คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 823 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมชื่อจำเลยในฟ้องคดีอาญา ศาลอนุญาตได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
ในระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องว่าฟ้องโจทก์หน้าแรกตรงข้อความว่า "ข้าพเจ้าพนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โจทก์ขอยื่นฟ้อง (1)... จำเลย" นั้น ยังมิได้เติมชื่อจำเลยลงไป ด้วยความพลั้งเผลอ จึงขอเติมชื่อจำเลยในช่องว่างเป็นว่า "นายดวง จิตชุ่ม"จำเลยนั้น เห็นว่าฟ้องของโจทก์ในช่อง คดีระหว่างใครโจทก์ ใครจำเลยนั้น โจทก์ได้ระบุชื่อ นายดวง จิตชุ่ม เป็นจำเลยไว้แล้ว เพียงแต่โจทก์พิมพ์ตกชื่อจำเลยในฟ้องหน้าแรก บรรทัดที่ 10 เท่านั้น ส่วนที่อยู่ ชาติและบังคับของจำเลยในบรรทัดต่อไปโจทก์ก็พิมพ์ไว้ครบถ้วน ทั้งในฟ้องหน้า 2 ตอนท้าย โจทก์ก็ได้ระบุว่าจำเลยต้องขังตามหมายขังของศาล ฟ้องของโจทก์จึงไม่มีทางที่จะให้เข้าใจผิดไปว่า โจทก์มิได้ฟ้องจำเลย จำเลยเองก็ดำเนินการต่อสู้คดีตลอดมาโดยมิได้หลงข้อต่อสู้แต่ประการใด การที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องเช่นนี้ จึงเป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดซึ่งมิได้กล่าวในฟ้องด้วยความพลั้งเผลอ และไม่ได้ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี สมควรอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163, 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความรับผิดทางละเมิดจากความประมาทเลินเล่อ จำเป็นต้องระบุสภาพแห่งข้อหาที่ชัดเจน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า 'จ. กับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงจ้างและรับจ้างทำการขนปอฟอกจากโกดังไปยังเรือเดินสมุทร โดยความประมาทเลินเล่อของลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ในเรือฉลอมได้ทำให้เกิดเพลิงไหม้ปอฟอก จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นนายจ้างและลูกจ้างผู้ควบคุมเรือต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายของปอ' ดังนี้ เป็นฟ้องที่มีข้ออ้างให้จำเลยต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 เท่านั้น ไม่มีข้ออ้างให้จำเลยต้องรับผิดตามมาตรา 616 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีเจ้าหนี้กองมรดก: การฟ้องทายาทคนแรกภายในกำหนดอายุความย่อมสะดุดหยุดอายุความ แม้จะขอเพิ่มทายาทอื่น
เจ้าหนี้กองมรดกจะบังคับสิทธิเรียกร้องต่อทายาทคนใดก็ได้เมื่อเจ้าหนี้กองมรดกได้ฟ้องภริยาของเจ้ามรดกซึ่งนับได้ว่าเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่ง เป็นคดีขอให้ชำระหนี้ภายในกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ย่อมถือได้ว่าเจ้าหนี้กองมรดกใช้สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้อันมีต่อเจ้ามรดกภายในอายุความ 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 แล้ว การฟ้องคดีเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ แม้ต่อมาเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จะขอให้เรียกทายาทคนอื่น ๆ เข้ามาเป็นจำเลยร่วมอีกด้วย เมื่อพ้น1 ปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกตาย ก็ไม่เป็นเหตุให้ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเจ้าหนี้กองมรดก: การฟ้องทายาทคนแรกภายในกำหนดสะดุดอายุความ แม้เรียกทายาทอื่นร่วมภายหลัง
เจ้าหนี้กองมรดกจะบังคับสิทธิเรียกร้องต่อทายาทคนใดก็ได้เมื่อเจ้าหนี้กองมรดกได้ฟ้องภริยาของเจ้ามรดกซึ่งนับได้ว่าเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่งเป็นคดีขอให้ชำระหนี้ภายในกำหนด 1 ปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ย่อมถือได้ว่าเจ้าหนี้กองมรดกใช้สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้อันมีต่อเจ้ามรดกภายในอายุความ 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 แล้ว การฟ้องคดีเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ แม้ต่อมาเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จะขอให้เรียกทายาทคนอื่น ๆ เข้ามาเป็นจำเลยร่วมอีกด้วย เมื่อพ้น1 ปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกตาย ก็ไม่เป็นเหตุให้ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความถูกต้องของทรัพย์สินในคดีลักทรัพย์และรับของโจร หากทรัพย์สินไม่ตรงตามที่กล่าวอ้างในฟ้อง การลงโทษฐานรับของโจรเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องว่าคนร้ายบังอาจลักเอาโทรทัศน์ยี่ห้อ อาร์.ที. เอ.