พบผลลัพธ์ทั้งหมด 634 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องค่าเวนคืนตาม พ.ร.บ.เวนคืนฯ ต้องระบุจำนวนค่าทดแทนที่ต้องการ และขอให้บังคับชำระเพิ่ม
การฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ. 2530 มาตรา 26 วรรคแรก โจทก์ต้องบรรยายมาในคำฟ้องด้วยว่าค่าทดแทนที่ตนควรได้รับชำระมีจำนวนเท่าใด และคำขอท้ายฟ้องต้องเป็นเรื่องให้บังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนหรือควบคุมการเวนคืนชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้นจากที่รัฐมนตรีมีคำวินิจฉัย เมื่อคำฟ้องของโจทก์หาได้บรรยายถึงจำนวนค่าทดแทนที่โจทก์เห็นว่าตนเองพึงได้รับแต่ประการใดไม่ ทั้งคำขอท้ายฟ้องก็เพียงแต่ขอให้จำเลยดำเนินการให้เป็นไปตามบทกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้างเท่านั้น คำฟ้องของโจทก์จึงขาดสาระสำคัญของการฟ้องคดีตามบทบัญญัติดังกล่าว ไม่มีทางที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยต้องรับผิดได้ และแม้โจทก์บรรยายฟ้องมาด้วยว่าการที่จำเลยในฐานะผู้วินิจฉัยอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยไม่ถูกต้องเป็นการละเมิดต่อโจทก์ แต่โจทก์ก็มิได้มีคำขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุดังกล่าว ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2110/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องค่าเวนคืนต้องระบุจำนวนเงินที่ควรได้รับและขอให้บังคับชำระเพิ่ม มิฉะนั้นฟ้องขาดสาระสำคัญ
การฟ้องคดีตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ มาตรา26 วรรคหนึ่ง นั้น เพื่อให้ศาลบังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนหรือควบคุมการเวนคืนให้ชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้น โจทก์จึงต้องบรรยายฟ้องว่า ค่าทดแทนที่ควรจะได้รับชำระมีจำนวนเท่าใด และคำขอท้ายฟ้องต้องเป็นเรื่องให้บังคับผู้มีอำนาจในการเวนคืนหรือควบคุมการเวนคืนชำระค่าทดแทนเพิ่มขึ้น แต่คดีนี้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องถึงจำนวนเงินค่าทดแทนที่เห็นว่าตนพึงได้รับมีเท่าใดและคำขอท้ายฟ้องก็เพียงขอให้บังคับจำเลยดำเนินการตามกฎหมายที่โจทก์ยกขึ้นอ้าง คำฟ้องจึงขาดสาระสำคัญตามบทกฎหมายดังกล่าวไม่มีทางที่ศาลจะพิจารณาให้จำเลยรับผิดได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องค่าทดแทนเวนคืน: เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการคืออธิบดีกรมทางหลวง ไม่ใช่ รมต.คมนาคม
พระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงจังหวัดสายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34-บางบ่อ พ.ศ. 2525 กำหนดให้อธิบดีกรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการ ส่วนจำเลยซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาและตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530มาตรา 10 ผู้ที่ต้องจ่ายค่าทดแทนคือเจ้าหน้าที่หรือผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่ เมื่ออธิบดีกรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าที่ จึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์ จำเลยเป็นเพียงผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาเท่านั้น ไม่มีหน้าที่จะต้องจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการจ่ายค่าทดแทนเวนคืน: เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการตาม พรบ.เวนคืน ไม่ใช่ผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกา
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530มาตรา 10 ได้กำหนดอำนาจของเจ้าหน้าที่หรือผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่ให้มีอำนาจตกลงซื้อขาย กำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ และจ่ายค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นได้ว่าผู้ที่ต้องจ่ายค่าทดแทน คือเจ้าหน้าที่หรือผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่เมื่อการเวนคืนรายนี้อธิบดีกรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าที่ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงจังหวัดสายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34-บางบ่อ พ.ศ. 2525 จึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์ ส่วนจำเลยซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นเพียงผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาเท่านั้นไม่มีหน้าที่จะต้องจ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเรียกค่าทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: ศาลกำหนดค่าทดแทนที่เป็นธรรมเมื่อจำเลยกำหนดราคาไม่เหมาะสม
