คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิจารณาคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 477 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642-1643/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความแตกต่างของข้อเท็จจริงระหว่างฟ้องและพิจารณาคดีปล้นทรัพย์: ผลต่อการตัดสิน
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยปล้นทรัพย์และบรรยายว่าจำเลยได้ปล้นเอาทรัพย์ไปจากเจ้าทรัพย์ 4 คน ตามทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยปล้นเอาทรัพย์ไปจากเจ้าทรัพย์ได้เพียง 3 คนเท่านั้น ข้อเท็จจริงที่ต่างกันเช่นนี้หาใช่ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าอ้างเอกสารหน้าที่ศาลต้องเรียกจากผู้ที่อ้าง แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้ถือเป็นเหตุแพ้ชนะ ศาลอุทธรณ์มีหน้าที่เรียกค่าอ้างก่อนพิพากษา
การเสียค่าอ้างเอกสารเป็นหน้าที่ของศาลจะพึงเรียกจากผู้อ้าง
เมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงพิพากษาคดีมาแล้ว โดยมิได้ถือเอาเอกสาที่ยังไม่ได้เสียค่าอ้างเป็นข้อแพ้ชนะ มาชั้นอุทธรณ์จึงเป็นหน้าที่ของศาลอุทธรณ์จะพึงเรียกค่าอ้างจากผู้อ้างเสียให้ถูกต้อง แล้วพิพากษาคดีไป หาควรให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ศาลในการเรียกค่าอ้างเอกสาร และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิจารณาคดีเมื่อเอกสารไม่เสียค่าอ้าง
การเสียค่าอ้างเอกสารเป็นหน้าที่ของศาลจะพึงเรียกจากผู้อ้าง
เมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงพิพากษาคดีมาแล้ว โดยมิได้ถือเอาเอกสารที่ยังไม่ได้เสียค่าอ้างเป็นข้อแพ้ชนะ มาชั้นอุทธรณ์จึงเป็นหน้าที่ของศาลอุทธรณ์จะพึงเรียกค่าอ้างจากผู้อ้างเสียให้ถูกต้อง แล้วพิพากษาคดีไป หาควรให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของเวลาเกิดเหตุในฟ้องอาญา: ผลต่อการพิจารณาคดีและการพิพากษา
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2494 เวลากลางวัน (6.00น.)จำเลยปล้นทรัพย์แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเวลาเกิดเหตุเป็นเวลาขมุกขมัวมีแสงสว่างบ้างแล้วซึ่งจะถือว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนก็ใกล้เคียงกันมาก จะฟ้องฟังว่าข้อเท็จจริงได้ความว่าเหตุเกิดเวลากลางคืนต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องซึ่งบรรยายว่าเหตุเกิดเวลากลางวันจึงให้ยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192 ยังไม่ได้และเมื่อฟ้องของโจทก์จำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดีโดยไม่หลงข้อต่อสู้จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1335/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดความจำเป็นในการพิจารณาคดีหลังจำเลยเลิกกิจการ ศาลฎีกายกฟ้อง
เมื่อเหตุที่มีการโต้แย้งในอันที่จะขอให้ศาลบังคับได้หมดไปแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยคดีต่อไป ศาลฎีกาย่อมยกฎีกาเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบพยานเกี่ยวกับพินัยกรรมและการพิจารณาคดีมรดก ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าการพิจารณาของศาลชั้นต้นถูกต้องแล้ว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกโดยไม่มีพินัยกรรม จำเลยต่อสู้ว่าเจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกให้จำเลยดังนี้หน้าที่นำสืบตกแก่จำเลย เมื่อได้สืบพยานทั้งสองฝ่ายไปจนสิ้นกระแสความแล้ว โดยศาลชั้นต้นให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า หากจะพิจารณาใหม่โจทก์จะมีพยานหลักฐานอื่นใดมาสืบพิสูจน์หักล้างพยานหลักฐานจำเลย เกี่ยวกับพินัยกรรมอีก ดังนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งให้พิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำเนาเอกสารที่ได้รับการรับรองถูกต้องจากเจ้าพนักงานและคู่ความ มีผลใช้ได้ในการพิจารณาคดี
สำเนาเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานและคู่ความได้รับรองถูกต้องแล้วให้ถือว่าเป็นอันเพียงพอในการที่จะนำมาแสดง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน: พิจารณาคดีเมื่ออายุเกิน 18 ปี
ความประสงค์ที่จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนขึ้น ก็เพื่อสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชน จึงมีบทบัญญัติว่าด้วยการสอบสวนการพิจารณาและพิพากษาคดีไว้เป็นพิเศษผิดกับคดีธรรมดา ฉะนั้นแม้ขณะจำเลยทำผิด จำเลยจะมีอายุยังไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์ก็ตาม แต่ขณะยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลนั้นอายุของจำเลยเกินกว่า 18 ปีบริบูรณ์แล้วดังนี้ ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางก็ไม่มีอำนาจจะพิจารณาพิพากษาคดีเช่นนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลกระทบการหลบหนีต่อการพิจารณาคดีของจำเลยอื่น และอำนาจศาลในการแก้ไขคำพิพากษา
เมื่อคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์จำเลยคนหนึ่งหลบหนีแต่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีเกี่ยวแก่จำเลยทุกคนตลอดจนจำเลยที่หลบหนีด้วยให้ปล่อยบางคน คงลงโทษบางคน โจทก์ฎีกาแม้จำเลยคนที่หลบหนีจะถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษและมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ดี ศาลฎีกาก็พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะคดีที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1464/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งพิจารณาคดีฝ่ายเดียวหลังจำเลยขาดนัดและโจทก์มิได้ร้องขอจำหน่ายคดีภายใน 15 วัน
เรื่องจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์มิได้ยื่นคำร้องให้นัดพิจารณาภายใน 15 วัน นั้นตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 เพียงแต่บัญญัติให้อำนาจศาลที่จะสั่งจำหน่ายคดีเมื่อพ้น 15 วันได้ฉะนั้นศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้ดำเนินการพิจารณาฝ่ายเดียวได้ เมื่อโจทก์ร้องขอ แม้จะเป็นเวลาภายหลัง 15 วันในเมื่อศาลยังมิได้สั่งจำหน่ายคดีนั้น
of 48