ขนาด 19 นิ้วของผู้เสียหายไป เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยโทรทัศน์ของกลาง ทางพิจารณาผู้เสียหายเบิกความว่าโทรทัศน์ที่ถูกคนร้ายลักไปยี่ห้อเซียร่า จึงต้องฟังว่าโทรทัศน์ของกลางกับของผู้เสียหายเป็นโทรทัศน์คนละเครื่อง เพราะต่างยี่ห้อกัน โทรทัศน์ของกลางอาจไม่ใช่ของผู้เสียหายที่หายไป แม้จะฟังว่าจำเลยได้รับโทรทัศน์ของกลางไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของที่ได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์จริง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะโทรทัศน์ของกลางไม่ใช่ของผู้เสียหายดังโจทก์ฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 332/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีปลอมและใช้เอกสารปลอม ไม่ต้องระบุรายละเอียดทรัพย์สิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซึ่งมีหน้าที่เป็นพนักงานขายสินค้าของบริษัทจำกัดได้ทำปลอมสัญญาเช่าซื้อในนามบริษัทขึ้นทั้งฉบับ โดยกรอกข้อความลงในแบบฟอร์มของบริษัทและปลอมลายมือชื่อของบุคคลที่ระบุทั้งสี่คนขึ้นเป็นคู่สัญญากับบริษัท อันเป็นการเสียหายแก่บริษัทและคู่สัญญาที่จำเลยปลอมลายมือนั้น ต่อมาจำเลยได้ใช้สัญญาเช่าซื้อที่ปลอมนั้นมอบให้คนอื่นนำไปอ้าง เพื่อขอเบิกเงินล่วงหน้า อันจะเกิดความเสียหายแก่บริษัทและผู้จัดการบริษัท ดังนี้เป็นฟ้องที่ครบองค์ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม โดยได้บรรยายการกระทำผิดของจำเลย และมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาสถานที่กระทำผิดรวมทั้งบุคคลและสิ่งของที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าเป็นสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินอะไรมีราคาเท่าใด และไม่ต้องแนบสัญญาหรือสำเนามาพร้อมฟ้องอย่างคดีแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 332/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดทรัพย์สิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซึ่งมีหน้าที่เป็นพนักงานขายสินค้าของบริษัทจำกัดได้ทำปลอมสัญญาเช่าซื้อในนามบริษัทขึ้นทั้งฉบับ โดยกรอกข้อความลงในแบบฟอร์มของบริษัทและปลอมลายมือชื่อของบุคคลที่ระบุทั้งสี่คนขึ้นเป็นคู่สัญญากับบริษัท อันเป็นการเสียหายแก่บริษัทและคู่สัญญาที่จำเลยปลอมลายมือนั้น ต่อมาจำเลยได้ใช้สัญญาเช่าซื้อที่ปลอมนั้นมอบให้คนอื่นนำไปอ้างเพื่อขอเบิกเงินล่วงหน้า อันจะเกิดความเสียหายแก่บริษัทและผู้จัดการบริษัท ดังนี้เป็นฟ้องที่ครบองค์ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม โดยได้บรรยายการกระทำผิดของจำเลย และมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาสถานที่กระทำผิดรวมทั้งบุคคลและสิ่งของที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายว่า เป็นสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินอะไรมีราคาเท่าใด และไม่ต้องแนบสัญญาหรือสำเนามาพร้อมฟ้องอย่างคดีแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อหาต่างกัน ศาลไม่ลงโทษตามฟ้องได้ แม้เป็นการพนันรูปแบบเดียวกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นดวด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเล่นสกาพนัน การเล่นดวดเป็นผิดตามมาตรา 4 ส่วนการเล่นสกาพนันเป็นความผิดตามมาตรา 4 ทวิ ซึ่งเป็นคนละบทมาตรากัน จึงต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงนั้น ๆ ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 3 และเมื่อเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ให้มิต้องถูกรับโทษได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223-224/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิวาททำร้ายร่างกาย: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง หากเป็นผู้ร่วมวิวาท และการลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย แม้ฟ้องรวมคดีชิงทรัพย์
โจทก์จำเลยต่างสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายกันและกัน โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้
แม้พยานหลักฐานของอัยการโจทก์จะไม่พอฟังว่าจำเลยได้ร่วมกันชิงทรัพย์ของผู้เสียหายแต่ความผิดฐานชิงทรัพย์นี้ อัยการโจทก์บรรยายฟ้องรวมความผิดฐานทำร้ายร่างกายอยู่ด้วย และคดีฟังได้ว่าจำเลยได้ทำร้ายผู้เสียหายบาดเจ็บ ศาลจึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันเวลาผิดพลาดในฟ้อง ไม่ใช่ข้อสารสำคัญ หากจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ ศาลไม่ยกฟ้อง
วันเวลาที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดเป็นเพียงรายละเอียดของฟ้อง มิใช่ข้อสารสำคัญ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) หากจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ก็มิใช่เหตุอันจะถึงยกฟ้อง
of 83