โจทก์จำเลยโต้เถียงกันในประเด็นที่ว่า จำเลยกำหนด ค่าทดแทนที่ดินของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ประเด็นดังกล่าวเกิดจากที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งธนบุรีถูกเวนคืนมูลแห่งคดีจึงเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลแพ่งธนบุรีเมื่อโจทก์ขออนุญาตฟ้องและศาลแพ่งธนบุรีอนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลแพ่งธนบุรีแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องที่ศาลแพ่งธนบุรีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) การกำหนดค่าทดแทนให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ถูกเวนคืน มีกฎหมายบัญญัติไว้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งฝ่ายรัฐบาลและเอกชน จำเลยไม่อาจกำหนดค่าทดแทนให้ตามใจชอบ เมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยกำหนดค่าทดแทนให้ไม่เป็นธรรม โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องขอให้ศาลกำหนดค่าทดแทนให้อย่างเป็นธรรมและเหมาะสมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลและการกำหนดค่าทดแทนที่ดินเวนคืน: ประเด็นความถูกต้องของราคาและเขตอำนาจศาล
โจทก์จำเลยโต้เถียงกันว่าจำเลยกำหนดค่าทดแทนที่ดิน ของโจทก์ที่ถูกเวนคืนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ประเด็นที่โจทก์จำเลยโต้เถียงกันดังกล่าวเกิดจากที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลแพ่งธนบุรีถูกเวนคืน มูลแห่งคดีจึงเกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลแพ่งธนบุรีเมื่อโจทก์ขออนุญาตฟ้องและศาลแพ่งธนบุรีอนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลแพ่งธนบุรีแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องที่ศาลแพ่งธนบุรีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น-ค่าทดแทน: ศาลยืนตามเดิม สิทธิเรียกร้องทางจำเป็นและสิทธิเรียกค่าทดแทนเป็นไปตามกฎหมาย
ที่ดินโจทก์ถูกที่ดินของจำเลยและบุคคลอื่นล้อมรอบอยู่แม้จะปรากฏว่าโจทก์เคยใช้ที่ดินของ บ. เดินออกสู่ทางสาธารณะแต่เป็นการขอเดินผ่านเข้าออกในขณะที่จำเลยปิดกั้นทางพิพาท จำเลยเคยฟ้องโจทก์ให้เปิดทางจำเป็นในที่ดินของโจทก์เพื่อให้จำเลยสามารถเดินจากที่ดินของจำเลยแปลงซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโจทก์ด้านทิศเหนือเพื่อผ่านไปยังที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่งซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของที่ดินโจทก์แล้วออกสู่ทางสาธารณะโดยมิได้ฟ้อง บ. กับบุคคลอื่นที่มีที่ดินติดกับจำเลยให้เปิดทางจำเป็นแก่จำเลย เป็นการยอมรับว่าทางพิพาทเป็นทางที่ออกสู่ทางสาธารณะใกล้ที่สุดและสะดวกมากกว่าทางอื่น จึงฟังได้ว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นสำหรับที่ดินโจทก์จำเลยเคยฟ้องให้โจทก์เปิดทางจำเป็นในที่ดินของโจทก์ให้จำเลยผ่านกว้าง 2 เมตร และเป็นทางแนวเดียวกับทางพิพาทขนาดทางกว้าง2 เมตร เหมาะสมแก่การใช้ประโยชน์ตามสภาพบ้านเมืองในปัจจุบันแล้ว บทบัญญัติ ป.พ.พ. มาตรา 1349 มิได้บังคับให้ผู้มีสิทธิผ่านทางจำเป็นในที่ดินของผู้อื่นนั้นต้องเสนอใช้ค่าทดแทนก่อนจึงจะใช้สิทธิได้ โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกเอาทางจำเป็นโดยไม่ต้องเสนอให้ค่าทดแทนแก่จำเลยก่อน โจทก์ไม่ได้เสนอค่าทดแทนแก่จำเลย และจำเลยไม่ได้ฟ้องแย้งเรียกค่าทดแทนจากโจทก์ คดีจึงไม่มีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยในเรื่องค่าทดแทน และปัญหานี้มิใช่ปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวมาจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142 และถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามฎีกาตามป.วิ.พ. มาตรา 249 ปัญหาว่าผู้มีสิทธิใช้ทางจำเป็นต้องใช้ค่าทดแทนแก่เจ้าของที่ดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349 หรืออาจไม่ต้องใช้ค่าทดแทนตามมาตรา 1350 ไม่เป็นประเด็นวินิจฉัยในคดีนี้ จึงชอบที่จำเลยจะไปว่ากล่าวในเรื่องค่าทดแทนจากโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากรูปคดีมีเหตุผลอันสมควรที่ศาลจะระบุในคำพิพากษาให้ชัดเจนว่าไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะไปว่ากล่าวในเรื่องค่าทดแทนจากโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก และคำพิพากษาดังกล่าวไม่ได้บังคับให้โจทก์ต้องใช้ค่าทดแทนแก่จำเลยในคดีนี้ จึงไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอของจำเลย ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3897/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับดอกเบี้ยค่าทดแทนที่ดินเวนคืน เริ่มนับแต่วันที่ พ.ร.ฎ.เวนคืนมีผลบังคับใช้ แม้มี พ.ร.บ.เวนคืนฉบับใหม่
เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าทดแทนที่ดินให้โจทก์เพิ่มขึ้น โจทก์จึงมีสิทธิจะได้รับดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2525 ซึ่งเป็นวันที่พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตบางขุนเทียนเขตราษฎร์บูรณะ และเขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2525 เพื่อสร้างทางพิเศษ สายดาวคะนอง - ท่าเรือ มีผลใช้บังคับตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ข้อ 67 วรรคสอง ท้ายฟ้อง และตาม พ.ร.ฎ.ดังกล่าวมาตรา 3ให้ พ.ร.ฎ.มีอายุห้าปี แม้ภายหลังจากครบห้าปีได้มีการตรา พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษสายดาวคะนอง - ท่าเรือ ในท้องที่เขตบางขุนเทียน เขตราษฎร์บูรณะ และเขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2530โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2530 ก็ตาม แต่ก็เป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษสายดาวคะนอง - ท่าเรือ ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตบางขุนเทียนเขตราษฎร์บูรณะ และเขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2525 นั้นเอง และเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 มีอำนาจดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินโจทก์ที่ถูกเวนคืนมาตั้งแต่ พ.ร.ฎ.ดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ซึ่งโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2528โดยอ้างเหตุตาม พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ฯ มิได้อ้างเหตุตาม พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษสายดาวคะนอง - ท่าเรือในท้องที่เขตบางขุนเทียน เขตราษฎร์บูรณะ และเขตยานนาวา กรุงเทพมหานครพ.ศ.2530 ซึ่งออกภายหลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์จึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่ พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนฯ ใช้บังคับ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 ข้อ 67 วรรคสอง ตอนท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอทางจำเป็นเมื่อที่ดินถูกปิดล้อมและไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทน
แม้ว่าที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันออกอยู่ติดกับบริเวณที่ดินที่ พ. ได้อุทิศแบ่งแยกไว้เป็นทางสาธารณะ แต่ที่ดินของพ. บริเวณดังกล่าวมีห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างอื่นปลูกอยู่ก่อนแล้วไม่อาจใช้สัญจรออกไปสู่ทางสาธารณะได้ที่ดินบริเวณที่ พ. แบ่งไว้จึงเป็นที่ดินซึ่งประชาชนทั่วไป และโจทก์ไม่อาจใช้ประโยชน์ในการสัญจรหรือการจราจรได้จริง ที่ดินของโจทก์จึงถูกที่ดินแปลงอื่นปิดกั้นไม่อาจออกสู่ทางสาธารณะได้ตามสภาพที่เป็นจริง ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 โจทก์ย่อมมีสิทธิขอเปิดทางจำเป็นที่พิพาทผ่านที่ดินของจำเลยไปออก สู่ทางสาธารณะที่ใช้สัญจรไปมาตามความเป็นจริงได้ ภายหลังแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมที่ดินมีโฉนด ออกมาเป็นโฉนดแปลงย่อยของโจทก์ของจำเลย และแปลงอื่น ๆ ทำให้ที่ดินของโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้เลย โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ถูกแบ่งแยกออกมามีสิทธิเรียกร้องเอาทางจำเป็นจากที่ดินที่แบ่งแยกหรือแบ่งโอนกันออกมา ไปสู่ทางสาธารณะได้โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องทางจำเป็นเมื่อที่ดินไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทน
เดิมที่ดินโจทก์และจำเลยเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน เมื่อมีการแบ่งแยกทำให้ที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ แม้ปรากฏว่าที่ดินโจทก์ด้านทิศตะวันออกจะติดกับบริเวณที่ดินซึ่งเจ้าของที่ดินข้างเคียงได้แบ่งแยกไว้เป็นทางสาธารณะ แต่บริเวณดังกล่าวโจทก์และบุคคลทั่วไปไม่สามารถเดินได้เพราะมีตึกแถวและสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นปิดกั้นอยู่ก่อนแล้ว ที่ดินโจทก์จึงมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะตามสภาพที่เป็นจริง โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกร้องเอาทางเดินผ่านที่ดินของจำเลยไปสู่ทางสาธารณะได้โดยไม่ต้องเสียค่าทดแทนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350