พบผลลัพธ์ทั้งหมด 386 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในมรดก: การยินยอมให้ผู้จัดการมรดกเป็นเจ้าของทรัพย์สิน และการรับเงินชดเชย
ผู้รับมฤดกยอมให้ผู้จัดการมฤดกเป็นเจ้าของกรรมสิทธิในที่ดินมฤดกโดยยอมรับเอาเงินจำนวนหนึ่งจากผู้จัดการมฤดก ต้องถือว่าตนได้สละสิทธิในทรัพย์มฤดกที่จะได้รับนั้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในทรัพย์สิน: อำนาจปกครองและเจตนาสละสิทธิ
อย่างไรเรียกว่าสละสิทธิ
วิธีพิจารณาแพ่ง ยึดทรัพย์ที่เขาให้จำเลยอาศัยทำกิน
วิธีพิจารณาแพ่ง ยึดทรัพย์ที่เขาให้จำเลยอาศัยทำกิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลและการสละสิทธิคนในบังคับ: การพิพากษาคดีที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายใต้บังคับกฎหมายต่างประเทศ
เจ้าทุกข์เป็นคนในบังคับอังกฤษต้องชำระที่ศาลคดีต่างประเทศ ศาลรับฟ้องต้องรายงานไปยังศาลเจ้าหน้าที่ พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ คนในบังคับสละสิทธิ์ได้ เพียงใด
ป.พ.พ.ม.798 ตั้งตัวแทนจัดการทางอรรถคดีต้องมีหลักฐานโดยชอบด้วยกฎหมาย
ป.พ.พ.ม.798 ตั้งตัวแทนจัดการทางอรรถคดีต้องมีหลักฐานโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2474
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์ให้ด้วยวาจาและการสละสิทธิรับมฤดกไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ผู้มีสิทธิย่อมร้องขัดทรัพย์ได้
มฤดก
ขัดทรัพย์ ฟ้อง, ตัดสินโจทก์ จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องมฤดก ครั้นยึดทรัพย์มฤดกจะทอดตลาด มีผู้ขัดทรัพย์ แต่ปรากฎว่าผู้ร้องมีส่วนจะได้รับมฤดกด้วยต้องถอนการยึด
การยกทรัพย์ให้โดยพูดด้วยวาจาเท่านั้นยังไม่ทำให้ผู้รับสิทธิตามกฎหมายการสละสิทธิรับมฤดกโดยกล่าวด้วยวาจาใช้ไม่ได้ ปัญหากฎหมาย
ขัดทรัพย์ ฟ้อง, ตัดสินโจทก์ จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องมฤดก ครั้นยึดทรัพย์มฤดกจะทอดตลาด มีผู้ขัดทรัพย์ แต่ปรากฎว่าผู้ร้องมีส่วนจะได้รับมฤดกด้วยต้องถอนการยึด
การยกทรัพย์ให้โดยพูดด้วยวาจาเท่านั้นยังไม่ทำให้ผู้รับสิทธิตามกฎหมายการสละสิทธิรับมฤดกโดยกล่าวด้วยวาจาใช้ไม่ได้ ปัญหากฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494-495/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องจัดการมรดก, การแบ่งทรัพย์มรดก, และการสละสิทธิในทรัพย์สิน
ลักษณพะยานมฤดก ตรัสดีต้องฟ้องศาลทั้งตั้ง ๆ เองไม่ได้ เจ้าของร่วมทั้งตัวแทนต้องพร้อมกันทั้งหมดตัวแทนออกเงินทดรอง เอาใช้กับตัวการได้ อายุความเมื่อไม่ยกขึ้นต่อสู้มา ศาลไม่วินิจฉัย ฟ้องเรียกทรัพย์ทั้งหมด พิจารณาได้ความว่ามีส่วนแบ่ง ศาลแบ่งให้พะยานร่วมเบิกความสมฝ่ายใด ฟังตามนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิรับมรดก: การยินยอมให้ผู้รับมรดกคนเดียวทำให้สิทธิส่วนอื่นสิ้นสุด
ผู้มีสิทธิรับมฤดกด้วยกันยินยอมให้ผู้รับมฤดกแต่คนเดียวเปนผู้รับมฤดกภายหลังผู้รับมฤดกทั้งหลายนั้นจะมาเรียกร้องเอาส่วนมฤดกอีกไม่ได้ประมวลแพ่ง ฯ ม.115,525 ผู้มีสิทธิรับมฤดกด้วยกันยินยอมให้ฝ่ายหนึ่งเปนผู้รับมฤดกเปนนิติกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในกองมฤดก: สัญญาไม่เกี่ยวข้องกับกองมฤดกและการรับชำระหนี้แทน ถือเป็นการสละสิทธิ
