้องมาใช้ในกิจการส่วนตัว ถ้ามีการรับก็เป็นการรับไว้แทนผู้อื่นนั้น ไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสองยอมรับหรือปฏิเสธว่าไม่ได้รับสินค้าจากโจทก์และไม่ชัดแจ้งว่ารับไว้แทนบุคคลใด คำให้การจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วนรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นจึงไม่มีประเด็น ที่จะนำสืบ
การยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้นั้นเป็นการปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ จำเลยจะต้องแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การด้วยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความเพราะเหตุใด เมื่อคำให้การจำเลยมิได้แสดงเหตุ เพียงแต่ให้การอย่างลอย ๆ ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความปัญหาเรื่องอายุความจึงไม่เป็นประเด็น ที่จะต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3679/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การที่ไม่ชัดเจนของจำเลย ถือเป็นการยอมรับข้อเท็จจริงของโจทก์ ศาลไม่รับฟังข้อต่อสู้เรื่องอายุความ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสอง ซึ่งเป็นสามีภริยากันและร่วมกัน ประกอบการค้าใช้ชื่อร้านว่า อารีรัตน์ ได้ซื้อสินค้าเครื่องเคมีภัณฑ์ ประเภทหัวน้ำหอมไปจากโจทก์แล้วไม่ชำระเงินจำเลยทั้งสองหาได้ ให้การปฏิเสธว่ามิได้เป็นสามีภริยากันและมิได้ร่วมกันประกอบการค้า ใช้ชื่อร้านว่าอารีรัตน์ แต่อย่างใดไม่ ย่อมถือได้ว่าจำเลยทั้งสองรับข้อเท็จจริงดังกล่าวข้อที่ให้การว่าไม่เคยรับสินค้าตามฟ้องมาใช้ในกิจการส่วนตัว ถ้ามีการรับก็เป็นการรับไว้แทนผู้อื่นนั้น ไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสองยอมรับ หรือปฏิเสธว่าไม่ได้รับสินค้าจากโจทก์และไม่ชัดแจ้งว่ารับไว้แทนบุคคลใด คำให้การจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้าง ของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วนรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นจึงไม่มีประเด็น ที่จะนำสืบ การยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้นั้นเป็นการปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ จำเลยจะต้องแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การด้วยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะเหตุใดเมื่อคำให้การจำเลยมิได้แสดงเหตุเพียงแต่ให้การอย่างลอยๆ ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความปัญหาเรื่องอายุความจึงไม่เป็นประเด็น ที่จะต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3396/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ผลตรวจเลือดกลุ่มเพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำผิดฐานข่มขืน การรับฟังพยานผู้เชี่ยวชาญ และคำให้การที่ขัดแย้งกัน
การรับฟังความเห็นของผู้ชำนาญการพิเศษตามที่ทางโรงพยาบาลได้ทำการ เจาะเลือดผู้เสียหายจำเลยและทารก เพื่อตรวจหา กลุ่มเลือดแล้ว และระบุผลออกมาเมื่อผู้ตรวจคือผู้ชำนาญในการนี้และทำการตรวจถูกต้อง ตามหลักวิชาแพทย์แล้วมีการทำความเห็นแจ้งผลการตรวจมาและมี พนักงานสอบสวนเบิกความรับรอง เอกสารย่อมเป็นหลักฐานเพียงพอ ให้รับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 243 แล้ว ส่วนวรรคสองของมาตรา 243 ที่ว่าศาลจะให้ผู้ชำนาญการพิเศษทำความเห็น เป็นหนังสือก็ได้แต่ต้องให้มาเบิกความประกอบหนังสือด้วยนั้น บทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจ ที่จะทำหรือไม่ก็ได้ มิใช่เป็น บทบังคับเด็ดขาด เมื่อ ศาลมิได้สั่งให้ทำความเห็นเป็นหนังสือ ก็ย่อมไม่ต้องห้าม มิให้รับฟังความเห็นดังกล่าว
เมื่อจำเลยกับผู้เสียหายมีเลือดกลุ่ม บี.ผู้เสียหายคลอดทารก มีเลือดกลุ่มเอ. ดังนี้ทารกมิได้เกิดจากจำเลยกับผู้เสียหายจำเลยก็มิได้ เป็นผู้ข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหาย แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพชั้นจับกุม และให้การ ในชั้นสอบสวนว่าได้ใช้อวัยวะเพศถูไถอวัยวะเพศของผู้เสียหาย2 ครั้งก็ตาม แต่เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล คำให้การดังกล่าว เป็นเพียงพยานบอกเล่าโดยลำพังหามีน้ำหนักให้รับฟังว่าจำเลยกระทำผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีใหม่และการใช้บัญชีระบุพยานเดิม เมื่อศาลอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่
หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 วรรคแรก แล้วกระบวนพิจารณาที่ให้ถือว่าเป็นอันเพิกถอนไปในตัวก็มีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลโดยคู่ความขาดนัด คำพิพากษาหรือ คำสั่งอื่น ๆของศาลสูงในคดีเดียวกันนั้น และวิธีการบังคับคดีที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เท่านั้นหาได้ให้เพิกถอน กระบวนพิจารณาเช่นที่โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ก่อนแล้วไม่บัญชีระบุพยานเดิมของโจทก์จึงยังคงอยู่และถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิขอระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2438/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการจำหน่ายคดี: โจทก์ต้องยื่นคำขอใหม่หากศาลอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การได้แล้ว
จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด โจทก์เคยยื่นคำร้อง ขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ต่อมา จำเลยขออนุญาตยื่นคำให้การอ้างว่าไม่จงใจขาดนัดศาล อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่ภายใน 8 วันครบกำหนด จำเลยไม่ยื่นคำให้การอีกดังนี้โจทก์จะต้องยื่นคำขอ ต่อศาลใหม่เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ภายในกำหนด 15 วันนับแต่ระยะเวลาที่ศาลกำหนดให้จำเลย ยื่นคำให้การสิ้นสุดลง ที่ศาลมีคำสั่งว่าจำเลย ขาดนัดยื่นคำให้การตามคำขอของโจทก์ไว้ก่อนเป็นอันเพิกถอนไปเมื่อโจทก์ไม่ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งดังกล่าวศาลชั้นต้น จึงชอบที่จะมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์เสียจากสารบบความการ ที่ศาลนัดสืบพยานโจทก์ไว้ก่อนหามีผลลบล้างให้โจทก์ไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ไม่
of 72