พบผลลัพธ์ทั้งหมด 559 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีสิทธิเปลี่ยนจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพได้เอง ศาลไม่ต้องอนุญาต
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธแล้ว จะกลับรับสารภาพก็ทำได้ ไม่จำต้องให้ศาล อนุญาตเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีสิทธิเปลี่ยนคำให้การจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากศาล
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธแล้ว จะกลับรับสารภาพก็ทำได้ไม่จำต้องให้ศาลอนุญาตเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพในคดีอาญาที่กฎหมายกำหนดโทษต่ำกว่า 5 ปี ศาลไม่ต้องสืบพยานและลงโทษจำเลยได้
คดีอาญาที่จำเลยรับสารภาพ ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง ต้องเป็นคดีที่กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยรับสารภาพความผิดฐานหนึ่ง ศาลพิพากษาลงโทษตามคำรับสารภาพ โจทก์ไม่อาจนำสืบความผิดฐานอื่นได้
ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรจำเลยรับสารภาพรับของโจร ดังนี้ ถือว่า จำเลยรับสารภาพเต็มตามฟ้องในความผิดฐานหนึ่งแล้ว ศาลก็พิพากษาลงโทษจำเลยตามคำรับของจำเลย โจทก์จะโต้แย้งขอนำสืบให้เป็นความผิดอีกฐานหนึ่งไม่ได้ เพราะจะเป็นการนำสืบให้กลายเป็นความผิด 2 ฐานไป
(อ้างฎีกาที่ 1801/2493)
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร และจำเลยรับสารภาพ ฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 242(1), 247 และ ป.วิ.อ. มาตรา 15
(อ้างฎีกาที่ 1801/2493)
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร และจำเลยรับสารภาพ ฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 242(1), 247 และ ป.วิ.อ. มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยรับสารภาพความผิดฐานหนึ่ง ศาลพิพากษาลงโทษแล้ว โจทก์ไม่อาจนำสืบให้เป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้
ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร ดังนี้ ถือว่าจำเลยรับสารภาพเต็มตามฟ้องในความผิดฐานหนึ่งแล้ว ศาลก็พิพากษาลงโทษจำเลยตามคำรับของจำเลย โจทก์จะโต้แย้งขอนำสืบให้เป็นความผิดอีกฐานหนึ่งไม่ได้ เพราะจะเป็นการนำสืบให้กลายเป็นความผิด 2 ฐานไป(อ้างฎีกาที่ 1801/2493)
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจรและจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)247 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจรและจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)247 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีทหารกองเกินต้องแสดงหลักฐานการดำเนินการตามกฎหมายก่อน หากขาดไม่ได้แม้จำเลยรับสารภาพ
ฟ้องว่า จำเลยไม่มาแสดงตนเพื่อรับหมายเรียกที่อำเภอนั้นถ้าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่า นายอำเภอได้จัดการประกาศและปิดประกาศไว้ตามข้อกำหนดของกฎหมายแล้ว ถือว่าฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ แม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้(ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่ชัดเจนและการพิสูจน์ความผิดฐานสมคบคิดลักทรัพย์ โจทก์ต้องมีพยานหลักฐานสนับสนุน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 335(7)
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่า ทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่า จำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตาม ม.334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม ม.334 เท่านั้น โดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเอง มิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่า ทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่า จำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตาม ม.334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม ม.334 เท่านั้น โดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเอง มิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 820/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนรับรองบุตร การรับสารภาพและการพิสูจน์ความจริง
การที่หญิงจำเลยรับว่าบุตรของตนเกิดจากชายซึ่งเป็นโจทก์โดยโจทก์จำเลยได้เสียกันแต่มิได้จดทะเบียนสมรส เพียงเท่านี้ยังไม่เป็นเหตุพอที่จะชี้ขาดให้จดทะเบียนว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของโจทก์ทีเดียว ในเมื่อฝ่ายจำเลยยังคัดค้านอยู่ จำต้องพิจารณาต่อไปว่ามีเหตุผลอย่างใดที่จะให้ศาลมีคำพิพากษาให้จดทะเบียนตามความใน ป.พ.พ.มาตรา 1527
( ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2501 )
( ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2501 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่ชัดเจน ศาลต้องยึดตามคำให้การเดิม แม้มีบันทึกรับสารภาพในรายงานพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันลักทรัพย์. ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(7)
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่าทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียวไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตามมาตรา 334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม มาตรา334 เท่านั้นโดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเองมิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย
จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่าทำการลักทรัพย์แต่ผู้เดียวไม่ได้สมคบกับจำเลยที่ 1
แต่ศาลจดรายงานพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 รับสารภาพตลอดข้อหาและให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งปฏิเสธ
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีก็ฟังได้เพียงว่า จำเลยที่2 ลักทรัพย์แต่ผู้เดียว ตามมาตรา 334 คงลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตาม มาตรา334 เท่านั้นโดยเป็นที่เห็นได้ว่าข้อความที่ศาลจดไว้ในรายงานพิจารณานั้นเป็นถ้อยคำของศาลเองมิใช่เป็นการที่จำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่ เพราะไม่มีข้อความใดว่าจำเลยที่ 2 ขอให้การใหม่สละข้อต่อสู้ที่ให้การไว้แต่เดิมเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำให้การรับสารภาพหลังคดีเสร็จสำนวน: เหตุผลความสำคัญผิดที่ไม่สมควร
คดีอาญาที่จำเลยให้การรับสารภาพ และคู่ความไม่สืบพยานจนศาลนัดอ่านคำพิพากษาแล้วจำเลยมาขอถอนคำให้การเดิมและขอให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าเพราะสำคัญผิดเช่นนี้ไม่เป็นเหตุผลอันควรอนุญาตให้จำเลยถอนคำให้การเดิม