ผู้รับมฤดกทำสัญญากับทายาทอื่น ๆ ว่าจะไม่เกี่ยวข้องในกองมฤดกและให้ทายาทนั้นเสียดอกเบี้ยให้ตน และตนยอมรับจำนวนเงินอันแน่นอน กับให้ทายาทนั้นใช้หนี้กองมฤดกแทนตน ถือว่าตนสละสิทธิในกองมฤดก พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ ม.8 คนในบังคับโปรตุเกศต้องฎีกาในข้อกฎหมายแปลสัญญาเปนปัญหากฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186-187/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิของผู้ให้เช่าเมื่อรับค่าเช่าเพิ่ม แม้ผู้เช่าผิดสัญญา และการบังคับให้จดทะเบียนสัญญาเช่า
ทำสัญญาเช่าที่ดินกันเองเกิน 3 ปี ถ้ามีเหตุสมควรศาลบังคับให้ไปจดทะเบียนได้ ผู้เช่าผิดสัญญา ผู้ให้เช่าทราบไม่ทักท้วงกลับรับค่าเช่าเพิ่มอีกนับว่าสละสิทธิเสียแล้วเทียบฎีกาที่ 365/122 ที่ 848-849/2470
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9263/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย: สิทธิของเจ้าหนี้และการสละสิทธิโดยปริยาย
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจเก็บรวบรวมจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 เพื่อแบ่งให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายในคดีล้มละลายตามวิธีการที่ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 กำหนด การประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นนั้น พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 32 กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกประชุมได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์แก่การปฏิบัติหน้าที่
การเรียกประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่น (ครั้งที่ 1) เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านสอบถามความประสงค์ของเจ้าหนี้ในการดำเนินการแก่ที่ดินพิพาทเพื่อให้การดำเนินคดีล้มละลายสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยผู้คัดค้านได้กำหนดหัวข้อประชุมให้เจ้าหนี้แถลงความประสงค์เกี่ยวกับที่ดินทั้งสองแปลงและระบุเงื่อนไขว่า หากเจ้าหนี้ไม่มาประชุมหรือไม่แถลงตามกำหนดจะถือว่าไม่ประสงค์ดำเนินการแก่ทรัพย์ดังกล่าวและไม่คัดค้านการที่ผู้คัดค้านจะรายงานขอให้ศาลมีคำสั่งปิดคดี เมื่อถึงกำหนดวันนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่น (ครั้งที่ 1) ไม่มีเจ้าหนี้รายใดมาร่วมประชุมจึงถือว่าเจ้าหนี้ได้สละสิทธิที่จะดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินพิพาทโดยปริยาย ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงไม่สามารถดำเนินการใด ๆ กับที่ดินพิพาทตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 ได้อีกต่อไป
การเรียกประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่น (ครั้งที่ 1) เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านสอบถามความประสงค์ของเจ้าหนี้ในการดำเนินการแก่ที่ดินพิพาทเพื่อให้การดำเนินคดีล้มละลายสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยผู้คัดค้านได้กำหนดหัวข้อประชุมให้เจ้าหนี้แถลงความประสงค์เกี่ยวกับที่ดินทั้งสองแปลงและระบุเงื่อนไขว่า หากเจ้าหนี้ไม่มาประชุมหรือไม่แถลงตามกำหนดจะถือว่าไม่ประสงค์ดำเนินการแก่ทรัพย์ดังกล่าวและไม่คัดค้านการที่ผู้คัดค้านจะรายงานขอให้ศาลมีคำสั่งปิดคดี เมื่อถึงกำหนดวันนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่น (ครั้งที่ 1) ไม่มีเจ้าหนี้รายใดมาร่วมประชุมจึงถือว่าเจ้าหนี้ได้สละสิทธิที่จะดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินพิพาทโดยปริยาย ดังนั้น ผู้คัดค้านจึงไม่สามารถดำเนินการใด ๆ กับที่ดินพิพาทตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 ได้อีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9050/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อบังคับโครงการสวัสดิการลูกจ้างที่ให้ลูกจ้างสละสิทธิเงินโบนัสหากลาออก เป็นการได้เปรียบเกินควร ศาลสั่งให้ใช้บังคับตามสมควร
ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าก่อนสมัครเข้าร่วมโครงการ โจทก์ทราบข้อตกลงหรือเงื่อนไขตามข้อบังคับโครงการที่ระบุห้ามพนักงานเข้าร่วมโครงการมีสิทธิได้รับคืนเงินโบนัสที่เตรียมไว้ชำระค่าจองซื้อหุ้นนั้น เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังเป็นยุติว่า ข้อบังคับโครงการเพิ่งจัดทำขึ้นหลังจากโจทก์สมัครเข้าร่วมโครงการในครั้งแรก จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง
สัญญาระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างกับจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างสมัครใจผูกพันกันตามโครงการจ่ายเงินโบนัสในรูปแบบหุ้นสามัญ ซึ่งจำเลยจัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิการส่งเสริมและจูงใจให้ลูกจ้างจงรักภักดีต่อองค์กร แสดงว่าเป็นสัญญาที่อยู่บนพื้นฐานนิติสัมพันธ์จ้างแรงงาน จึงเป็นสัญญาที่เกี่ยวเนื่องหรือเกิดขึ้นเนื่องจากการจ้างแรงงานที่อยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 14/1 เมื่อสัญญาดังกล่าวมีข้อตกลงหรือเงื่อนไขตามข้อบังคับโครงการข้อ 6.3 ระบุว่า "...ในกรณีที่การจ้างแรงงานของพนักงานสิ้นสุดลง พนักงานที่เข้าร่วมโครงการจะไม่มีสิทธิจองซื้อหุ้นที่ยังไม่มีการจัดสรรอีกต่อไป โดยถือเสมือนว่าธนาคาร (จำเลย) ได้ยกเลิกหุ้นที่ยังไม่มีการจัดสรรดังกล่าวแล้ว" ไม่ได้กำหนดถึงกรณีพนักงานหรือลูกจ้างลาออกจากงาน และข้อ 6.5 ที่ระบุว่า "หากมิได้มีการระบุไว้เป็นอย่างอื่นในข้อบังคับฉบับนี้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ซึ่งรวมถึงการไม่ได้มีการจองซื้อหรือการยกเลิกสิทธิในการจองซื้อหุ้นที่ยังไม่มีการจัดสรร ห้ามมิให้พนักงานที่เข้าร่วมโครงการมีสิทธิที่จะได้รับชำระเงินในส่วนที่เป็นค่าตอบแทนตามผลปฏิบัติงาน (เงินโบนัส) หรือค่าตอบแทนกรณีพิเศษสำหรับส่วนที่เตรียมไว้สำหรับชำระค่าจองซื้อหุ้น นอกจากการนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้ในการชำระค่าจองหุ้นที่ถูกจัดสรร" เป็นการกำหนดเงื่อนไขลอย ๆ ไม่ชัดแจ้งว่าสาเหตุที่ไม่ได้จองซื้อหุ้นหรือยกเลิกสิทธิการจองซื้อหุ้นเกิดจากการกระทำหรือความผิดของฝ่ายใด ทั้งไม่มีข้อกำหนดอัตราค่าปรับหรือริบเงินโบนัสตามพฤติการณ์การกระทำที่เป็นเหตุให้ไม่ได้จองซื้อหุ้น เมื่อพิจารณาสภาพการทำงาน ภาวะค่าครองชีพ ความเดือดร้อนของโจทก์ ระดับค่าจ้างหรือสิทธิประโยชน์อื่นของโจทก์ ฐานะแห่งกิจการของจำเลย สภาพเศรษฐกิจและสังคมทั่วไป และสภาพข้อบังคับโครงการประกอบกันแล้ว ข้อบังคับโครงการที่กำหนดเงื่อนไขตัดสิทธิขอรับคืนเงินโบนัสซึ่งเป็นเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับมาตั้งแต่จำเลยอนุมัติจ่ายให้ในแต่ละปีย่อมทำให้จำเลยในฐานะนายจ้างได้เปรียบโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างเกินสมควร ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจสั่งให้ข้อตกลงตามสัญญาจ้างแรงงานอันได้แก่ข้อบังคับโครงการในส่วนนี้มีผลใช้บังคับเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 14/1 โดยให้จำเลยจ่ายคืนเงินโบนัสส่วนที่ยังไม่ได้นำไปซื้อหุ้นพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่โจทก์ลาออกตามฟ้อง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ลาออกมีผลเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2555 แต่ในส่วนพิพากษาศาลแรงงานกลางกลับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 อันเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
สัญญาระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างกับจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างสมัครใจผูกพันกันตามโครงการจ่ายเงินโบนัสในรูปแบบหุ้นสามัญ ซึ่งจำเลยจัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิการส่งเสริมและจูงใจให้ลูกจ้างจงรักภักดีต่อองค์กร แสดงว่าเป็นสัญญาที่อยู่บนพื้นฐานนิติสัมพันธ์จ้างแรงงาน จึงเป็นสัญญาที่เกี่ยวเนื่องหรือเกิดขึ้นเนื่องจากการจ้างแรงงานที่อยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 14/1 เมื่อสัญญาดังกล่าวมีข้อตกลงหรือเงื่อนไขตามข้อบังคับโครงการข้อ 6.3 ระบุว่า "...ในกรณีที่การจ้างแรงงานของพนักงานสิ้นสุดลง พนักงานที่เข้าร่วมโครงการจะไม่มีสิทธิจองซื้อหุ้นที่ยังไม่มีการจัดสรรอีกต่อไป โดยถือเสมือนว่าธนาคาร (จำเลย) ได้ยกเลิกหุ้นที่ยังไม่มีการจัดสรรดังกล่าวแล้ว" ไม่ได้กำหนดถึงกรณีพนักงานหรือลูกจ้างลาออกจากงาน และข้อ 6.5 ที่ระบุว่า "หากมิได้มีการระบุไว้เป็นอย่างอื่นในข้อบังคับฉบับนี้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ซึ่งรวมถึงการไม่ได้มีการจองซื้อหรือการยกเลิกสิทธิในการจองซื้อหุ้นที่ยังไม่มีการจัดสรร ห้ามมิให้พนักงานที่เข้าร่วมโครงการมีสิทธิที่จะได้รับชำระเงินในส่วนที่เป็นค่าตอบแทนตามผลปฏิบัติงาน (เงินโบนัส) หรือค่าตอบแทนกรณีพิเศษสำหรับส่วนที่เตรียมไว้สำหรับชำระค่าจองซื้อหุ้น นอกจากการนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้ในการชำระค่าจองหุ้นที่ถูกจัดสรร" เป็นการกำหนดเงื่อนไขลอย ๆ ไม่ชัดแจ้งว่าสาเหตุที่ไม่ได้จองซื้อหุ้นหรือยกเลิกสิทธิการจองซื้อหุ้นเกิดจากการกระทำหรือความผิดของฝ่ายใด ทั้งไม่มีข้อกำหนดอัตราค่าปรับหรือริบเงินโบนัสตามพฤติการณ์การกระทำที่เป็นเหตุให้ไม่ได้จองซื้อหุ้น เมื่อพิจารณาสภาพการทำงาน ภาวะค่าครองชีพ ความเดือดร้อนของโจทก์ ระดับค่าจ้างหรือสิทธิประโยชน์อื่นของโจทก์ ฐานะแห่งกิจการของจำเลย สภาพเศรษฐกิจและสังคมทั่วไป และสภาพข้อบังคับโครงการประกอบกันแล้ว ข้อบังคับโครงการที่กำหนดเงื่อนไขตัดสิทธิขอรับคืนเงินโบนัสซึ่งเป็นเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับมาตั้งแต่จำเลยอนุมัติจ่ายให้ในแต่ละปีย่อมทำให้จำเลยในฐานะนายจ้างได้เปรียบโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างเกินสมควร ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจสั่งให้ข้อตกลงตามสัญญาจ้างแรงงานอันได้แก่ข้อบังคับโครงการในส่วนนี้มีผลใช้บังคับเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 14/1 โดยให้จำเลยจ่ายคืนเงินโบนัสส่วนที่ยังไม่ได้นำไปซื้อหุ้นพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่โจทก์ลาออกตามฟ้อง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ลาออกมีผลเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2555 แต่ในส่วนพิพากษาศาลแรงงานกลางกลับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 อันเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง